ลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านเฮ

อ่าน: 4752

หมู่บ้านเฮ เป็นทั้งชุมชนและเป็นพื้นที่ทำกิน คงไม่ถึงกับอยู่ดีๆ ก็มีกินโดยเนรมิตขึ้นมาหรอกนะครับ แต่ว่าข้าวปลาอาหารควรจะหาได้จากพื้นที่ของหมู่บ้านเฮ ไม่ต้องซื้อกิน (จะซื้อก็ได้ ไม่ว่าหรอกครับ)

หมู่บ้านเฮ ควรจะมีความมั่นคงทางพลังงาน พลังงานทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากพื้นที่ของหมู่บ้าน (น้ำ ลม ไบโอดีเซล ขยะ solar thermal ฯลฯ) หักกับพลังงานที่ซื้อหามา แล้วยังเหลือขายกลับไปให้การไฟฟ้าฯ

ก่อนจะเพ้อเจ้อต่อไป ก็ต้องหาที่ก่อนครับ เมื่อคืนคุยกับพ่อครูบา ป้าจุ๋ม ครูสุ กับน้าราณี บรรดาสาวๆ ให้ความเห็นถึงความต้องการพื้นฐานไว้น่าสนใจครับ

ความปลอดภัย

พื้นที่หมู่บ้าน จะต้องมีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้าย จากยาเสพติด จากการใช้กำลังตัดสิน/อิทธิพลมืด หมู่บ้านเฮอยู่ใต้กฏหมายไทย เป็นส่วนของราชอาณาจักรไทย

สังคมรอบข้าง

เราไม่ได้คิดจะไปตั้งหมู่บ้านเฮอยู่กลางป่าที่ห่างไกลผู้คนหรอกครับ จะไปอยู่ตรงไหน ก็จะมีคนอยู่ในพื้นที่นั้นแล้ว และเราก็คิดจะอยู่ร่วมกับเขาอย่างผาสุก จะจ้างงาน จะให้ความรู้ จะพยายามปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชน ด้วยความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ของชาวเฮ

อ่านต่อ »


ถกเฮ

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 17 December 2008 เวลา 11:15 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3428

ที่มาถกกัน ก็เพราะมีสมาชิกและที่ไม่ใช่สมาชิก รู้สึกว่าความคิดเรื่องเฮฮาศาสตร์อาจจะยังไม่ชัดเจนนัก ไม่เป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ หรือเข้าใจยากเนื่องจากไม่มีใครฟันธง ผมจดมาประมาณหน้าหนึ่ง แต่คงจะสรุปในบันทึกนี้ ไม่เหมือนกับที่จดมาหรอกนะครับ

เฮฮาศาสตร์คืออะไร

ก็นั่นนะซิ เฮฮาศาสตร์คืออะไร อย่างนี้เป็นศาสตร์ด้วยหรือครับ

เฮฮาศาสตร์ เป็นความเชื่อในกระบวนการทางใจ เป็นความผูกพัน ใช้สัมผัสเอา — ก่อนจะวิจารณ์ได้ ค้นให้พบเสียก่อนว่าเฮฮาศาสตร์คืออะไร อย่าทำเหมือนไปเที่ยวต่างประเทศ แค่ผ่านไปวันหนึ่งจะบอกว่ารู้จักประเทศนั้นแล้ว เป็นเรื่องที่หลอกตัวเองเกินไป ศาลจะตัดสินอะไร แม้จะเห็นชัดจากแง่ของกฏหมาย+พยานหลักฐาน ก็ยังต้องดำเนินการตามกระบวนการ ไม่ใช่ตัดสินด้วยอารมณ์ ความสะใจ หรือใครขอมา

ไม่ใช่บอกว่าจะ “ต้อง” เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เฮฮาศาสตร์ไม่ได้ผลิตคนออกมาเหมือนกันไปหมดเป็นอิฐบล็อค ไม่ได้เป็นลัทธิที่มีผู้นำคอยสั่งสอนและจูงจมูก ไม่ได้มีความพยายามจะเปลี่ยนคนอื่นให้เหมือนตัวเรา ถ้าเราเข้ากับกลุ่มไม่ได้ และไม่คิดจะปรับเปลี่ยนตัวเอง ก็ไปหากลุ่มอื่นได้

เฮฮาศาสตร์เป็นแบบจำลองพลวัตของสังคม มีความเกรงใจกัน มีความเชื่อถือ มีความเกื้อกูล แต่ไม่มีใครสั่งใครให้ทำอะไร สมาชิกแต่ละท่าน มีดีกันคนละอย่าง ใช้จุดดีนั้นเพื่อให้สังคมเล็กๆ นี้ อยู่ได้ เป็นระบบเครือญาติ ที่ในขณะนี้ ใช้ lanpanya.com เป็นเครื่องมือเชื่อม เสริมด้วยการพบปะกันเป็นครั้งคราว ทั้งกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย

คำว่า “เฮฮาศาสตร์” ที่จริงเป็นคำเรียกขานแนวคิดอันนี้ จัดเป็นรูปแบบอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาแล้วไม่ได้ศึกษาพิจารณาอย่างถ่องแท้ ก็จะไปติดกับประสบการณ์ส่วนตัวว่า เฮฮา กันอย่างเดียว ซึ่งเรื่องนั้นก็เป็นปัญหาส่วนตัวของผู้ประเมินครับ

อ่านต่อ »


มอง เฮฯ หก ผ่านเลนส์

อ่าน: 3530

คงเป็นหนังชุดสุดท้ายที่มาจากกล้องของผมนะครับ ผมเอาภาพถ่ายทั้งหมดมาเรียงกันตามเวลา ภาพที่เสีย (ความเร็วชัตเตอร์ไม่ถูกต้อง แสงไม่ดีพอ มือไม่นิ่งพอ) ก็ไม่ตัดออก นับได้ 459 ภาพ แต่ไม่รวมวิดีโอที่ถ่ายมา

จากนั้น นำมาเรียงเป็นสไลด์โชว์ด้วยโปรแกรม iPhoto ในแม็ค; หาเพลงมาก่อน ความยาวรวม 33.6 นาที จากที่ปกติชอบใช้ความเร็ว transition ประมาณ 100 ภาพต่อ 6-7 นาที ตอนนี้เป็น 100 ภาพต่อ 7.32 นาที (459 ภาพ)

ในทุกภาพมีหมายเลขกำกับอยู่ หากท่านใดอยากได้ภาพเบอร์ไหน จะได้ส่งให้ได้

สไลด์ชุดนี้ เหมาะสำหรับดูในวันหยุดเพราะว่ายาวกว่าครึ่งชั่วโมง (เท่าความยาวของเพลง)

Get the Flash Player to see this player.


วัฒนธรรมเฮ

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 13 December 2008 เวลา 0:08 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3396

มีเพื่อนร่วมงาน ไปอ้างอิงบันทึกเก่าของผมที่เขียนไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เรื่องทำไมองค์กรที่ดีจึงพังได้ เลยมีโอกาสไปอ่านบันทึกเก่าอีกครั้งหนึ่ง เจอความคิดเห็นที่ 41 ไม่รู้ว่าเขียนไปได้ยังไงเหมือนกัน อิอิ แต่อยากเอามาแก้ไขให้อ่านกันอีกทีครับ

วัฒนธรรมองค์กรประกอบไปด้วย:

  1. ทัศนคติในแนวเดียวกัน — คือแนวความคิดเห็นที่มีต่อสิ่งต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ
  2. ประสบการณ์ร่วมกัน — ความสำเร็จ ความผิดหวัง ความเป็นเพื่อน ความภูมิใจที่เกิดร่วมกัน
  3. ความเชื่อร่วมกัน — คือสิ่งที่อยู่ในอนาคต และเชื่อมใจคนไว้ด้วยกัน ความเชื่อเหมือนเป็นทัศนคติต่อเป้าหมายครับ
  4. คุณค่่าร่วมกัน — ความเห็นร่วมว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี (คำว่าดีหรือไม่ดีนั้น ใช้ประเมินเมื่อผลลัพท์เกิดขึ้นแล้ว หากยังไม่เกิดก็เป็นเพียงความเชื่อ)

ขนาดขององค์กรจะมีปัญหากับการเปลี่ยนแปลง หรือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรขึ้นมาใหม่เสมอครับ; ในบางองค์กรที่ไม่ค่อยมีเรื่องหวือหวา ใช้วิธีการอบรมพวก team building เพื่อประสบการณ์ร่วมกัน

สำหรับผม คิดว่าประเด็นวัฒนธรรมองค์กร ทั้ง 4 ประเด็นเป็นเรื่องที่อยู่ในใจ ดังนั้นก็ต้องพูดคุยกันมากๆ หน่อย และต้องใช้เวลามากครับ อย่ารวบรัดใจร้อน; ถ้าวัฒนธรรมองค์กรที่ต้องการ จะเป็นสิ่งที่คงอยู่ยืนยาวคู่กับองค์กร การทำอะไรครั้งเดียว-อย่างเดียว-ทำเสร็จในเทอมเดียว-โปรยเงินลงไปหวังให้จบ คงไม่ค่อยเข้ากับลักษณะของเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงที่หวังให้เกิดขึ้นอย่าง ยาวนานเท่าไหร่หรอกนะครับ

เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ครับ ควรจะหาแนวร่วม กระจายกันเป็น change agent (ซึ่งจะต้อง empower คนให้สามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงนั้นได้) แบ่งปัญหาให้เล็กลง ทำไปเป็นขั้นเล็กๆ แต่ทำหลายอย่างขนานกันไปในเวลาเดียวกันได้นะครับ

ลองหาอะไรทำร่วมกันที่มีโอกาสประสบผลสำเร็จสูงดีไหมครับ อย่างน้อยก็สร้างกำลังใจร่วมกัน

อ่านต่อ »


หมู่บ้านเฮ

อ่าน: 3161

เรื่องนี้ มีคนถามผมเยอะ แล้วผมก็เอาจริงนะเนี่ย

แต่มันมีปัญหาที่ต้องร่วมกันคิดหาทางเลือกกันหลายอย่าง ที่ถูกถามมากที่สุดคือจะตั้งอยู่ตรงไหน จะทำอะไร แล้วจะอยู่รอดได้ยังไง จะยั่งยืนไหม ฯลฯ แต่ว่าอยากตอบคำถามที่ไม่ได้ถามก่อนครับ

หมู่บ้านเฮ ไม่ใช่อะไร

  • หมู่บ้านเฮ ไม่ใช่ลัทธิ เมื่อตั้งเป้าหมาย อาจจะมีความเป็นอุดมคติอยู่บ้าง อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ไฝ่สูงก็ดีแล้ว ดีกว่ามุ่งไปอีกทางหนึ่ีง หึหึ
  • หมู่บ้านเฮ ไม่ใช่ของเล่นราคาแพง เป็นเรื่องที่ต้องทุ่มเทอย่างยาวนาน ความฝันจึงจะเป็นจริงได้
  • หมู่บ้านเฮ ไม่ได้เป็นคำตอบสำหรับทุกอย่าง ความคิดเรื่องหมู่บ้านเฮ พยายามตอบคำถามอย่างเดียว คือทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตอย่างยั่งยืน กล่าวคือมีอาหาร มีการเรียนรู้ มีการดูแลสุขภาพ มีสาธารณูปโภคในระดับที่เหมาะสม
  • หมู่บ้านเฮ ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เป็นอยู่ เช่นเงิน ธุรกิจชุมชนหรือส่วนตัว ปฏิสัมพันธ์กับสังคมรอบข้าง กฏหมาย

จะเริ่มได้อย่างไร

เริ่มจากการหาที่ก่อนครับ อยากได้ที่ที่ไม่ไกลจากเมืองมากนัก ในระยะเริ่มต้น จะยังไม่มีความพร้อม หมู่บ้านเฮจะต้องยืนอยู่ให้ได้ ที่ที่ไม่ไกลเมือง มักจะมีราคาแพง ถ้ามีที่น้อย จะขยายตัวไม่ได้ แต่ถ้าเยอะมากนัก ก็แพงอีก สมาชิกหมู่บ้านเฮก็จะซื้อไม่ไหว ที่พูดเรื่องการซื้อที่ดินนี้ ไม่่อยากให้มองเป็นเรื่องการจัดสรรที่ดิน แต่เป็นการรวมกำลังกันสร้างความฝันให้เกิดขึ้น

เมื่อได้ที่ดินแล้ว ปลูกต้นไม้ทันที ต้องการพืชคลุมดินโดยด่วน อาจจะต้องใช้เวลานาน สวนป่ามหาชีวาลัยอีสานที่สตึกใช้เวลา 10 ปี แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างพื้นที่ของสวนป่า กับพื้นที่ข้างเคียง แม้แต่ภาพถ่ายดาวเทียมก็เห็นชัดระหว่างพื้นที่สวนป่าสีเขียว กับพื้นที่ภายนอกที่สีไม่เขียว ในระหว่างที่รอต้นไม้โต ต้องหากิจกรรมมาทำอย่างต่อเนื่อง

อ่านต่อ »


เฮฯ หก: เบื้องหลังภาพถ่ายที่เอามาอวด

23 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 9 December 2008 เวลา 20:15 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 5361

ก็ไม่เชิงเป็นภาพส่งประกวดหรอกนะครับ กล้องเก็บความทรงจำ กล้องใหญ่บางทีก็เก็บรายละเอียดได้มากกว่า (ปลอบใจตัวเองให้สมกับที่แบกไป) ไม่ได้ซีเรียสกับการประกวดภาพถ่ายหรอกครับ แต่อยากบันทึกเหตุการณ์ไว้กันลืมเท่านั้น

เหตุการณ์แรก “อุบัติเหตุน้ำมูกช้าง”

เช้าวันที่ 4 ธ.ค. เป็นโปรแกรมล่วงหน้าระหว่างรอพลพรรค มาพบกับทีมวงน้ำชาที่ห้องนั่งเล่น คุณเบิร์ด พาครูบา ป้าจุ๋ม พี่ตา น้องจิ กับผม ไปปางช้างกะเหรี่ยงสามัคคี; ไม่รู้ว่าสามัคคีอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นได้ว่าอยู่ร่วมกันหลายเผ่าพันธุ์

ป้าจุ๋ม น้องจิ ขึ้นช้างแก่ พี่ตาขึ้นช้างหนุ่ม ไปเที่ยวกัน ที่เหลือก็ซื้อกล้วยอ้อยเลี้ยงช้าง ดูงูเหลือม แล้วไปนั่งคุยกันริมน้ำ รออีกสามท่านจับตั๊กแตนเสร็จ

ตอนเลี้ยงช้าง ผมอยากได้ภาพช้างยื่นงวงมาหากล้อง ก็เลยยื่นอาหารให้ช้างยื่นงวงมาเอา พอกล้วยกับอ้อยหมด ช้างไม่รู้ หรือคิดว่ากล้องผมเป็นอาหารก็ไม่รู้ เลยยื่นงวงมาจะเอาอีก แล้วก็ แ-ผ-ล-ะ

งวงมาแปะอยู่ที่ฟิลเตอร์เลนส์ของผม แถมมีน้ำมูกเป็นเมือกๆ ด้วย รูปทางซ้ายเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเดียว ก่อนที่เหตุการณ์สยดสยองนี้จะเกิดขึ้น

โมโหก็โมโห ขำก็ขำ แต่ไม่ได้โทษช้าง เป็นเพราะเราประมาทเอง ยืนใกล้เค้าเกินไปเอง

ครูบาถ่ายเบื้องหลังไว้ได้ด้วยเป็นภาพทางขวาครับ
1.เก็บกล้อง 2.หยิบกล้วย 3.ถ่ายรูป 4.เอาอีก 5.ภัยมาไม่รู้ตัว 6.เละ

จากปางช้างแล้ว ฝ่ายโภชนาการ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์เลี้ยงข้าว จากนั้นไปพิพิธภัณฑ์อูบคำ บ้าน อ.ถวัลย์ ดัชนี แล้วก็ไปห้องนั่งเล่นในตอนเย็น

อ่านต่อ »


ปิดบล็อกเที่ยว

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 3 December 2008 เวลา 3:45 ในหมวดหมู่ ลานปัญญา #
อ่าน: 2900

หนึ่งสัปดาห์จากนี้ ผมไปเที่ยวโดยไม่มีคอมพิวเตอร์หรือเน็ตครับ แม้ว่าจะเขียนมาจากโทรศัพท์มือถือได้ แต่ก็รู้สึกว่ามันจะเว่อร์ไป

ดังนั้น ก็จะไม่มีอะไร “ใหม่” ในบล็อกนี้จนต้นสัปดาห์หน้า ผมเอาบันทึกเก่าที่เขียนไว้ที่อื่นมารีไซเคิลแก้ขัดไปก่อน ส่วนการเขียนอะไรใหม่ระหว่างนี้ ย้ายไปลานเจ๊าะแจ๊ะ

อ่านต่อ »


เจ้าเป็นไผ ภาคพิสดาร

อ่าน: 5867

สืบเนื่องจากบันทึกคุณคนไทย ทำยังไงจะหายบื้อ เป็นการแจกการบ้าน อีกแล้วครับท่าน

Sanctuary Asia cover page (june 2008)

แม่ถ่ายให้ที่พระตำหนักดอยตุง

เคยเขียนเรื่อง กว่าจะเป็น Conductor กับ Blog-Tag เอาไว้

การเขียนเรื่องเกี่ยวตัวเอง มันค่อนข้างยากที่จะนำเรื่องไม่ดีมาเขียน — ซึ่งผมคิดว่าคบกันไป จะทำให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียตามความเป็นจริงมากกว่า — ที่ไม่ค่อยนำเรื่องไม่ดีมาเขียนกันนั้น อาจไม่ได้เป็นเพราะต้องการจะปกปิดบิดเบือนหรอกครับ ผมเชื่อว่าทุกคนพยายามจะเป็นคนดี ถ้ายังมีสิ่งไม่ดีอยู่ อาจเป็นเพราะไม่รู้ตัวก็ได้ ซึ่งก็ต้องอาศัยเพื่อนช่วยเตือน แต่ถ้ารู้ตัวแล้วไม่แก้ ก็แก้ไม่ได้ครับ ใครก็ไปแก้เขาไม่ได้อยู่ดีถ้าใจเขาไม่เปิดรับ

อย่างไรก็ตาม เขียนก็เขียนครับ หวังว่ามีบทเรียนให้ทุกย่อหน้า — แต่จะได้หรือไม่ ก็สุดแต่จะพิจารณากันเอง

ครอบครัว

ตอนเด็ก ผมอยู่บ้านคุณปู่ ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้จัดการสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของประเทศสองแห่ง หลังจากคุณปู่เกษียณอายุ สถาบันการเงินทั้งสองแห่ง “ไม่อยู่แล้ว”; คุณปู่เป็นคนตรงมาก เมื่อขยายสาขาธนาคารซึ่งไปซื้อที่ดินตามจังหวัดต่างๆ มีผู้ขายนำเงินมาให้ คุณปู่บอกให้ลดค่าที่ดินมาเป็นจำนวนเท่ากันให้กับธนาคาร และปฏิเสธการรับเงิน “สินน้ำใจ” เมื่อใช้นามสกุลพระราชทาน ก็ต้องรักเกียรติ รักศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล

ผมเคยถามพ่อว่าคุณปู่มีเงินขึ้นมาได้อย่างไร พ่อบอกว่าคุณปู่ซื้อทองเก็บฝังตุ่มไว้ในช่วงสงคราม (ตุ่มอยู่ใต้ดิน เลื่อนได้เพราะแรงระเบิด) พอหลังสงครามทองขึ้นราคา เลยพอมีพอกินไปจนตลอดอายุขัย ลำพังเงินเดือนลูกจ้าง แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ก็จะไม่พอที่จะส่งลูกหลายคนเรียนต่างประเทศได้

อ่านต่อ »


“เจ้าเป็นไผ”

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 5 October 2008 เวลา 4:01 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, ลานปัญญา, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4432

“เ จ้ า เ ป็ น ไ ผ” คำถามง่ายๆ ของชาวเฮฯ แต่ตอบยากชะมัด

แม้ว่าจะไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่เฉลยได้อย่างการเฉลยข้อสอบ แต่คำตอบที่เป็นการเล่าประวัติตำแหน่งหน้าที่การงานนั้น ผิดอย่างแน่นอน

คำถาม เจ้าเป็นไผ นั้น ถามง่ายๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง คนเราจะเป็นเพื่อนกัน ก็ควรรู้จักกันไว้บ้าง ไม่เพียงแต่พื้นเพ ปูมหลัง นิสัยใจคอ หรือเรื่องพื้นๆ ที่เกี่ยวกับการแนะนำตัวอื่นๆ แต่ผมคิดว่า อย่างน้อยมีอีกสองเรื่องสำคัญคือ

  • เรียนรู้ได้อย่างไร -> เล่าผ่านประสบการณ์ ที่หล่อหลอมมาจนท่านเป็นท่านในปัจจุบัน
  • จุดหมายปลายทางทิศทาง -> ต้องการอะไร และจะทำอะไร

เจ้าเป็นไผ ไม่ใช่การเล่าเรื่องเพื่อให้คนอื่นมาชื่นชมหรอกครับ นั่นมันเรื่องเด็กๆ; มันไม่ใช่ความผิดที่ใครจะมาชื่นชม แต่หากว่าเราทำอะไรโดยหวังให้คนอื่นมาชื่นชม (ซึ่งเมื่อไม่ชมก็เกิดเป็นง่อย หรือว้าเหว่ขึ้นมาอย่างกระทันหัน) แบบนี้เป็นการการของการเสพติดคำชมแล้วล่ะครับ เป็นอาการของคนที่ตั้งตนอยู่ในความประมาท อีกทั้งไม่มี self-esteem ด้วย หลงอยู่กับคำป้อยอที่ไม่จริง

เพราะการชมบ่อย-ชมมาก-ชมโดยไม่มีเหตุผล ก็เป็นการเสแสร้งประจบประแจง — สังคมไทยจึงเป็นอยู่อย่างในปัจจุบัน คือจะต้องมีการหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมทำในสิ่งที่ต้องทำหากไม่ได้อะไรตอบแทน ไม่มี self-esteem

ความชื่นชมนั้น ต้อง earn มา กล่าวคือหามาได้แบบที่สมควรจะได้รับด้วย ซึ่งหมายความว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างที่มีผลต่อผู้อื่น ไม่ใช่การกระทำเพื่อตนเอง


813 และ 814 ที่สุวิมลและบุตรแมนชั่น

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 12 July 2008 เวลา 21:25 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 6129

สืบเนื่องจากบันทึก 814 เป็นที่ฉงนสำหรับผู้ที่ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยม ขืนบอกแท็กซี่อย่างนี้ อาจจะต้องเรียกแท็กซี่ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด หรือว่าจ่ายค่าแท็กซี่อ่วมอรทัย

  • สุวิมลและบุตรแมนชั่น ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ทางที่ไปปากเก็ด
  • เลี้ยวเข้าแจ้งวัฒนะ ขับไปทางปากเกร็ด ผ่านโฮมโปร/คาร์ฟู ให้ชิดซ้าย
  • เลยปัมป์น้ำมันคาลเท็กซ์ไปขับช้าๆ ผ่านโชว์รูมรถเบนซ์ มีสะพานลอยคนข้ามอยู่ตรงนั้น
  • เลยสะพานลอยคนข้าม (ซอยติวานนท์-แจ้งวัฒนะ 20 ไปอีกซอยหนึ่ง)
  • มีซอยเล็กๆ ชื่อซอยสุขสำราญ (แต่ไม่มีป้ายชื่อซอย) อยู่ก่อนถึงโรงพยาบาลสายตาท๊อปเจริญ เลี้ยวเข้าซอยไป 10 เมตร จะเห็นสุวิมลและบุตรแมนชั่น ซึ่งที่จริงมองเห็นได้จากถนนใหญ่แล้ว

อ่านต่อ »



Main: 0.047482967376709 sec
Sidebar: 0.13294100761414 sec