ความคิด

อ่าน: 2980

วิถีแห่งปราชญ์ เป็นปฏิปทา จริยาวัตร ของ พระพรหมคุณาภรณ์​ (ป. อ. ปยุตฺโต)

๒๙.
ความคิด

ท่านเจ้าคุณ​ฯ เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความคิดไว้หลายแห่ง ที่สำคัญที่สุดน่าจะได้แก่ “วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ๑๐ ประการ” ในหนังสือ พุทธธรรมฉบับปรับปรุงและขยายความ หน้า ๖๗๕-๗๒๗)​ นอกจากนั้นก็มีปรากฏในปาฐกถาต่างๆ อีกหลายแห่ง

ปาฐกถาหนึ่งที่ขออ้างถึงในที่นี้ เป็นปาฐกถาที่ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ที่ไหนเลย บรรยายที่ศูนย์วัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ หัวข้อว่า “วิธีคิดและแก้ปัญหาแบบพุทธวิธี” มีใจความตอนหนึ่งที่อยากจะนำมาเล่าไว้ ณ ที่นี้

“ควรสอนวิธีคิดที่ถูกต้องให้แก่เด็กตั้งแต่อยู่ในวัยแรก อาจจะโดยการใช้วิธีคำถามคำตอบ ซึ่งเป็นวิธีที่แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ทรงใช้มาก และใช้บ่อย

“บางคนอาจจะนึกว่า ขั้นเด็กเล็กนี่ยังไม่จำเป็น ที่แท้แล้ว การฝึกตั้งแต่เด็กเล็กมีความสำคัญมาก

“ขอยกตัวอย่างของการฝึกเด็กที่นำไปสู่วิถีชีวิตและชะตากรรมของสังคมไทยในสังคมไทย คนมีค่านิยมบบริโภคมาก ไม่ค่อยมีค่านิยมผลิต หรือการไฝ่รู้ มองดูให้ลึกแล้วจะเห็นว่า เริ่มมาตั้งแต่การเลี้ยงดูของพ่อแม่ เพราะเด็กกำลังโตจะมีศักยภาพที่จะเป็นไปได้สองทาง คือ ๑. ศักยภาพในการรับรู้แบบชอบ-ชัง และ ๒. ศักยภาพในการรับรู้ไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์ อันนี้สุดแล้วแต่เราจะฝึกเด็กไปทางไหน

อ่านต่อ »


ชั่งหัวมัน

อ่าน: 2973

เรื่อง ชั่งหัวมัน
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๑๙

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย

ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะอันเป็นหลักคำสอนในทางพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการฟังตามสมควรแก่เวลา

ในระยะสองสามวันมานี้พวกเราคงจะได้ยินข่าวอันหนึ่ง คือข่าวว่าประธานเหมาเจ๋อตุงถึงแก่ความตาย ที่เอาเรื่องประธานเหมาเจ๋อตุงมาพูดกับโยม อย่านึกว่าพูดการบ้านการเมือง ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการเมือง แต่ว่าเป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงชีวิตว่า คนเรานี้แม้จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน มีอำนาจราชศักดิ์สักเท่าใดก็ตาม ก็ย่อมจะถึงจุดจบลงไปสักวันหนึ่ง จุดจบนั้นคือความตายนั่นเอง ความตายของคนคนหนึ่งเกิดขึ้น ก็ย่อมมีข่าวไปทั่วโลก เพราะว่าคนคนนั้นมีชื่อมีเสียงในทางการบ้านการเมือง

ข่าวที่ปรากฎออกไปนั้น มีคนเสียดายก็มี มีคนดีใจก็มีเหมือนกัน เช่นว่าจากเกาะไทเป (ไต้หวัน) หนังสือพิมพ์เขาดีใจ เขาดีใจว่าตายเสียทีก็ดีแล้ว แต่ว่าในส่วนอื่นๆ ของโลกนั้นเขาเสียใจกัน เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมดา คนเราย่อมมีคนรักบ้าง มีคนชังบ้าง

เรื่องความรักความชังของมนุษย์นี้ เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดต้องมี หนีไม่พ้น ในทางธรรมท่านจึงบอกให้รู้ว่า มันเป็นโลกธรรม คือเป็นธรรมสำหรับชาวโลกทั่วๆ ไป คือว่าบางสิ่งก็เป็นที่พอใจ เช่นในดิลกธรรม ว่าถึงเรื่องความมีลาภ มียศ มีสรรเสริญ มีความสุข อันนี้เป็นอิฏฐารมณ์ เป็นสิ่งที่น่าพอใจพึงใจ ใครๆ ก็อยากจะมีลาภ มียศ มีสรรเสริญ มีความสุข แต่ในอีกด้านหนึ่งในความไม่มีลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ อันนี้ไม่มีใครต้องการ

แต่ว่าเราอยู่ในโลกจะหนีพ้นไปจากสิ่งนี้ไม่ได้ ธรรมทั้งแปดประการนี้ เป็นกระแสของโลก เพราะฉะนั้นท่านจึงเรียกว่า เป็นโลกธรรม คือมีอยู่ในโลกตลอดเวลา เราเกิดมาในโลกก็ต้องพบกับสิ่งหล่านี้ ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง ญาติโยมทุกคนลองคิดดู ว่าในชีวิตของเรานี้ เราเคยมีลาภ เราเคยเสื่อมลาภ เราเคยมียศ เราเคยสรรเสริญ มีความทุกข์ มีความสุข ได้รับการสรรเสริญ ได้รับการนินทา ใครๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น คนเราจะเป็นคนที่ดีส่วนเดียวก็ไม่ได้ การดีการเสียของบุคคลนั้น มันขึ้นอยู่กับการกระทำเป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าคนอื่นนั้นเขาอาจจะมองเราในทางใดก็ได้ เพราะการเพ่งมองของคนอื่นนั้น เป็นสิทธิของเขา เป็นสิทธิในการที่จะมอง ในการที่จะพูด ในการทีจะแสดงออก ถึงความรู้สึกนึกคิดของเขา เราจะไปห้ามก็ไม่ได้

อ่านต่อ »



Main: 0.029181003570557 sec
Sidebar: 0.19784283638 sec