สำนึกสร้างปัญญา
อ่าน: 2768เรื่อง สำนึกสร้างปัญญา
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๒๐ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย
ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรม อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการอันสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟังตามสมควรแก่เวลา.
เมื่อวันอาทิตย์ก่อนได้พูดถึงความร้อนให้ญาติโยมทั้งหลายได้ฟังกัน มีหลายคนบอกว่าปาฐกถาเป็นที่ถูกอกถูกใจ แล้วก็บอกว่าควรจะเอาไปอ่านอีกที จึงจะได้เกิดความรู้ความเข้าใจดีขึ้น เพราะว่าการฟังครั้งเดียวอาจจะลืมได้ อ่านบ่อยๆ เตือนตนเองบ่อยๆ ให้เกิดความสำนึกในสิ่งอันเราจะต้องปฏิบัติ เพราะในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น อาจจะมีอะไรเป็นเหตุให้เกิดความเผลอไผล ประมาทในการคิด การพูด การกระทำอยู่บ้าง เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว ไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องที่ได้กระทำผิดพลาดไปนั้น ก็จะเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ตามปกติทั่วๆ ไป นั้นไม่ชอบความผิด ไม่ชอบความเสียหาย
แต่ว่าทั้งๆ ที่เราไม่ชอบ ก็มีอาการเผลอ ประมาท เกิดการผิดพลาดในชีวิตขึ้นมาได้ และเมื่อเกิดความผิดพลาดแล้ว เราไม่ได้พิจารณา สอดส่องในเรื่องนั้นให้เห็นชัด ว่าอะไรเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย เมื่อไม่รู้ไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่อง บางทีก็ทำซ้ำลงไปอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น อันนี้เป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยากในชีวิตประจำวัน เราทั้งหลายไม่ต้องการความยุ่งยาก ไม่ว่าในแง่ใดๆ เมื่อไม่ต้องการความยุ่งยาก ก็ควรจะได้หมั่นตักเตือน พิจารณาตนเองตามแนวธรรมะที่เราได้ศึกษาเล่าเรียน จากการอ่านบ้างการฟังบ้าง เพื่อเอาไปแก้ไขปัญหาชีวิตต่อไป
การแก้ปัญหาชีวิตประจำวันของเราแต่ละเรื่องแต่ละประการนั้น ควรจะอาศัยความรู้ความชำนาญ หรือประสบการณ์ในชีวิตเป็นเรื่องประกอบ ถ้าไม่มีความชำนาญ หรือประสบการณ์ในชีวิต เป็นเครื่องประกอบ เราก็ไม่สามารถจะแก้ไขในเรื่องนั้นๆ ได้ เพราะเหตุอันนี้แหละพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตักเตือนภิกษุบ้าง อุบาสกอุบาสิกาบ้าง ในเมื่อพระองค์พอที่จะพูดจะแนะนำพร่ำเตือนคนเหล่านั้นได้ ท่านก็มักจะเตือนว่า ท่านทั้งหลายอย่าอยู่ด้วยความประมาท พึงมีสติปัญญาคอยกำหนดความเป็นอยู่ของตนไว้ตลอดเวลา การมีสติปัญญาคอยกำหนดตนนั้น เป็นเรื่องสำคัญซึ่งเราพูดในภาษาไทยว่า มีความรู้สึก มีความสำนึกแล้วก็มีความคิดความเข้าใจในเรื่องนั้นเข้ามา