สรุปทริปเบิกโรงวัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ ลำพูน

อ่าน: 5350

เรื่องนี้ คงจะเริ่มต้นขึ้นที่คุณอมรา พวงชมพู กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามแฮนด์ จำกัด เจ้าของเสื้อแบรนด์ “แตงโม” ซึ่งเป็นนักศึกษาหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่ ๑ ได้เจอกับครูบา ในงานวันระพีเสวนาครั้งที่ 2/2552 ป้าจุ๋มก็อยู่ด้วย คุยไปคุยมาก็ไปถึงเรื่องอรรถประโยชน์ของต้นเอกมหาชัย คุณอมราอยากได้ไปปลูกที่วัดพระบาทห้วยต้ม สองพันต้น ก็เลยมีอันจะต้องไปดูสถานที่ บอกกล่าววิธีเตรียมหลุม ระยะห่าง การใส่ปุ๋ยเพื่อเตรียมหลุม ฯลฯ ซึ่งนั่นเป็นที่มาหลักของทริปนี้ครับ; เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองทั้งนั้น ทั้งเส้นทางเถิน-ลี้ ทั้งดอยอินทนนท์ ทั้งร้านถนอมโภชนา ทั้งกิ๊ก (สองอันหลังนี่ หลุดออกมาทีหลัง ฮี่ฮี่ฮี่)

โรงงานเสื้อแตงโม

โรงงานเสื้อแตงโมนั้น กระจายอยู่ทั่วไป สร้างงานให้ชาวบ้านในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีโอกาส (เช่นที่นราธิวาส) เป็นโรงงานที่ไม่มีเวลาเข้างาน อยากจะมาทำตอนไหนก็มา ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย โดนใจผมมากครับ คนเราอยากได้อะไร ต้องหาเอา (earn) จะมัวนั่งรอสิ่งที่ต้องการไม่ได้ ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องทำไม่เหมือนเดิม กรีดยางแล้วมาเย็บเสื้อก็ยังได้ ดีกว่าอยู่กับบ้านเฉยๆ

กับการทำงานเป็นลำดับชั้นที่เราคิดกันว่า “เป็นระบบ” นั้น เป็นการเคารพความรู้ความชำนาญในตัวคนแค่ไหน การที่หัวหน้าใหญ่สั่งการบ้าๆบอๆ แถมบางทีทำเพื่อตัวเองนั้น ดีกับสังคมนั้นอย่างไร หากทุกๆคนในสังคมนั้น มีส่วนช่วยกันร่วมสร้างสังคมนั้นขึ้นมา มากบ้างน้อยบ้าง เขาแต่ละคนได้รับโอกาสอย่างยุติธรรมหรือไม่

หรือว่า “พอไม่โปรด ก็เลยแป็ก” เป็นเรื่องที่ยุติธรรมแล้ว

อ่านต่อ »


วัดพระบาทห้วยต้ม

อ่าน: 3863

นัดพี่ครูอึ่ง 8 โมงเช้า ออกเดินทางไปวัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ ถึงวัด 10:45 เดินสำรวจวัดซึ่งอยู่ในระหว่างเตรียมงานใหญ่

ชาวบ้านรอบพื้นที่วัด เป็นชาวปากะยอ มีศรัทธาในพุทธศาสนาและหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา กินมังสวิรัต ไม่เลี้ยงสัตว์เพื่อการบริโภค

บ่ายสองโมงไปศูนย์โครงการหลวง ครูบาพูดกับชาวบ้าน น่าฟังมากครับ ถ้าไม่ได้ฟังก็อด เสร็จสี่โมง ตรงไปรับน้าอึ่งอ๊อบกับพีสร้อยที่เชียงใหม่ ให้พี่สร้อยเลี้ยงครับ

อ่านต่อ »


เกลือกับแผ่นดินอีสาน

อ่าน: 6240

จากบันทึกเรื่องเกลือ ซึ่งเป็นข้อกังวลเรื่องการกระจายตัวของเกลือ ทำให้ดินเค็ม เพาะปลูกไม่ได้ แต่ก่อนที่จะหาทางจัดการเรื่องนี้ให้ได้ ก็ต้องเข้าใจสาเหตุที่เกิดขึ้นเสียก่อน

ในอดีตกาลนานมาแล้ว อีสานเคยเป็นทะเลมาก่อน เมื่อแผ่นดินยกตัวขึ้น/ระดับน้ำลดลง น้ำทะเลก็ถูกขังอยู่ใน “แอ่ง” และเมื่อน้ำระเหยไปเรื่อยๆ จึงเหลือแจ่เกลือตกตะกอนอยู่บนแผ่นดินอีสาน แล้วก็มีซากพืชซากสัตว์มาทับถม กลบฝังเกลือปริมาณมหาศาลเอาไว้ใต้แผ่นดิน ใต้แอ่งโคราช และแอ่งสกลนคร

จากคำถามในบันทึก

อีสานมีฝนเฉลี่ย 1000 มม. (เกือบ)ทุกพื้นที่ แต่มีปัญหาเก็บกักน้ำไม่อยู่ เมื่อฝนตกลงมา ก็ซึมลงไปใต้ดินหมด หากชั้นของเกลืออยู่ตื้น น้ำที่มีความเค็ม ก็จะทำให้ดินเค็ม ใช้เพาะปลูกไม่ได้

กรมทรัพยากรธรณี อธิบายไว้ว่า

รูปแสดงภาพตัดขวางแสดงชั้นเกลือหิน จาก อ.พล จ.ขอนแก่น ถึง จ.หนองคาย (จาก นเรศ สัตยารักษ์, 2533)

พื้นที่ดินเค็ม บริเวณอำเภอจตุรัส จังหวัดนครราชสีมา ปรากฎคราบเกลือสีขาวพบผิวดิน ไม่สามารถทำการเกษตรได้

พื้นที่ห้วยคอกช้าง บ.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม เป็นพื้นที่ดินเค็ม ซึ่งแม้จะ ไม่มีคราบเกลือให้เห็น แต่ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรมได้

พื้นที่ หนองบ่อ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม แสดงความแตกต่างของระดับพื้นที่พื้นที่ใกล้ ระดับน้ำใต้ดินจะมีคราบเกลือบนผิวดิน ปลูกพืชไม่ได้พื้นที่เนินที่อยู่ด้าน หลัง อยู่สูงกว่า มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น

อ่านต่อ »


กังหันน้ำก้นหอย (5)

อ่าน: 5519

บันทึกเรื่องสูบน้ำใช้ธรรมชาติกับฟิสิกส์ซึ่งผมเขียนไว้เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2551 ถูก reblog ครั้งหนึ่งไปยังฟิสิกส์ราชมงคล

เมื่อศึกษาเพิ่มเติม แล้วเขียนออกมาเป็นบันทึกชุดกังหันน้ำก้นหอย [1] [2] [3] [4] และบันทึกนี้ซึ่งเป็นบันทึกสุดท้าย ผมได้รับความคิดเห็น อีเมล และ SMS ขอข้อมูล และขอเว็บไซต์ที่ไปศึกษามา และแจ้งด้วยว่าอยากร่วมทดลองสร้างต้นแบบ เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์กับชีวิตชาวบ้าน สร้างได้ด้วยราคาถูก และชาวบ้านบำรุงรักษาได้เอง ขออนุโมทนาด้วยครับ

ผมเองไม่ค่อย bookmark อะไรไว้ เมื่อจะศึกษาอะไรก็ค้นเอาในเวลาที่สนใจ เพียงแต่ว่าเวลาค้าจะต้องหาคำสำคัญ (keyword) ให้ถูกต้อง ในกรณ๊นี้ใช้ “spiral pump” “water wheel” “hydro power” ฯลฯ

สำหรับเว็บไซต์ที่ไปเอารูปมา อยู่ที่


กังหันน้ำก้นหอย (4)

อ่าน: 20547

ความรู้ที่แท้จริงนั้น จะต้องแยกความรู้สึกและความเห็นออก เหลือแต่แก่นของความรู้แท้ๆ

กังหันน้ำก้นหอย มีใช้มาตั้งแต่ยุคที่ไม่มีไฟฟ้า เป็นการเปลี่ยนพลังงานจลน์ (น้ำไหลหมุนกังหัน) เป็นพลังงานศักย์ (ยกน้ำขึ้นสูง) โดยวิธีการก็เป็นความรู้้ระดับมัธยม

แต่เครื่องมือใดๆ ในโลกนั้น ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยกันทั้งนั้น บันทึกนี้กล่าวถึงข้อดี ข้อจำกัด และวิธีแก้ไขข้อจำกัด

  1. หัวตักน้ำที่อยู่ปลายท่อ มีขนาดใหญ่กว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อ เพื่อที่จะกรอกน้ำเข้าไปในท่อ แม้หัวตักน้ำยกตัวขึ้นพ้นน้ำไปแล้ว
  2. กังหันนี้หมุนช้าๆ ก็สามารถทำงานได้ ซึ่งเหมาะกับเมืองไทยที่พื้นที่ไม่มีความลาดเอียงมากนัก ลำธารจึงไม่ไหลเชี่ยว แต่หากลำธารมีน้ำไหลช้ามากหรือเกือบนิ่ง อาจใช้ฝายขนาดเล็ก ปล่อยน้ำออกในช่องที่เล็กกว่าความกว้างของลำธาร เพื่อเพิ่มความเร็วของน้ำ ให้ไปหมุนกังหัน
  3. เมื่อน้ำเข้าถึงขดในสุดแล้ว ความดันอากาศยังคงรักษาอยู่ได้โดยปล่อยน้ำออกที่ระดับสูง ตามที่คำนวณหรือทดลองไว้
  4. หากกังหันน้ำ ไม่สามารถส่งน้ำขึ้นไปยังระดับความสูงที่ต้องการได้ เราสามารถลดขนาดพื้นที่หน้าตัดของท่อที่ส่งน้ำขึ้นสูงนี้ลง (เมื่อพื้นที่ลดลง จะยกน้ำขึ้นได้สูงกว่าเดิม เช่นเดียวกับการบีบปลายสายยางรดน้ำต้นไม้)

อ่านต่อ »


กังหันน้ำก้นหอย (3)

อ่าน: 10394

จากบันทึกก่อน กังหันน้ำก้นหอยนี้ ทำงานด้วยการประยุกต์กฏของบอยด์ ซึ่งกล่าวโดยคร่าวๆ ว่า สำหรับก๊าซแล้ว เมื่ออุณหภูมิคงที่ ปริมาตรคูณกับความดัน มีค่าคงที่ ซึ่งอาจจะจำได้ในรูปของสูตร P1V1 = P2V2 สมัยเด็กๆ นัยของกฏของบอยด์บอกว่า ถ้าอุณหภูมิคงที่ เมื่อปริมาตรน้อยลง ความดันจะสูงขึ้น

  1. กังหันน้ำก้นหอย ตักน้ำเมื่อหัวตักจุ่มลงไปในน้ำ แต่เมื่อพ้นน้ำแล้ว มีอากาศตามเข้าไป
  2. น้ำและอากาศถูกส่งเข้าไปยังขดถัดไป ใกล้ศูนย์กลางมากขึ้นเรื่อยๆ
  3. แต่เมื่อเลื่อนไปยังขดถัดไป ปริมาตรน้ำเท่าเดิม แต่ปริมาตรอากาศลดลง
    • ปริมาตรของขด = พื้นที่หน้าตัดของสายยาง x เส้นรอบวงของแต่ละขด
    • พื้นที่หน้าตัดของสายยางคงที่้
    • เส้นรอบวงของแต่ละขด = 2πr โดยที่ r เป็นรัศมีของแต่ละขด
    • เมื่อเป็นขดในๆ มากขึ้น รัศมีก็ลดลงเรื่อยๆ ทำให้ปริมาตรของแต่ละขดลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน
    • แต่ปริมาตรน้ำซึ่งเป็นของเหลว(เกือบ)คงที่ ช่องว่างที่เป็นที่อยู่ของอากาศ จึงลดลงในอัตราที่มากกว่าอัตราการลดลงของรัศมี ซึ่งทำให้ความดันในขดในๆ เพิ่มขึ้นในอัตรที่มากกว่าการลดลงของรัศมี
    • นี่เป็นเหตุผลว่ากังหันน้ำก้นหอย สร้างความดันขึ้นได้อย่างไร โดยอาศัยเพียงการหมุนของกังหัน ถ่ายเทน้ำและอากาศเข้าไปยังขดในๆ
  4. อากาศในขดนอกสุด มีค่าเท่ากับความดันบรรยากาศ (1 bar หรือดันน้ำขึ้นไปได้สูง 34 ฟุต/10.36 เมตร)

อ่านต่อ »


กังหันน้ำก้นหอย (2)

อ่าน: 25225

กังหันน้ำก้นหอย เป็นการใช้กฏของบอยด์ (หรือกฏของก๊าซ) ซึ่งเป็นความรู้ระดับมัธยมปลาย มาประยุกต์ใช้ สร้างความดันขึ้นในท่อ เพื่อยกน้ำขึ้นสูง

วัสดุหลักในการสร้างกังหัน มีท่อสายยาง กันหันน้ำ หัวตักน้ำ แป๊บเหล็กเป็นแกนหมุน และที่ทำเองได้ยากคือโรตารี่ยูเนี่ยน (rotary union บางทีเรียก rotary joint หรือ spiral เป็นท่อที่ปลายทั้งสองข้างหมุนจากกันได้อย่างอิสระ โดยของเหลวที่อยู่ภายในท่อไม่รั่วออกมา)

กังหันน้ำหมุนไปตามการไหลของกระแสน้ำ โดยหัวตักน้ำมีขนาดใหญ่กว่าสายยาง

เมื่อกังหันหมุนไป น้ำจะถูกตักส่งเข้าไปในสายยาง เมื่อหมุนไปเรื่อยๆ น้ำที่ถูกตักในรอบที่แล้ว ก็จะถูกส่งไปยังขดต่อไป ใกล้จุดศูนย์กลางของกังหันมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อไปถึงขดในสุด ก็จะถูกส่งเข้าไปที่แป็บเหล็กที่เป็นแกนหมุน น้ำไหลออกมาจากกังหันผ่านแกนหมุน

ในรูปจะเห็นท่อที่ตั้งฉากกับกังหันอยู่สองท่อ ท่อล่างที่เป็นแกนหมุนของกังหัน ส่งน้ำออกมาด้วย ส่วนท่อบน ปั่นเอากำลังกลจากการหมุนของกังหัน มีการทดเฟืองเพื่อเพิ่มความเร็วในการหมุน

กังหันน้ำแบบนี้ ทำงานที่ความเร็วต่ำ จึงไม่ต้องการกระแสน้ำเชี่ยว แต่น้ำต้องไหลเพื่อหมุนกังหันไปเรื่อยๆ

อ่านต่อ »


กังหันน้ำก้นหอย (1)

อ่าน: 9238

บันทึกนี้ เขียนไว้เมื่อปีก่อนครับ ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมศึกษาเพิ่มเติมถึงกังหันแบบต่างๆ ตลอดจนย้อนรอยไปการคำนวณ ซึ่งเป็นความรู้ระดับมัธยม นึกถึงสมัยเรียน วิชาการที่ศึกษามา สามารถจะทำอย่างนี้ได้ง่ายๆ แต่ทำไมถึงนึกไม่ออกเลย — เราเรียนกันแต่ทฤษฎี แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้อย่างไร อาการอย่างนี้ รู้ทฤษฎีหรือไม่รู้ก็มีค่าเท่ากัน คือไม่มีใครได้อะไรขึ้นมาทั้งสิ้น

มีปัมป์น้ำที่ใช้กระแสน้ำไหล บวกกับความโน้มถ่วงและแรงดันอากาศ เพื่อใช้ลำเลียงน้ำมาฝากครับ

วิธีการนี้ ใช้กังหันน้ำ ซึ่งแน่ล่ะต้องมีน้ำไหล ตักน้ำปนอากาศ แล้วให้น้ำหนักของน้ำมากดอากาศเพื่อสร้างแรงดันในท่อปิด ทำให้สามารถส่งน้ำไปยังระดับที่สูงขึ้น จึงสามารถลำเลียงน้ำได้โดยไม่ต้องใช้มอเตอร์

อ่านต่อ »


ปราชญ์ชาวบ้าน…ลึกซึ้งถึงแก่นของเศรษฐกิจพอเพียง

อ่าน: 4583

ช่วงนี้งานเข้า เขียนบันทึกเองไม่ทัน ใช้วิธี re-blog ก็แล้วกันครับ

ปราชญ์ชาวบ้าน…ลึกซึ้งถึงแก่นของเศรษฐกิจพอเพียง โดยจักรมณฑ์  ผาสุกวนิช ในช่วงที่ท่านยังเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์


ฐานข้อมูลแหล่งน้ำขนาดเล็ก กรมพัฒนาที่ดิน

อ่าน: 4022

เพิ่งหาเจอครับ

ระบบบริหารจัดการฐานข้อมูลแหล่งน้ำขนาดเล็ก
(http://giswater.ldd.go.th/ldd/)

พัฒนาโปรแกรม :  คณะที่ปรึกษาจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ระบบบริหารจัดการฐานข้อมูลแหล่งน้ำขนาดเล็ก (Water Resource Management System) เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นด้วยการบูรณาการระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) และระบบอินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับบริหารจัดการข้อมูลแหล่งน้ำ ตลอดจนสนับสนุนการ วิเคราะห์และวางแผนบำรุงรักษา โปรแกรมแบ่งการทำงานออกเป็นสามส่วนหลัก ได้แก่  ส่วนสืบค้นข้อมูล   ส่วนแสดงผลรายละเอียดข้อมูลเชิงบรรยาย  ส่วนนำเข้าข้อมูลและส่วนแสดงผลข้อมูลในรูปแบบแผนที่ โดยระบบจะอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในการเข้าถึงข้อมูลแหล่งน้ำขนาดเล็กจากฐานข้อมูลกลาง

[ ผู้ใช้งานทั่วไป จะต้อง Login  เข้าสู่ระบบได้ดังนี้ ]
Username : guest
Password  : guest

เว็บไซต์อื่นๆ ของกรม แยกตามเขตที่ดินในส่วนภูมิภาค



Main: 0.14063405990601 sec
Sidebar: 0.1939709186554 sec