ปรับตัวหลังน้ำท่วม

อ่าน: 3120

วิกฤตยังไม่จบหรอกครับ สำหรับท่านที่น้ำลดแล้ว ก็ยินดีด้วย แต่ท่านคงรู้แจ้งว่าแม้น้ำลดแล้ว ยังมีปัญหารออยู่อีกมาก ดินอิ่มน้ำ อันตรายกว่าที่เห็น

สี่ปีที่ผ่านมา ผมโชคดีที่ได้ไปเยี่ยมสวนป่าของครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์หลายครั้ง แล้วผมก็พบว่าชีวิตเรียบง่ายนั้น ไม่ใช่แค่อวดอ้างแสดงตัวว่าเรียบง่าย แต่ต้องใช้ความรู้จริงมากมาย แล้วยังต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้าเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ด้วย จึงจะไปถึงสถานะที่เก็บกินได้ ใครจะยังไงก็ไม่เดือดร้อน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแบบไม่หลอกตัวเอง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่ได้ปลีกวิเวกไปอยู่ในป่า — เก็บกินไปได้เรื่อย ถ้ามีแรงเหลือและยังมีความอยาก ค่อยทำกินหาเงินหาทองมาซื้อเครื่องมือที่จำเป็น เพื่อที่จะทำงานให้เกิดประโยชน์และประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าพอแล้ว ก็มีกินไปเรื่อยๆ

ครูบาจะเขียนหนังสือร่วมกับ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญเล่มหนึ่ง ขอโปรโมทไว้ตรงนี้ก่อนเลยครับ

เงินนั้นมีที่ให้ใช้เสมอครับ แต่วิถีที่รู้จักพอแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่ซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต ถ้าหากว่าเรามีความรู้จริงๆ ไม่ใช่แค่รู้ตามหลักสูตร ก็ต้องนำความรู้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

ภาวะน้ำท่วมจะผ่านไป ปีหน้าฟ้าใหม่จะโดนอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในภาวะน้ำท่วม มีเงินมีทองเหมือนไม่มีเพราะหาซื้ออะไรที่ต้องการแทบไม่ได้เลย ในสภาพเมืองที่เกิดน้ำท่วม การคมนาคมขนส่งสินค้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้คนเอารถไปจอดหนีน้ำตามที่สูง ในกรุงเทพแท็กซี่ก็หยุดวิ่งเพราะเจ้าของแท็กซี่เอารถไปจอดหนีน้ำไว้แล้วที่ังเหลือวิ่งอยู่ ก็หาก๊าซเติมไม่ได้เพราะรถส่งก๊าซก็หยุดส่งเหมือนกัน  ตามห้างสรรพสินค้า ของหมดชั้นวางสินค้า ส่วนคนที่จะไปดูให้เห็นว่าของไม่มีขายแล้วนั้น แค่จอดรถก็แย่แล้ว [สึนามิโลก]

ความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว (เป็น past tense) จะชดเชยเยียวยาอย่างไร ก็ไม่เหมือนเดิมหรอกครับ การที่จะไปจมอยู่กับอดีต ก็เหมือนกับเด็กที่ร่ำร้องจะย้อนอดีตให้กลับคืนมา เหมือนเอาหัววิ่งชนกำแพงหวังจะให้กำแพงพังเพื่อที่ตัวจะได้ผ่านไปได้

น้ำท่วมจะผ่านไปเพราะว่าน้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำตามแรงโน้มถ่วงเสมอ ซึ่งชีวิตเราจะผ่านไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นกับว่าปรับตัวได้หรือไม่

อ่านต่อ »



Main: 0.29087495803833 sec
Sidebar: 0.63789105415344 sec