เมืองไทยทำธุรกรรมทางการเงินไม่ง่ายเลย
อ่าน: 4374เมื่อสองวันก่อน ไปเบิกเงินทดรองจ่ายออกจากบัญชีออมทรัพย์ ให้อาสาสมัครของมูลนิธิเดินทางไปร่วมซ้อมการจัดการภัยพิบัติทางทะเลที่สงขลาครับ พบกับความประหลาดใจเป็นอย่างมาก…
ทางธนาคารบอกว่าจะต้องให้เจ้าของร่วมของบัญชีนิติบุคคล มาลงชื่อต่อหน้าจึงจะเบิกเงินได้ อันนี้ใช้บังคับกับบัญชีร่วม นัยว่าเป็นไปตามกฏหมายป้องกันการฟอกเงิน ทุกธนาคารใช้ระเบียบเดียวกันหมด — ทางมูลนิธิก็พยายามจะให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส จึงใช้บัญชีร่วมซึ่งจะต้องให้กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม เซ็นร่วมกันสองในสามคน มาเซ็นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ผมเคยทำธุรกิจมา ก็ไม่เคยรู้ว่ามีกรณีอย่างนี้ด้วย ซักไปซักมาปรากฏว่าเป็นกรณีที่ธนาคารที่ใช้นั้น รู้จักบริษัทดี; ถ้าเป็นบัญชีร่วม แล้วมีการมอบอำนาจ หากจะทำให้ถูกต้อง ก็ต้องไปเซ็นเบิกเงินต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของธนาคาร แต่เพราะเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ธนาคารรู้จักดี จึงอลุ่มอล่วยให้ โดยเจ้าหน้าที่ของธนาคารเซ็นรับรองว่ามาเซ็นชื่อต่อหน้า ถ้าทำตรงไปตรงมา กลับติดขัดไปหมดเลย — ให้กรรมการไปเซ็นชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ธนาคารนั้น เป็นเหมือนให้อธิบดีไปธนาคารทุกครั้งที่มีการเบิกจ่ายครับ บ้าสิ้นดี
ในกรณีของมูลนิธิ ธนาคารแนะว่าให้เปิดบัญชีกระแสรายวัน แล้วเบิกเงินออกด้วยเช็ค (แต่การโอนจากบัญชีออมทรัพย์เข้าบัญชีกระแสรายวัน ก็ยังมีปัญหาเดิม) ในเมื่อเป็นกฏหมาย/เป็นกติกาสังคม ก็ต้องปฏิบัติตามครับ แต่สงสัยจริงๆ ว่าทำไมประเทศนี้ ถึงได้ลงโทษคนที่ตั้งใจจะทำถูกต้องด้วย พิลึกจริงๆ (บ่น)
IMD จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ มากว่ายี่สิบปี ปีนี้เมืองไทยเลื่อนขึ้นจากอันดับที่ 27 มาเป็น 26 แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเราเก่งขึ้น/แข่งขันได้ดีขึ้น แต่เป็นเพราะว่าประเทศอื่นๆ ย่ำแย่กันไปหมดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จึงมีอันดับที่ลดลง หลายประเทศลดลงถึง 10 อันดับ