พระไม้ ยังอยู่

7 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 9 December 2009 เวลา 16:21 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4969

การแกะรูปลอยตัวแบบที่ตั้งใจจะทำนี้ เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็นสำหรับคนที่ไม่ได้เรียนและฝึกฝนมา มีโอกาสล้มเหลวมากกว่าสำเร็จด้วยซ้ำไป เพราะว่าขุดลึกไปนิดเดียว ไม่มีทางซ่อมแซม; เมื่อตั้งใจแล้ว ศึกษาแล้ว ก็ลงมือทำเลย ไม่ตั้งเงื่อนไข เมืองไทยมีคนพูดมากกว่าคนทำครับ บ้านเมืองจึงไม่ไปไหนเสียที

แต่ผมขึ้นรูปพระไม้ เทียบกับแบบที่ร่างไว้เป็นขนาดจริงแล้ว วันนี้ยังไม่ได้ตัดอะไรเกินไป ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ยังไม่เจ๊ง

พระไม้วันนี้ (ซ้าย) เทียบกับเมื่อวาน (ขวา)

ส่วนที่ดูเป็นก้อนกลมสองก้อนซ้อนกัน เป็นอาณาบริเวณของพระเศียรและพระโมฬี กันที่ไว้คร่าวๆ ยังไม่เจียรเข้าไปใกล้องค์จริง ไม่ควรรีบร้อนทำ

หลังจากนี้ คงเขียนบันทึกรายงานความคืบหน้าประมาณสัปดาห์ละครั้งนะครับ พรุ่งนี้จะไปชัยภูมิตั้งแต่เช้า

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกยิ่งกว่าความตาย ก็คือ ความไม่ตายของต้นเหตุที่ทำให้เราเดือดร้อน ทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกายและจิตใจอันได้แก่ พลังงานอวิชชา อัสสาทะ กิเลส ตัณหา อุปาทานในจิตวิญญาณเรา ซึ่งจะติดตามไปสร้างความเดือดร้อนทุกข์ทรมานให้เราทุกภพทุกชาติอย่างไม่รู้จบไม่รู้สิ้น และจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นๆ ถ้าเราเติมอาหารเติมเชื้อเพลิงพลังงานให้มันอยู่ตลอด ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น — จากบันทึกในลานสวนป่า


พระไม้ วันต่อมา

9 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 8 December 2009 เวลา 16:34 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 10871

ต่อจากเมื่อวาน แผลไม่ระบม จึงแกะพระต่อครับ

แต่จากคำแนะนำทั้งในความคิดเห็น ทาง SMS และโทรคุยกัน วิธีการมีมากมาย เลือกไม่ถูกเลย ผมชอบคำแนะนำของ อ.พฤษภ์ ที่ให้ใช้เลื่อย แต่วันนี้ยังไม่ได้ทำหรอกครับ สถานที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย ผมแอบทำไม่ให้พ่อรู้ แต่คนอื่นรู้กันทั้งบ้าน อีกอย่างหนึ่งคือ ผมไม่ค่อยไว้ใจตัวเองเวลาใช้เครื่องมือหยาบๆ ครับ

ครูบาแนะให้ลองที่กรอแบบหมอฟัน ราคาไม่แพง แต่ผมมีเครื่องมืออื่นอยู่แล้ว คือสว่านความเร็วสูง คอตรง ซึ่งมีหัวเจียร เพียงแต่ว่าหัวเจียรใช้ทำงานไม้ไม่ดีนัก (ละเอียดเกินไป) จึงต้องพลิกแพลง

ก็เลยจะไปซื้อกระดาษทรายหยาบมากๆ เดินดูไปดูมา ไม่ถูกใจ จะกลับอยู่แล้ว ไปเจอกระดาษทรายสำหรับเครื่องขัดแบบสายพาน มีสามแผ่นราคารวมสี่สิบกว่าบาท เลยหยิบมาชุดหนึ่งครับ เป็นสายพานกระดาษทรายเบอร์ 36 แต่จะใช้เบอร์ 40 ก็ไม่น่าเกลียด เบอร์ยิ่งต่ำก็ยิ่งหยาบ

ตัดกระดาษทราย เป็นวงเกือบกลม ไม่จำเป็นต้องกลมดิ๊ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ผมใช้สองชั้นประกบกลับหน้าหลังเพื่อให้แข็งพอ เจาะรู ใส่แกน แล้วต่อกับเครื่องเจียร

พบว่ากินเนื้อไม้มากกว่าหัวเจียรที่มากับเครื่อง แถมมีราคาถูก ทำเองได้ซะด้วย — หัวเจียรวางอยู่ข้างกรรไกร

ทีนี้ก็สนุกล่ะ ทำการขึ้นรูปต่อ จะเห็นส่วนลำตัวขององค์พระ ผมใช้สว่านกับหัวกระดาษทรายขัด ทำให้เรียบผิดปกติ แต่ส่วนเศียรพระ ยังใช้สิ่วเล็กขุดต่อไปครับ สะใจดี ได้แผลเล็กมาอีกแผลหนึ่ง รูปวันนี้ (ซ้าย) เทียบกับเมื่อวาน (ขวา) หลังเลือดสาด

เรียนในห้อง…ได้ความรู้
เรียนนอกห้อง…ได้ความจริง

เอาความรู้บวกกับความจริง
เราได้…ความรู้จริง

ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ หนังสือ “คนนอกระบบ”
ปราชญ์ชาวบ้านที่ไม่ชอบให้เรียกอย่างนี้
มหาชีวาลัยอีสาน บุรีรัมย์


องค์นี้ ท่าจะขลัง

19 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 7 December 2009 เวลา 21:03 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 7081

วันนี้เป็นวันหยุดชดเชย ทั้งๆ ที่รู้ว่า ผมก็ออกไปนอกบ้านไปหาซื้อเครื่องมือช่าง คืออย่างนี้ครับ เมื่อคราวไปสวนป่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เห็นฤๅษีอ้นแกะไม้เป็นพระ ชอบมาก ชอบจริงๆ คิดจะทำบ้าง องค์แรกจะทำให้พ่อ ไม่ปลุกเสก อาจจะไม่ถูกพุทธลักษณะ แต่มีความสุขที่จะทำ และตั้งใจทำให้พ่อครับ

พ่อเกิดวันจันทร์ มีพระประจำวันเกิดเป็นปางห้ามญาติ พระอาจารย์ชัยวุธบอกว่ายกสองมือเป็นปางห้ามสมุทร ยกมือเดียวเป็นปางห้ามญาติ… โอ ดีที่กลับไปอ่านบันทึกเก่า เพราะถ้าค้นเว็บจะเจอรูปทั้งสองปางภายใต้คำบรรยายเดียวกัน ก็จะงงอีก

ตอนเย็น จึงไม่ตัดหญ้า/ปลูกต้นไม้/ให้อาหารหมา แต่ไปหาเลื่อยมาตัดท่อนไม้เก่าที่แห้ง ได้ทรงกระบอกขนาดพอเหมาะ เนื้อไม้ไม่แข็งเกินความตั้งใจ

จากนั้นก็เริ่มกำหนดสัดส่วนความสูงขององค์พระ (จากเส้นผ่าศูนย์กลางของฐาน) เอาดินสอร่างไว้เป็นแนว แล้วก็เริ่มขุดเลยครับ ใช้สิ่วแกะไม้แบบเด็กๆ นั่นแหละ ผมเริ่มขึ้นรูปจากด้านหลังก่อนเพราะค่อนข้างเรียบ ไม่ได้เล่นอะไรอย่างนี้มาตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้ว สนุกดีครับ ผลลัพท์เป็นดังนี้

ทำไปได้นิดเดียว แสงก็ยังไม่หมด แต่ทำต่อไม่ได้หรอกครับ คือว่าการควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก เช่นแขน/ขา/นิ้วของผมนั้น มันไม่ค่อยเชื่อฟังสมอง ดังนั้น แทนที่จะไสสิ่วไปบนไม้ สิ่วกลับไถลมาไสไปบนนิ้วของผม เลือดออกเยอะแยะ เอามือกดห้ามเลือดจนหยุดแล้ว ก็ยังออกมาอีกสองสามยก แดงฉานไปหมด แล้วนิ้วผมก็เป็นดังรูปข้างล่าง

อืม อย่าว่าทำแผลไม่เป็นเลยครับ ล้างแผลแล้ว เอาสำลีกดแผลไว้ แล้วพันพลาสเตอร์ให้แน่น กลัวเลือดออกมาอีก (สองสามรอบก่อน เลือดออกเยอะ กลัวเลอะเทอะครับ) ตื่นขึ้นมา ไม้รู้ว่าจะอักเสบหรือไม่ ถ้าไม่ก็จะทำต่อตามความตั้งใจ แต่จะต้องระมัดระวังมากขึ้น

ถ้าแผลอักเสบ คงต้องเปลี่ยนวิธีการ คืออาจจะเลี่ยงไปใช้ปูนพลาสเตอร์ ขึ้นรูปคร่าวๆ มาเพื่อที่จะไม่ต้องตัดมากนัก

เอายังไงดีเอ่ย


ถ้าโลกนี้มืด…

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 26 November 2009 เวลา 17:30 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3179


บัญชีกรรม

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 18 November 2009 เวลา 18:01 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3349

บัญชีนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางบัญชี แต่เพื่อช่วยให้มีสติแยกแยะการกระทำและปฏิกริยาได้

ว/ด/ป กุศลกรรม หมายเหตุ อกุศลกรรม หมายเหตุ

หรือจะเปลี่ยนเป็นบัญชีเกี่ยวกับงานการก็ได้เช่น

ว/ด/ป งานที่เกิดประโยชน์ หมายเหตุ งานที่ไม่เกิดประโยชน์ หมายเหตุ

ความวุ่นวาย มักเกิดขึ้นเมื่อไม่รู้ตัวว่ากำลังกระทำเรื่องที่ไม่สมควรอยู่ บัญชีนี้(หวังว่าจะ)ช่วยให้ฉุกคิดได้โดยไม่ต้องมีใครเตือน แต่ให้ถามตัวเอง และตอบอย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเอง

เช่น เห็นเรื่องที่(คิดว่า)ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก จึงก่นด่าผู้กระทำ — อย่างนี้เป็นกุศลกรรม หรืออกุศลกรรม? … เออ ที่จริง น่าจะมีอีกช่องหนึ่งสำหรับการเสือก อิอิ


ขับรถประหยัดน้ำมัน

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 9 November 2009 เวลา 0:03 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3031

น้ำมันแพง!!! อย่าเพิ่งบ่นเลยครับ มันคงแพงกว่านี้อีก ประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าถึง 75% ราคาก๊าซผูกกับราคาน้ำมัน เมื่อน้ำมันขึ้น ราคาก๊าซก็ขึ้นด้วย และในที่สุดไฟฟ้าก็จะตามไปดูแห่

แล้วเราทำอะไรได้บ้างล่ะ

คงไม่มาก แต่ไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่ได้เลย แต่ว่าเราจะทำอะไร ต้องอยู่รอดให้ได้ก่อนในวันนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นจะคิดทำอะไรในอนาคต ก็เป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อครับ ไม่ใช่เรื่องผิดที่คิดหรือเรียนไปเรื่อยๆ แต่ความคิดเหล่านี้ ไม่ได้มีผลอะไรหากไม่ลงมือกระทำ เป็นอาการเดียวกับการรักชาติจนน้ำลายฟูมปากนั่นแหละ

ทำไมเทศบาลนอกกรุงเทพจึงไม่มีรถประจำทาง

ทุกเมืองมีการขนส่งมวลชนในบางรูปแบบ (สามล้อ สองแถว รถตู้ มอเตอร์ไซค์ เรือ ฯลฯ) เพียงแต่ “คนนอก” ไม่รู้ ไม่มีแผนที่การเดินทาง ไม่รู้ตำแหน่งท่ารถ ไม่รู้ว่าไปไหน เวลาเท่าไหร่

เคล็ดไม่ลับกับการประหยัดน้ำมัน

ถ้าประหยัดที่สุด คือไม่สตาร์ทรถ — อาเคยบ่นกับพ่อว่ารถเสียบ่อย พ่อบอกอาว่าถ้าจะไม่ต้องซ่อม ก็จอดไว้เฉยๆ ซิ

แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้รถยนต์ มีคำแนะนำดังนี้

  1. ค่อยๆ เร่งรถ อย่าเหยียบพรวดพราดยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน เช่นแซง ถ้าจะทำความเร็ว หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องจนเกินขนาดขณะที่ขับขึ้นเขา/ขึ้นเนิน
  2. ทิ้งระยะห่างจากคันหน้าให้มากหน่อย แบบที่ไม่โดนคันข้างหลังบีบแตรไล่ เวลาคันหน้าแตะเบรค ท่านยังมีเวลาคิดอีกสักพัก
  3. ช่วงความเร็วที่เครื่องยนต์เผาผลาญเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่นน้ำหนักบรรทุก ขนาดเครื่องยนต์ ความสึกหรอของเครื่องยนต์ อายุรถ ฯลฯ แต่มักจะอยู่ในช่วง 70-85% ของ “ความเร็วธรรมชาติ” ซึ่งความเร็วธรรมชาตินั้นคือครึ่งหนึ่งของความเร็วสูงสุดที่หน้าปัด เช่นรถผมหน้าปัดมีเลข 260 กม/ชม เป็นเลขสูดสุด ความเร็วธรรมชาติเป็น 130 (ครึ่งหนึ่ง คือเข็มชี้ขึ้นข้างบนตรงๆ) แล้วความเร็วที่ใช้เดินทางคือ 70-85% ของ 130 คือ 90-110

ด้วยวิธีการอย่างนี้ เวลาเดินทางต่างจังหวัด ผมขับได้ 5.6 ลิตร/100 กม (17.9 กม/ลิตร) แต่ถ้ารีบร้อนขับ จะเหลือ 6.5 ลิตร/100 กม (15.4 กม/ลิตร) เคยขับจากพัทยากลับบ้านได้ 4.5 ลิตร/100 กม แต่ได้ครั้งเดียว — ขับบนทางด่วนในกรุงเทพ ถ้ารถไม่ติดมาก อยู่ประมาณ 7.6 ลิตร/100 กม (13.2 กม/ลิตร) ถ้าลงจากทางด่วนแล้ว เอามาคิดได้ลำบากเพราะสภาพการจราจรเป็นองค์ประกอบที่ควบคุมไม่ได้


ลูกเต่าทอง

10 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 8 November 2009 เวลา 1:08 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 6272

ปีนี้ ผมไปสวนป่าจนแม่สงสัย ไม่ได้ทำพิรุธอะไรหรอกครับ แต่ไปบ่อยมาก ที่นับดูได้ ปีนี้ก็ 8 ครั้งแล้ว คงมีที่ลืมนับไปบ้าง

ไปบรรยายให้ อ.ต้อม ที่ วศ.มข. ขากลับแวะสวนป่า, เฮเจ็ด, นศ.ป.โท อ.แป๋ว, นศ.ป.เอก มรฎ.สารคาม, SCG Paper, เฮห่วงใย, เฮระลึกชาติ/แม่ลำไย, เฮอยู่ดีๆไป

พี่หลินเพิ่มให้: ส่งตัวนกยูงเจ้าบ่าว, ไปเยี่ยมคุณปิ๋ว — มิน่า แม่สงสัย ฮาๆๆๆๆ

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว อยู่ดีๆ ก็ไปสวนป่า ไปกินผัก ไปหาความคิดใหม่ๆ ไปถึงตอนเย็น ค้างคืนเดียว ตื่นเช้าก่อนหกโมง แล้วกลับบ้านตอนสิบเอ็ดโมงครับ ก่อนออกมา ไปเจอลูกประหลาด จำชื่อไม่ได้ แต่ผมเรียกว่าลูกเต่าทอง ครูบา/แม่หวีบอกชื่อมาแล้วแต่จำไม่ได้ จำได้แต่ว่ากินไม่ได้ กินแล้วเมา เห็นสวยดี ป้าจุ๋ม แม่หวี ครูปู ต่างช่วยกันเก็บ

ทิ้งไว้ในรถอาทิตย์หนึ่ง เพิ่งเอามาถ่ายรูปเมื่อตอนหัวค่ำนี้เองครับ


คุณธรรมสี่ประการ

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 5 November 2009 เวลา 13:43 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3264

“ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม พร้อมพรั่งด้วยบุคคลจากทุกสถาบันในชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทย ขอขอบใจในคำอำนวยพรและการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ ที่ทุกคนตั้งใจจัดให้ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ ทั้งรัฐบาลได้จัดงานครั้งนี้ ได้เรียบร้อยและงดงาม น้ำใจไมตรีของประชาชนชาวไทยที่ร่วมกัน แสดงออกทั่วประเทศ รวมทั้งที่พร้อมเพรียงกันมาในวันนี้

น่าปลาบปลื้มใจมาก เพราะแต่ละคนได้แสดงออกและตั้งใจมาด้วยความหวังดีจากใจจริง จึงขอขอบใจทุกๆ คน จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี และ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนทุกฝ่าย ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น นึกถึงคุณธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของความรัก ความสามัคคี ที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษา และพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญ รุ่งเรืองสืบต่อกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ประการแรก คือ การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน

ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่นและกับประเทศชาติ

ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน

ประการที่สี่ คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิด ความเห็นของตนให้ถูกต้อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดี ที่เจริญนี้ยังมีพร้อมมูลในกายในใจของคนไทยก็มั่นใจได้ว่า ประเทศชาติไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้

จึงขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่น และถ่ายทอดความคิดจิตใจนี้กันต่อไปอย่าให้ขาดสาย เพื่อให้ประเทศชาติของเรา ดำรงยืนยงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งในปัจจุบันและในภายหน้า

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล จงคุ้มครองรักษาประเทศชาติไทย ให้ปลอดพ้นจากภัยอันตรายทุกสิ่ง และอำนวยความสุข ความเจริญ สวัสดีให้เกิดมีแก่ประชาชนชาวไทยทั่วกัน”


กฐินวัดป่าสันติพุทธาราม อ.โพธาราม ราชบุรี

อ่าน: 11372

ปีนี้เป็นปีที่ห้าที่บริษัทจัดให้มีการทอดกฐิน ตอนที่ผมบริหารอยู่ ก็มักจะไปทอดตามวัดที่ห่างไกล ขาดแคลน ถ้าจำไม่ผิด มีสองครั้งที่(เกือบจะ)เป็นกฐินตกค้าง (กล่าวคือไม่มีผู้ใดจองกฐิน) แต่เนื่องจากปีนี้ ผมไม่ได้ทำงานบริหารแล้ว จึงไม่รู้รายละเอียดมากนัก เห็นว่าไปทอดที่วัดห่างไกลที่ อ.โพธาราม ราชบุรี หลังจากหาตำแหน่งโดยเปรียบเทียบเส้นทางในแผนที่ กับพิกัดใน Google Maps แล้วกำหนดจุดลงไปใน GPS แล้ว ก็วางใจ

เมื่อวานเพิ่งกลับมาจากบุรีรัมย์ เช้านั้นตื่นตีห้ากว่าๆ ก่อนหน้านั้นเพิ่งหายป่วย แถมเมื่อคืนกว่าจะนอนได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง เรียกว่าเหนื่อยและนอนน้อยติดกันมาหลายวัน จึงเลิกความตั้งใจที่จะออกจากบ้านตีห้าเพื่อไปใส่บาตรที่วัดตอน 7 โมงเช้า เอาเดินทางปลอดภัยดีกว่า ไหนๆ ก็ตั้งใจไปทอดกฐินแล้ว ให้ได้ร่วมทอดกฐินจริงๆ ดีกว่าครับ ตั้งนาฬิกาปลุกหกโมงครึ่ง เดินทางไปถึงวัดเกือบเก้าโมง ทันการทอดกฐินพอดี

แต่เพราะความไม่รู้รายละเอียด จึงเจอความประหลาดใจหลายอย่างครับ

อ่านต่อ »


ประเทศไทย…ยังไงต่อ

7 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 28 October 2009 เวลา 21:56 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3050

ทีแรกจะใช้ชื่อบันทึกว่าประเทศไทย…อะไรกันวะ แต่คิดว่าเขียนไปอย่างนั้น เป็นเพียงการระบายความอีดอัด แล้วก็ไม่ได้อะไร

ผมไม่รู้ว่าเมืองไทยจะเดินต่อไปได้ยังไง ในเมื่อต่างฝ่ายต่างยึดถือว่าตัวเองถูกต้อง และเป็นความถูกต้องบนผลประโยชน์ของตัวเอง แทนที่จะเป็นประโยชน์ของส่วนรวม

ถ้าประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อน ตัวเองก็จะได้ประโยชน์ด้วยครับ เพราะตัวเราเอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมเหมือนกัน

แต่ถ้าคิดกลับกัน เอาประโยชน์ของตัวเองมาก่อน ส่วนรวมรับกากเดนเศษๆ ไป หรือไม่ได้อะไรเลยเพราะโดนดูดไปหมดแล้ว จะเกิดคนทุกข์ยากที่ไม่พอใจขึ้นจำนวนมาก แล้วก็จะตามมาด้วยความวุ่นวาย

ตัวใหญ่ที่โกยเนื้อๆ ไปก่อน หนีไปที่ไหนก็ได้เนื่องจากมีพอ ส่วนพวกผู้สมรู้ร่วมคิด กะทำเนียนตามน้ำ ไปไหนไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องติดแหงกอยู่กับผลที่ตนสร้างไว้

อย่างว่าล่ะครับ ใครทำอะไร ต่างก็คิดว่าตัวถูกทั้งนั้น ไม่งั้นจะทำไปทำไม ซึ่งปัญหาใหญ่ที่ไม่ค่อยคิดกัน คือที่ว่าถูกนั้น มันถูกจากมุมของตนเท่านั้น แต่อาจจะผิด หรือมีถูกกว่าจากมุมอื่นก็ได้ ทำไมมุมมองของเราเท่านั้นจึงถูกต้องที่สุด เรารู้ทุกสิ่งทุกอย่างหรืออย่างไร???

ต่อให้มอง “ความจริง” หรือแม้แต่ “ความถูกต้อง” ก็ยังมีหลายมุมมองครับ กฎหมายซึ่งยึดถือกันว่าเป็นกติกาของสังคม ยังตีความได้หลายมุม ทำไมจึงตัองเป็นมุมมองของเราเท่านั้น จึงจะถูกต้องที่สุด

พอไม่พอใจก็ประท้วง นึกจะทำอะไรก็ทำ ใครจะเดือดร้อนไม่สนทั้งนั้น ยิ่งเดือดร้อนยิ่งดี ข้อเรียกร้องจะได้มีโอกาสสำเร็จง่ายขึ้น; คนอยู่บนเวที อยากจะพูดอะไรก็พูด ส่วน “ข้างล่าง” ตะโกนสนับสนุนได้อย่างเดียว

ถ้าประโยชน์ส่วนตน มากก่อนประโยชน์ส่วนรวมอย่างนี้ สังคมไทยจะอยู่กันอย่างไรครับ

…ว่าแล้วก็บ่นตามเคย…



Main: 0.35219311714172 sec
Sidebar: 0.50765895843506 sec