ลูกเต่าทอง
อ่าน: 6266ปีนี้ ผมไปสวนป่าจนแม่สงสัย ไม่ได้ทำพิรุธอะไรหรอกครับ แต่ไปบ่อยมาก ที่นับดูได้ ปีนี้ก็ 8 ครั้งแล้ว คงมีที่ลืมนับไปบ้าง
ไปบรรยายให้ อ.ต้อม ที่ วศ.มข. ขากลับแวะสวนป่า, เฮเจ็ด, นศ.ป.โท อ.แป๋ว, นศ.ป.เอก มรฎ.สารคาม, SCG Paper, เฮห่วงใย, เฮระลึกชาติ/แม่ลำไย, เฮอยู่ดีๆไป
พี่หลินเพิ่มให้: ส่งตัวนกยูงเจ้าบ่าว, ไปเยี่ยมคุณปิ๋ว — มิน่า แม่สงสัย ฮาๆๆๆๆ
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว อยู่ดีๆ ก็ไปสวนป่า ไปกินผัก ไปหาความคิดใหม่ๆ ไปถึงตอนเย็น ค้างคืนเดียว ตื่นเช้าก่อนหกโมง แล้วกลับบ้านตอนสิบเอ็ดโมงครับ ก่อนออกมา ไปเจอลูกประหลาด จำชื่อไม่ได้ แต่ผมเรียกว่าลูกเต่าทอง ครูบา/แม่หวีบอกชื่อมาแล้วแต่จำไม่ได้ จำได้แต่ว่ากินไม่ได้ กินแล้วเมา เห็นสวยดี ป้าจุ๋ม แม่หวี ครูปู ต่างช่วยกันเก็บ
ทิ้งไว้ในรถอาทิตย์หนึ่ง เพิ่งเอามาถ่ายรูปเมื่อตอนหัวค่ำนี้เองครับ
« « Prev : เปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน
10 ความคิดเห็น
น่าจะเป็นเมล็ดที่แถวบ้านเรียกว่า่ “ตาวัวตาควาย” เป็นความทรงจำและคุ้นเคยอย่างยิ่งสมัยเด็กๆ…
เด็กคูขุดสมัยก่อน ใช้เวลาว่างปั้นวัวด้วยดินเหนียวจากบริเวณขอบสระน้ำ ทำเป็นวัวชน โดยจะใช้เมล็ดตาวัวตาควายนี้แหละติดไว้บริเวณหน้าโพธิ์ของวัวเป็นลูกตา โดยให้ฝังไปในดินเหนียวครึ่งหนึ่ง ให้จุดตาดำมองเฉียงๆ มองลงล่าง หรือบางคนก็ทำเป็นวัวตาเหล่ เลียนแบบลูกตาของวัวชนตัวดังๆ ในหมู่บ้าน ขนาดของวัวดินเหนียวนี้ก็ประมาณลำแขนของผู้ใหญ่ ยาวประมาณคืนหนึ่ง…
นำวัวชนดินเหนียวไปตากแดดจนแห้ง แล้วใช้ผ้าขะม้าเป็นสนามชนวัว โดยจับที่มุมสองข้างของผ้า แล้วนำวัวชนสองตัววางไว้ในผ้าให้หันหน้าเข้าหากัน ให้ผ้าหย่อนๆ แล้วเจ้าของวัวแต่ละฝ่ายก็โยกชายผ้าขึ้นๆ ลงๆ วัวชนก็จะค่อยๆ ไหลเข้าหากัน จนกระทั้งเขาวัวกระทบหรือชนกัน เขาของตัวใดหักก่อนก็ถือว่าแพ้…
สรุปว่า ของเล่นเด็กรุ่นก่อนไม่ต้องใช้เงินเลย (……)
เจริญพร
บ้านผมเรียก “ตาเป็ดตาไก่” ครับ น่าจะเป็นประเภท “มะกล่ำ”
เขาเรียก “มะกล่ำตาหนู” เป็นพืชประเภทเถาที่เมล็ดมันมีพิษอยู่ กินเข้าไปทั้งเมล็ด(เปลือกไม่แตก) ไม่เป็นไร แต่ถ้ากินแบบขบเมล็ดให้แตกจะเมาและทำให้ถึงตายได้ถ้าล้างท้องไม่ทัน ไม่มียาแก้พิษซะด้วยนะ ล้างได้ด้วยการฟอกเลือด พิษสำคัญคือทำให้ไตวายได้
เหตุเพราะมันมีพิษนี่แหละค่ะที่ทำให้ช่วงหลังๆไม่ใคร่มีใครรู้จัก ทั้งๆที่แต่ก่อนในโรงเรียนครูจะให้ไปหามาทำของประดิษฐ์กันเล่นในห้องเรียนอย่างที่หลวงพี่เล่าข้างต้น
ถ้าบ้านมีเด็กและจะปลูกให้ความรู้สอนกันไว้ซะก่อนนะคะ มี
อ้าว…ทำไมโพสต์ไม่หมดละ????
มีฤทธิ์เป็นสมุนไพรด้วยนะ ส่วนทั้งใบ รากและเมล็ด
ราก ใบ แก้หวัดได้ ใบมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายหลายเท่า เมล้ดใช้บดทำยาทาผิวหนัง (กินไม่ได้ทาได้) มะกล่ำตาหนู
ส่งตัวเจ้าบ่าว(นกยูง) 6 กพ. จัดอยู่ในทริปไปสวนป่าหรือเปล่าค่ะ อีกครั้งตอนไปเยี่ยมคุณปิ๋วที่สุรินทร์ ที่ไปนอนสวนป่าหนึ่งคืนก่อน( 6กค.) เช้าวันที่ 7กค.ถึงไปเยี่ยมคุณปิ๋วที่โรงพยาบาลสุินรินท์ ถ้ามีอยู่ในทริปหรือไม่ก็ตาม ก็ถือว่าไปสวนป่าได้ด้วยใช่ไหมค่ะ
มาบ่อยจนจำไม่ได้ 555
มีอีกชนิดหนึ่ง เมล็ดขนาดเท่ากัน แต่ออกสีขาวล้วน
ไม่เห็นมีในตำราที่หมอเจ๊บอก วันหลังจะหาภาพมาให้ชม
อิอิ
สีขาว เรียกว่า มะกล่ำเผือกค่ะพ่อครูบา ใบหวานกว่าเมล็ดสีแดงซะอีก ส่วนเมล็ดยังไม่มีใครรู้ว่ามีพิษหรือเปล่า เดากันว่าน่าจะมีพิษเหมือนสีแดงค่ะ
มีเรื่องยาแก้พิษแบบไทยๆบอกว่า ใช้ ดอกสายน้ำผึ้ง และ ชะเอมจีนเคี่ยวแก้พิษได้
มีงานวิจัยเรื่องนี้ที่ธรรมศาสตร์เกี่ยวกับสารให้ความหวานค่ะ
มะกล่ำเผือกในสารานุกรมไทยเล่ม 23 เรียกว่า มะกล่ำตาไก่ค่ะ
มะกล่ำเผือก ตามที่ว่าก็เคยเห็นเหมือนกันตอนเด็กๆ …
อนึ่ง นึกถึงเรื่องเงาะป่าตอนนางรำหับเที่ยวชมสวน มีอ้างถึงกำไรที่ทำด้วยลูกมะกล่ำ ทำนองว่า…
อาจเป็นมะกล่ำตามที่อ้างถึงกันอยู่…
เจริญพร