ขึ้นรอบปีที่สามของลานปัญญา
อ่าน: 6219ลานปัญญาเป็นชุมชนออนไลน์เล็กๆ ที่มีลักษณะที่ค่อนข้างชัดเจน คือ
- สมาชิกเกือบทั้งหมด รู้จักกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวตนเสมือนจึงไม่จำเป็น เพราะในที่สุดทุกคนก็จะเข้าใจเองว่าอะไรเป็นอะไร — การแนะนำตัวของสมาชิกใหม่จึงสำคัญมากต่อการเริ่มต้นสร้างปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกอื่นๆ ลานปัญญาไม่ใช่ที่หลบซ่อนตัวในโลกเสมือน
- เรายอมรับสมาชิกแต่ละท่านแบบที่เป็น ซึ่งหมายความว่าชอบก็ตามอ่าน ไม่ชอบหรือไม่มีเวลาก็ไม่อ่าน จะเขียนก็เขียน ไม่เขียนก็ไม่เป็นไร จะให้ความเห็นก็ให้ ถ้าไม่มีประเด็นเพิ่มเติมหรือไม่มีอารมณ์ก็ไม่ต้องให้ ต่างคนต่างเลือกเองอย่างอิสระ ไม่ต้องให้เหตุผล
- ลานปัญญาอาจเป็นแบบจำลองของสังคม ในแง่ที่ว่าเรายอมรับความแตกต่างได้ตราบใดที่ไม่เบียดเบียนใคร และยืนอยู่บนประโยชน์ร่วมกัน+ความสงบสุขของชาวลานปัญญา — ต่างคนต่างมีดีกันคนละอย่างหรือหลายอย่าง ไม่ต้องเหมือนกัน สังคมจึงจะได้สัมผัสแห่งความชำนาญความรอบด้าน
- สมาชิกของลานปัญญาเป็นสุภาพชน ที่รวมตัวกันอยู่บนความแตกต่าง — แต่ละคนมาจากหลายหลายสาขาอาชีพ มากกว่าจะเป็นศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญทางใดทางหนึ่ง ทำให้ลานปัญญามีความหลากหลายเช่นเดียวกับชีวิตของคน ซึ่งจะไม่เจอแต่เรื่องเดียวซ้ำซากอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรียนอะไรมาสูงแค่ไหน ทำงานอะไรตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหน จึงไม่จำเป็นต้องเบิ้ลใครเพื่อให้ตัวสำคัญขึ้นมา — ซึ่งนั่นทำให้ลานปัญญา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงเครื่องมือสื่อสาร ดูเสมือนกับมีชีวิตชีวา
- ลานปัญญาไม่ยุ่งกับเรื่องการเมือง และไม่ให้มีการโฆษณา (อันไม่ใช่สาธารณประโยชน์)
- โครงสร้างลานปัญญาเป็นบล็อก สมาชิกผู้สร้างบล็อกเป็นเจ้าของบล็อก จะดูแลบล็อกของตัวเองอย่างไรก็ได้ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎหมาย เหมือนดูแลบ้านของตัวเอง — ไม่รู้อะไรก็ถาม ถ้าไม่ถามจะเรียนเองก็ได้ ถ้าไม่ชอบใจไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร ย้ายบล็อกออกไปที่อื่นได้ ไม่มีกั๊กครับ
ในรอบปีที่ผ่านมา ผมพบความชัดเจนในคุณลักษณะข้างบนมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เปรียบเหมือนการเจริญเติบโตของคน ซึ่งแม้จะรีบร้อนโตไม่ได้ แต่ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่อยากเห็นการโตแบบก้าวกระโดดที่ไร้ความหมายต่อชีวิตหรอกครับ เสียเวลาเปล่า
เสถียรภาพของระบบยังอยู่ในระดับยอดเยี่ยมเช่นเคย (> 99.995%) ทั้งนี้เป็นเพราะลานปัญญามีคุณลักษณะทุกอย่าง ที่ช่วยให้สมาชิกเขียนบันทึกและแสดงความคิดเห็นได้อย่างสะดวก อันเป็นวัตถุประสงค์หลักที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่ไม่ค่อยมีคุณลักษณะแบบลูกเล่นเพื่อความสวยงาม หรือหวือหวา (นอกเหนือไปจากส่วนที่สมาชิกแต่งได้ด้วย HTML และดูแลเอง) ซึ่งมักเป็นที่มาของปัญหาต่างๆ อันไม่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของลานปัญญา
ปีนี้มีหนังสือ “เจ้าเป็นไผ ๒” อันเป็นหนังสือที่ร่วมกันทำได้ตีพิมพ์ ส่วน “เจ้าเป็นไผ ๑” ก็พิมพ์ครั้งที่สอง และ “เรื่องที่อยากป่วน” ก็ผ่านจาก blog ไปเป็น book ได้ มีงานบวชเม้ง เปลี่ยนคำฮิตจาก “อรยนท” (อารยะนินทา:กริยา) เป็น “แห้ว” (วิเศษณ์) อันแสดงให้เห็นว่าเรามีกิจกรรมมากขึ้น และมีคนอดไปร่วมด้วยความเสียดายมากขึ้น อันเรียกว่าอาการแห้ว; สมาชิกทุกคนของลานปัญญาที่สมัครมาเกินหนึ่งปีแล้ว ผ่านวันคล้ายวันเกิดไปคนละครั้ง ไม่มีใครมีวันเกิดมากหรือน้อยกว่าใคร
ขอขอบคุณ ดร.สมพร ช่วยอารีย์ และคุณโสทร รอดคงที่ ผู้ก่อตั้งลานปัญญาทั้งสอง ตลอดจนเจ้าหน้าที่และศูนย์บริการข้อมูลของไอเน็ต ที่ทำให้เรามีระบบที่มีเสถียรภาพสูงขนาดนี้ ตลอดสองปีที่ผ่านมาครับ
Next : รอบปีที่สองในการเป็นบล็อกเกอร์ที่ลานปัญญา » »
13 ความคิดเห็น
ขอบคุณทุกๆท่านที่ร่วมริเริ่มและสร้างลานปัญญาให้ได้ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันค่ะ
สำหรับพี่แล้ว ลานปัญญาเป็นแหล่งรวมมิตรจิตที่จับต้องได้ เป็นที่ฝึกการทำความเข้าใจคนอื่น ฝึกการมองเห็นความเหมือนในความแตกต่าง และการยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น …ลานเติบโตขึ้นพร้อมๆกับการเติบโตขึ้นของประสบการณ์ที่ผ่านการเพาะบ่มวันละเล็กละน้อยค่ะ
ลานปัญญา ไม่ใช่ลานปั่นย่า ปั้นหน้าปั้นตา ปั้นตุ๊กตา ปั้นลีลาท่าทีบ้าๆบอๆ
ทำอะไรก็ได้ ทุกคนมีกึ๋น ก็ใช้กึ๋นตัวเองพิจารณา ว่าอิหยัง มันเป็นหยัง สมควรแล้วยัง
โคตรอิสระเลยละครับที่ลานปัญญานี่ ไล่มาทีละข้อ 1-6 ใช่เลย
ปล่อยให้แสดง ปล่อยให้แสวงหา ปล่อยให้เต้นเร้งเต้นกา ปล่อยให้อาราธนา ปล่อยไว้เฉยๆ
ตามใจผู้อยู่ นั่งดู นั่งยิ้ม ชอบก็กอด ไม่ชอบไม่กอด ไม่ดัดจริต หรือดัดจริตกอด
ในเมื่อใหญ่ๆกันแล้ว วิจารญาณเป็นกรอบที่มีอยู่ในธรรมชาติของตัวคน และมันก็ใช้ได้ใช่ไหมละ อิ
ลานปัญญาเป็นแบบอย่างของสังคมที่พึงปรารถนาครับ
น้านิดรักลานปัญญาและทุกท่านที่สุดค่ะ
-ในฐานะสมาชิกลานปัญญาที่เหนียวแน่นคนหนึ่งค่ะ ป้าจุ๋มขอขอบคุณทีมผู้ก่อการดีของลานปัญญาทั้งหมดค่ะที่ได้เสียสละเวลาอันมีค่ามาร่วมกันก่อตั้งและดูแลลานฯเป็นอย่างดีเสมอมาค่ะ…อันมีคุณLogos ดร.เม้ง คุณโสทรและท่านอื่นๆทุกท่านค่ะที่มีส่วนร่วมในการก่อการดีทั้งหมดนี้ด้วยค่ะ
ลานปัญญา คือ ลานของผู้สูงอายุ…ทางปัญญา อิอิ
ในสังคมที่มีพลวัตสูง ไม่ว่าเราต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ก็ไม่สามารถทำให้เป็นได้ดั่งใจ เพราะคำว่าสังคมนั้นประกอบได้ด้วยคนจำนวนมาก อีกทั้งข้อจำกัดและสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างและข้อจำกัดอีกมากมาย ความคิดดีอย่างเดียวไม่ได้นำไปสู่ผลที่ปรารถนา (แต่ดีกว่าคิดชั่ว) จำเป็นต้องลงมือด้วยอิทธิบาทด้วยครับ ลานเป็นลานเพราะสมาชิกทุกท่าน ตามลักษณะของสังคม Chaordic
สรุป ลักษณะขอลานปัญญาได้ใจมาก จนอดที่จะฝากความคิดเห็นไว้ไม่ได้…แม้จะแวบไป แวบมา แต่ก็คิดถึงทุกๆท่านอยู่เสมอค่ะ… รอว่าเมื่อไหร่ จะได้มีโอกาส ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือได้พบกันอีก … 2 ปี ที่ผ่านมา แห้วมาหลายครั้ง … แต่ก็หลายครั้งที่ได้รับความกรุณาจากทุกท่าน เช่น การถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีค่าแก่ลูกศิษย์ที่ได้พาไปบ้านพ่อครูบา…ขอบคุณมากๆ และหวังว่าคงได้มีโอกาสขอความกรุณาจากทุกท่านอีกค่ะ…^_^
[...] [ขึ้นรอบปีที่สามของลานปัญญา] [...]