คนละเรื่องเดียวกันบนแกนเวลา
อ่าน: 3780กลางคืนก็ไม่นอน วานซืนนอนแปดโมงเช้า แต่เมื่อวานนอนเที่ยง ที่ยืดออกมาเพราะไปเจอเรื่องน่าสนใจ เรื่อง Time perspective ของนักจิตวิทยาชื่อ Philip Zimbardo ซึ่งก็เป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจ
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมชอบ ผมชอบเรื่องนี้ด้วยเหตุผลสองอย่าง คือ (1) ผมเดาไม่ออกว่าเรื่องจะไปต่ออย่างไร และ (2) แม้จะพูดต่อไปถึงเรื่องที่ผมแปลกใจแล้ว ก็ยังมีเรื่องที่เดาทางไม่ออกตามมาอีกหลายระลอก
เรื่องเริ่มต้นด้วยการศึกษา ที่ส่งสัญญาณออกมาว่าความสุขและความสำเร็จของคนเรา มักขึ้นกับบุคลิกลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งเรากลับไม่ค่อยเอาใจใส่ คือ ระบบความคิดของเรามีลักษณะอย่างไรในมุมของเวลา — เอ๊ะนี่ภาษาไทยหรือเปล่า ฟังดูไม่รู้เรื่องเลย
คืออย่างนี้ครับ เค้าจัดคนไปหกกลุ่มตามระบบความคิด ว่ามุ่งไปทางไหนในแกนเวลา: อดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต ซึ่งแบ่งได้เป็น 6 กลุ่มย่อยๆ คือ
- Past Positive ติดอยู่กับความหลังที่มีความสุข เช่นผู้สูงอายุชอบรำลึกถึงความหลัง คิดถึงลูกหลาน
- Past Negative พวกนี้เรียกว่าพวกติกแหงกอยู่กับความเศร้าหมองในอดีต เช่นความขมขื่น ทุกข์ระทม ความล้มเหลว ไม่สมหวัง (ถ้าอาการรุนแรง คงเป็นอาการป่วยแบบจิตเวท ซึมเศร้า)
- Present Hedonism ถ้าแปลตรงตัว ก็คงเรียกว่าพวกสุขนิยม แสวงหาความรู้สึกว่ารู้(ต่างกับการแสวงหาความรู้) ความรู้สึกว่าตนมีค่า ซึ่งเป็นอารมณ์ในปัจจุบันเท่านั้น
- Present Fatalism เป็นพวกที่เชื่อว่าชีวิตถูกลิขิตไว้แล้ว ฝืนลิขิตไม่ได้ จึงพยายามประคับประคองตัวเพื่อเดินต่อไปเรื่อยๆ พวกนี้จะ “มีเหตุผล” เป็นข้ออ้างมากมายที่จะอยู่ไปวันๆ ไม่คิดทำหรือปรับปรุงอะไรให้ดีขึ้น
- Future — กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทำให้โลก “ก้าวหน้า” เพราะมีมุมมองว่าอนาคตต้องดีกว่าเดิม เป็นกลุ่มที่ลงมือกระทำเพื่ออนาคตที่ดีกว่า เปรียบเหมือนการลงทุน ต้องลงทุนลงแรงไปก่อนด้วยความเชื่อมั่นว่าจะคุ้มค่าในอนาคต — ตรงข้ามกับการกระทำที่ต้องการผลเดี๋ยวนี้ ที่เรียกว่า “ปล้น”
- “Transcendtal” Future กลุ่มนี้มักขึ้นกับความเชื่อทางศาสนา ว่า “ชีวิต” ที่แท้จริง เริ่มต้นหลังจากจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งต่างๆ ที่ทำในปัจจุบัน จะเป็นตัวตัดสินในวันที่ตาย ว่าจะไปไหนต่อ (โดยเปรียบเทียบ เป็นเหมือนการลงทุนที่รอรับผลในอนาคต/ชีวิตนิรันดร์)
Dr. Zimbardo บอกว่าโลกก้าวหน้าเพราะคนกลุ่ม {5,6} — ผมว่ามีเรื่องน่าคิดยิ่งกว่านั้นอีกครับ คนแต่ละกลุ่มจะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไง ในเมื่อฐานคิดเป็นคนละอย่าง มองคนละมุม
ที่เขียนมานี้ อยู่ใน 2 นาทีแรกของคลิปข้างบน อีก 8 นาทีก็มันครับ แต่จะไม่เล่าเพื่อไม่ให้เสียอรรถรส
ตั้งโจทย์ผิด คำตอบผิด
ตั้งใจไม่ดี ผลไม่ดี
ตั้งใจดี ปฏิบัติไม่ดี ผลไม่ดี
ตั้งใจดี ปฏิบัติดี วิธีการไม่ดี ผลไม่ดี
ตั้งใจดี ปฏิบัติดี วิธีการดี ความสามารถไม่ถึง ผลไม่ดี
ตั้งใจดี ปฏิบัติดี วิธีการดี ความสามารถถึง ผล”อาจจะ”ดี
« « Prev : ศาสตร์แห่งการกระตุ้น
4 ความคิดเห็น
เปรียบเทียบแต่ละข้อ ก็รู้สึกแบบเข้าข้างตนเองว่าอยู่ในข้อ5-6 และเมื่ออ่านความเห็นของนายซิมปาโดทำให้หลงตนเองยิ่งขึ้น…
สำนวนนิยายว่า “ทุกคนเข้าใจมัน แต่มันซิ ไม่เข้าใจตัวเอง”
เจริญพร
เอ มันเหมือนยังไม่จบหรือเปล่าครับอาจารย์? แต่เข้าไปดูที่ Youtube ก็ไม่เจอตอน 2 น่ะครับ?
ดร.ซิมบาโด พูดที่ TED เรื่อง Time Perspective เหมือนกัน (6 นาที) ซึ่งผมคิดว่าตัวหนังสือเยอะมาก ไม่สนุก แล้วสไลด์การนำเสนอก็ไม่มันเท่าการนำเสนอในคลิปข้างบน ซึ่ง RSA (the Royal Society for the encouragement of Arts, Manufactures and Commerce องค์กรอายุ 250 ปีในอังกฤษ) เป็นคนทำให้ น่าสนใจมากครับ
ถ้าตามไปดูที่ TED อาจจะเจอเรื่อง How people become monsters … or heroes ซึ่งต้องเตือนไว้ก่อนว่ามีภาพที่ไม่น่าดูอยู่เยอะนะครับ
แล้วคงไม่สายไปที่จะแสดงความยินดีเรื่องแต่งงานด้วยนะครับ
วันนี้ไม่มีอะไรให้อ่าน ฟัง หรือคะ