กระถางในดิน
กลับมาจากสวนป่า เกิดความคิดวิปลาสอีกแล้วครับ
ดินทางเหนือและอีสานนั้น แห้งแล้งมานานเนื่องจากการหักร้างถางป่า ทำให้แสงแดดเผาพื้นดิน ทำลายความอุดมสมบูรณ์ในดิน จุลินทรีย์มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ใส่ปุ๋ยเคมี ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้หน้าดินแข็ง เมื่อฝนตกลงมา น้ำซึมลงไปในดินไม่ทัน ก็ไหลไปตามความลาดเอียง เป็นน้ำหลาก (run-off) ชะเอาหน้าดินลงไปด้วย ช่วยเร่งดินถล่ม
การที่จะนำความอุดมสมบูรณ์กลับมาสู่ดิน นอกจากแก้ไขเรื่องความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยวิธีห่มดินแล้ว (ปลูกไม้ยืนต้นให้ร่มเงาก็ได้ แต่ว่าช้าหน่อย) ก็ยังต้องบำรุงน้ำใต้ดินอีกด้วย สภาพดินปนทราย หากว่าหน้าดินยังไม่แข็งนัก เมื่อฝนตกลงมา น้ำจะซึมหายไปหมด โอกาสทองของต้นไม้ มีอยู่ครู่เดียว ยกเว้นว่าฝนตกทุกวัน แต่เมื่อพ้นหน้าฝนไป ก็ลำบากเหมือนเดิม
ความคิดแรกคือปล่อยละอองน้ำไปในอากาศ แล้วให้ความชื้นเทียมเหล่านี้ ไปรวมตัวกับความชื้นในอากาศกลั่นตัวเป็นน้ำค้าง จะใช้พลังงานเท่าไรยังเป็นเรื่องรองลงไป แต่มีปัญหาอยู่สองอย่างคือ (1) เราไม่รู้ว่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีเพียงพอหรือไม่ (2) ละอองน้ำอาจจะระเหยไปในอากาศซะเอง ดังนั้นหากคิดว่าน้ำเป็นทรัพยากร ระบบน้ำหยดน่าจะให้ผลตรงกับระบบรากมากกว่า แต่ก็มีปัญหาต้องแก้ตรงที่สายยางมีราคาแพงครับ ถ้าจะตั้งสปริงเกอร์หรือหัวฉีดน้ำฝอย ก็ต้องให้ครอบคลุมระยะของร่มเงาไปจนถึงโคนต้น http://phytosphere.com/vtf/treewater.htm