พลิกฟื้นเศรษฐกิจ
อ่าน: 3351เมื่อเร็วๆนี้ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ทิศทางเศรษฐกิจการเงินไทย” ในงานสัมมนา CFO มืออาชีพ ว่า วิกฤติเศรษฐกิจในรอบนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่สุดในรอบศตวรรษที่ 21
หนังสือพิมพ์พาดหัวตัวเบ้อเริ่ม “จีดีพี -4% แย่ที่สุดในโลก” — อันนี้ก็เป็นไปตามบทบาทของหนังสือพิมพ์นะครับ คือแค่ชี้ไปเฉยๆ
การที่เศรษฐกิจไม่ดีนั้น เป็นที่รู้กันอยู่ แม้ขนาดเศรษฐกิจไทย จะไม่ได้ใหญ่โตเลยเมื่อเทียบในระดับโลก แต่ก็ยังใหญ่เกินกว่าใครจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปได้ดังใจ *แม้แต่รัฐบาล*
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะต้องอาศัยทุกองคาพยพของระบบเศรษฐกิจ
เหมือนกับมีน้ำในอ่างเป็นเศรษฐกิจของเรา เวลากวนน้ำที่อยู่ในอ่าง น้ำก็จะผสมปนเปกันไปหมด การที่จะทำให้น้ำในอ่างหมุนวน ทุกอณูของน้ำในอ่างก็ต้องเคลื่อนที่ จะวนอยู่เฉพาะส่วนของรัฐไม่ได้
GDP = การใช้จ่ายในภาคเอกชน + การลงทุนใหม่ + ค่าใช้จ่ายของรัฐ + (การส่งออก − การนำเข้า) หรือ
GDP = C + I + G + (X − M)
มีน้ำไหลเข้าเปรียบเหมือนเงินที่ไหลเข้าประเทศ ใช้สัญลักษณ์ X (คนต่างชาติเที่ยวไทย เงินที่เข้ามาลงทุน การส่งสินค้าออก ฯลฯ) และน้ำที่รั่วออกจากอ่างเปรียบเหมือนเงินที่ไหลออกนอกประเทศ ใช้สัญลักษณ์ M (คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ ฝรั่งส่งกำไรจากการเข้ามาลงทุนกลับไป การซื้อวัตถุดิบและสินค้าจากต่างประเทศ ฯลฯ)
เพื่อความสะดวกในการอธิบาย: ถ้าทั้ง X และ M นับเฉพาะสินค้า/ไม่รวมบริการเช่นการท่องเที่ยว X-M ก็เรียกว่าดุลย์การค้า แต่ถ้านับรวมทั้งสินค้าและบริการ X-M ก็เรียกว่าดุลย์บัญชีเดินสะพัด
แต่ส่วน C I และ G นั้น เป็นสิ่งที่หมุนเวียนอยู่ในประเทศของเรานะครับ
จากข้อมูลล่าสุดที่มี [ดู sheet ชื่อ Table1] GDP นับจาก 4Q07-3Q08 มีค่ารวม 9.155 ล้านล้านบาท แต่เป็นค่าใช้จ่ายของรัฐ (G) 1.058 ล้านล้านบาท หรือ 11.56% ของ GDP แถมยังมีค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายประจำ เช่นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง ฯลฯ จึงเหลือกำลังที่จะไปพยุงเศรษฐกิจไม่มาก อาจจะ 5-6% ของ GDP หรือไม่ถึงด้วยซ้ำไป
แต่การใช้จ่ายในภาคเอกชน (C) เช่นซื้อหาอาหาร จ่ายค่าโทรศัพท์ ค่าเทอมลูก ผ่อนบ้าน ซื้อของฝาก บริจาคเงินสร้างศาสนสถาน หรืออะไรก็ตามที่มีการจ่ายเงินออกไปแล้วเงินนั้นไม่ออกนอกประเทศ กลับมีค่าถึง 4.908 ล้านล้านบาท หรือ 53.61% ของ GDP; อาจจะมากกว่างบลงทุนของรัฐถึง 10 เท่า
ส่วนการส่งออกสินค้าและบริการ (X) มีค่า 6.996 ล้านล้านบาท หักด้วยการนำเข้าสินค้าและบริการ (M) อีก 6.593 ล้านล้านบาท — เหมือนกับเราส่งออกได้มาก แต่ก็สั่งวัตถุดิบเข้ามามาก — เหลือเป็นค่าสุทธิเพียง 4 แสนล้านบาท หรือ 4.4% ของ GDP แล้วยิ่งตอนนี้ ส่งออกมีปัญหา (แม้จะลดการนำเข้าได้ เพราะผลิตแล้วขายไม่ได้ จึงลดการนำเข้าวัตถุดิบ)
การโบ้ยให้รัฐพลิกฟื้นเศรษฐกิจ จึงเป็นความคาดหวังที่เลื่อนลอย อีกทั้งรัฐจ่ายเงินไม่คล่องด้วยกระบวนการงบประมาณ ซึ่งมีกฏหมายกำกับอยู่ และระบบราชการซึ่งมีกฏระเบียบมากติดขัดไปหมด; ถ้าเศรษฐกิจไทยจะพลิกฟื้นได้ ก็น่าจะเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับหลายๆ เรื่องแล้วครับ — ถ้าขืนยังคิดอย่างเดิม/ทำอย่างเดิม จะให้ผลมันแตกต่างกันออกไปได้อย่างไร
- งบประมาณปี 2552 ขอบคุณพรายตนที่หนึ่ง
ผมทราบดีที่มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านเห็นว่า GDP ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในโลก ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ บันทึกนี้เพียงแต่ใช้สมการของ GDP มาอธิบายไม่ให้เราคาดหวังกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แล้วผมก็ไม่ได้พยายามจะแสดงภาพเป็นผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจหรอกนะครับ ถ้าท่านอธิบายได้ดีกว่าก็ขอเชิญให้วิทยาทาน (ถ้าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็น่าจะให้ความรู้เป็นวิทยาทานอยู่แล้วโดยไม่ต้องเชิญหรอกนะครับ)
ตัวที่ผลักดันเศรษฐกิจตัวที่ใหญ่ที่สุดคือการใช้จ่ายในภาคเอกชน (C) ซึ่งถ้ามีเงินแล้วไม่ใช้จ่ายนี่ล่ะ น่ากลัว; แต่ว่าถ้าสถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบสุข ใครล่ะครับจะใช้จ่าย — ดังนั้นความเชื่อมั่นจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ผมจึงเห็นว่าทุกคนควรอดทน/อดกลั้น ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบโดยเร็วที่สุด ใครถูกใครผิดอย่างไรจัดการอย่างโปร่งใสไปตามกฏหมาย — แก้ไขเรื่องการตกงาน เพื่อให้คนมีรายได้ เมื่อตกงานแล้ว ก็ยอมรับเสียว่าไม่เหมือนเดิม ไม่เฉพาะฝั่งรายได้ แต่รวมถึงงานด้วย ถ้ามีอะไรพอทำได้ก็อย่าเลือกมากนักเลยครับ มีรายได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่มีรายได้
ถ้าไม่มีอะไรทำจริงๆ ปลูกต้นไม้ก็ได้ครับ — ปลูกต้นไม้ วัดเป็น GDP ไม่ได้ แต่ก็เป็นการเปลี่ยนดินเป็นทุนไว้ให้ลูกหลานนะครับ
« « Prev : ภารกิจทั้งลับและไม่ลับ ที่สวนป่า มหาชีวาลัยอีสาน
2 ความคิดเห็น
อ่านไปคิดไป ก็นึกถึงวัด เพราะเป็นคนอยู่วัด (5 5 5…)
“กิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้ (ผ้าป่า กฐิน ฯลฯ) และ ที่ก่อให้เกิดรายจ่าย (การก่อสร้าง ฯลฯ) มีผลกระทบต่อ GDP อย่างไร ?”
ถ้ามองระดับมหัพภาค น่าจะมีผลกระทบอยู่บ้าง ซึ่งไม่ทราบว่านักเศรษฐศาสตร์เคยนำจุดนี้มาคิดบ้างหรือไม่…
มีโอกาส อาจจะเขียนบันทึกเรื่องนี้
ส่วนคุณโยม และท่านอื่นๆ มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร ?
เจริญพร