สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเล่าถึง “พ่อ-แม่”
อ่าน: 3330ในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๗ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะบุคคล ที่มาเข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ ๗๒ พรรษาในปีนั้น
มีความตอนหนึ่งว่า
… เมื่อยังเล็กๆ อยู่ ข้าพเจ้าเคยเสียใจมาก ที่คุณแม่ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ให้ใส่เลย เสื้อผ้าที่ใส่เล่นในบ้านก็รับช่วงจากพี่ชายสองคน และได้เห็นแม่นั่งเย็บจักร เย็บชุดนักเรียนให้แก่ข้าพเจ้า และน้องสาว ได้เห็นพ่อของข้าพเจ้า ไปไหนๆ ก็ขึ้นแต่รถราง ข้าพเจ้าก็บ่นกับพี่น้องว่า แหมเบื่อจังเห็นพ่อต้องวิ่งขึ้นรถราง ท่านพ่อก็จะสอนมาตลอดว่า ลูก ความยากจนไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าละอาย ความชั่วช้าคดโกงนั่นแหละ เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ น่าละอายอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าเองก็เดินจากบ้านที่เทเวศร์ ซึ่งไกลมากไปโรงเรียนเซนต์ฟรังซิซาเวียร์ นานๆ จึงจะได้ขึ้นรถรางเมื่อฝนตก ตอนนี้ ข้าพเจ้าอธิษฐานเสมอเวลาทำบุญ และแม้แต่เวลานั่งรถผ่านพระปฐมเจดีย์ว่า เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้เกิดกับพ่อ แม่เช่นนี้ พ่อ แม่ที่สอนลูกให้ห่างไกลจากความรู้มาก แล้วก็เค็มปี๋ ความจริง พ่อ แม่ มีห้องแถว ที่เสด็จปู่กับท่านย่าให้เป็นมรดก ที่จะเก็บเงินค่าเช่าเป็นเงินสำหรับเลี้ยงชีวิต ตั้งแต่สมัยสงครามโลก
พ่อข้าพเจ้าเคยคิดจะขึ้นค่าเช่า เพราะเห็นลูกแต่งตัวปอน ซอมซ่อเต็มแก่ แต่คนเช่าห้องแถวเขาก็มาหา แล้วขอร้องว่าอย่าขึ้นค่าเช่าเลย และทุกครั้งท่านพ่อออกไปพูดกับเขาแล้ว ก็ตกลงว่าจะไม่ขึ้นค่าเช่า ท่านพ่อก็มาพูดกับคุณแม่ต่อหน้าลูกๆ ว่าช่วยกันเถิดนะ ขณะนี้เป็นสงคราม ลูกแบ่งกันกินเถอะ ให้เขากินบ้างเรากินบ้างในยามสงคราม และลำบากเช่นนี้ หลังกลับจากโรงเรียน ครอบครัวของพวกเรา ก็จะช่วยกันปลูกดอกไม้ พวกลูกๆ จะเก็บดอกไม้ให้คนไปขายหน้าบ้าน
เสื้อผ้าของลูกๆ แม่ก็จะเป็นคนตัดเย็บให้ วันสำคัญเช่น วันของพระบรมราชวงศ์จักรีวงศ์ เช่น วันจักรี หรือวันปิยะมหาราช พ่อกับแม่ก็จะเชิญพระบรมรูป มาตั้งจัดโต๊ะบูชา เก็บดอกไม้ที่ปลูกที่บ้านมาบูชา แล้วรวบรวมลูกหลาน ให้มาหมอบกราบรำลึกถึงพระมหากรุณา แม้บ้านที่อยู่ที่เทเวศร์ ก็ได้รับพระราชทานมาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพ่อก็บอกว่า เราก็ตั้งจิตอธิษฐานกันว่า เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทย เกิดในพระบวรพุทธศาสนา และพ่อข้าพเจ้ามักจะชี้ให้ดูวัดวาอาราม และโบสถ์ของหลายศาสนาที่อยู่ร่วมกันโดยสันติ
ท่านพ่อไม่เคยสอนให้มีความเกลียดชังในจิตใจของเด็กเลย จะสอนให้นึกถึงคำของพระพุทธองค์ ที่ทรงสอนให้มีเมตตาจิตต่อทุกๆ คน เมื่อข้าพเจ้าโตขึ้นมา พ่อก็จะชี้ว่าให้ดูซิ ดูเมืองไทยเราซิ ดูกรุงเทพฯ นี่ซิ วัดพุทธ สุเหร่าอิสลาม โบสถ์คริสต์ อยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติไทยเรา แต่ใครจะนับถือศาสนาใดก็ได้ เพราะพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมป์ภกของทุกศาสนา …
ความคิดเห็นสำหรับ "สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเล่าถึง “พ่อ-แม่”"