รังสียูวี
อ่าน: 3842ผมไม่ได้เป็นคนที่รักสวยรักงามจนกลัวผิวเสีย และเมืองไทยก็เป็นเมืองร้อน มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว
แต่ช่วงนี้แดดร้อนจนแสบ ยูวีจากแสงแดดในปริมาณที่มาก สามารถทำอันตรายต่อผิวหนังและประสาทตาได้
รูปทางขวาเป็นการคาดการณ์ UV Index ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งมีสเกลและสีตามรหัสสากล ดังนี้
UV Index | สี | ความเสี่ยง | เวลาในแดด (นาที) | |
---|---|---|---|---|
0-2 | เขียว | ปกติ | มักไม่มีอันตรายต่อคนปกติ ใส่แว่นกันแดดในกรณีที่มีแสงจ้า/แสงสะท้อน | 30-60 |
3-5 | เหลือง | เสี่ยงเสี่ยงต่ำ | ใส่แว่นกันแดด ทาครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 30 เข้าที่ร่มช่วงเที่ยง | 30 |
6-7 | ส้ม | เสี่ยงสูง | ใส่แว่นกันแดด ทาครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 30 เสื้อแขนยาว หมวกปีกกว้าง หลีกเลี่ยงแดดระหว่าง 10-15 น. ใช้ร่ม | 20 |
8-10 | แดง | เสี่ยงสูงมาก | เหมือนข้างบน หลีกเลี่ยงแดดและกีฬากลางแจ้ง (ผิวไหม้แล้ว) | 15 |
11 ขึ้นไป | ม่วง | อันตรายมาก | ทำทุกอย่างเท่าที่นึกออก | น้อยกว่า 15 |
อาการที่ตามแดดมากเกินไป คือผิวไหม้ — แต่ไม่ใช่ว่าถ้าผิวไม่ไหม้แล้ว ถือว่ายังทนได้; ค่าข้างบน แนะนำตามผิวฝรั่ง คนไทยทนได้มากกว่านี้ เพื่อความปลอดภัย ก็ใช้คำแนะนำตามตารางก็แล้วกันครับ
ถ้าเมฆมาก UV Index อาจลดได้สัก 1-3 ระดับ
อันตรายของรังสียูวี (แม้แต่สำหรับคนที่ไม่ดัดจริต)
รังสียูวี เป็นรังสีที่มีพลังงานต่อโฟตอนสูง มีความถี่สูง ถึงแม้จะเป็นแสงสะท้อนก็ยังมีพลังงานสูงอยู่ดี หากนั่งรถติดหน้าต่าง เดินทางตลอดช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายในวันที่ยูวีแรง พอถึงที่หมาย หน้าตาอาจเปลี่ยนไปเป็นเปาบุ้นจิ้นเลยก็ได้
UV Index เป็นดัชนีที่เกิดจากการวัดประมาณพลังงานต่อพื้นที่; ที่ใช้ค่าดัชนี ก็เพื่อให้พอเข้าใจง่ายๆ กลางคืนมี UV Index เป็น 0 ถ้าหากตากแดดที่มี UV Index 5 อยู่หนึ่งชั่วโมง ผิวจะไหม้เท่ากับตากแดดที่มี UV Index 10 เพียงครึ่งชั่วโมง
เนื่องจากยูวีมีพลังงานสูง เมื่อตกกระทบผิวหนัง ก็อาจจะทำให้ DNA กลายพันธุ์ไป ถ้าโชคไม่ดี ก็เป็นมะเร็งผิวหนังซึ่งมีทั้งชนิดร้ายแรงและไม่ร้ายแรง
หากนัยน์ตารับรังสียูวีมากเกินไป ต่อเนื่องยาวนาน ตาจะแห้ง แถมนอกจากจะส่งผลให้เกิดต้อเนื้อ ต้อลม ต้อกระจกแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอตาเสื่อมด้วย
การป้องกันรังสียูวี
รังสีนี้มากับแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติครับ แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นธรรมชาติแล้วจึงยอมรับมันเฉยๆ ทั้งที่มีอันตราย ก็คงแปลกดี
ครั้งจะบอกให้หลบอุดอู้อยู่ในตู้ ในกำแพง ก็คงไม่ได้ แต่มีมาตรการหลายอย่างที่พอป้องกันได้ เช่น
- อย่านั่งจ้องแสงสะท้อน หากทำได้ ในวันที่มี UV Index สูง ก็หาม่าน หากระดาษไปปิดกระจกห้องทำงานเสียบ้าง
- ร่มเงา ที่เหมาะที่สุดคือร่มเงาของต้นไม้ หากไม่มี ใช้ผ้าใบขึงสร้างร่มเงาเทียม
- พื้นที่โล่ง ปล่อยวัชพืชให้คลุมดินไว้บ้าง อย่าปล่อยให้หน้าดินเจอแสงแดดเผาโดยตรง ซึ่งนอกจากจะสะท้อนแสงแล้ว ยังจะลดความอุดมสมบูรณ์ของดินอีกด้วย
- แต่งกายให้เหมาะ เก็บพวกเสื้อแขนกุด กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้นไว้ก่อน ใช้พวกเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวก ร่ม และแว่นกันแดด
- กินอาการที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง เป็นการสร้างความแข็งแรงจากภายในร่างกาย ถ้าไม่แน่ใจว่าควรจะเป็นอะไร ให้ดูสีก็พอจะเดาได้โดยไม่มั่วมาก กินพืชพันธุ์ผลไม้ สีแดง สีเหลือง สีส้ม สีเขียว สีฟ้าและม่วง เช่นมะเขือเทศ แตงโม เสาวรส ข้าวโพด แครอท ส้ม ผัก องุ่นดำ ฯลฯ
« « Prev : มายากล
9 ความคิดเห็น
ปกติผมเป็นอาตี๋ผิวขาวยังกะหยวก แต่ช่วงนี้คงยูวีนี่แหละผิวเป็นกาแฟเหยาะนมเลยครับ เพราะขับรถแดดส่องทั้งวัน แถมไปเดินงกๆกลางแดดหลายแห่ง ผมเดาว่ายูวีก็คงเหมือนคอเลสเตอรอล น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างนะครับ แต่ถ้ามากเกินไปก็กลายเป็นโทษ โอโซนก็เหมือนกัน
ดินสอพองช่วยได้ค่ะอย่าทาครีมที่มีส่วนผสมน้ำมันแม้ว่าจะมีสารป้องกันยูวีค่ะเพราะครีมที่มีน้ำมันจะทำให้พื้นผิวบริเวณที่ทา มีความร้อนสูงขึ้น อันตรายตามมา
นี่ถ้ารู้ว่าดินสอพองใช้ได้ คงเขียนไปแล้วครับ
ลองสังเกตอย่างง่ายค่ะคนที่ใช้โลชั่น หรือครีมทาตัว ผิวจะเป็นฝ้ามากกว่าคนที่ไม่ทาคนที่ทาผิวด้วยแป้งแข็ง (มีส่วนผสมน้ำมัน) จะผิวคล้ำเร็วกว่าคนทาแป้งฝุ่นกระป๋องหญิงไทยโบราญมีผิวผ่องเพราะดินสอพอง ทั้งๆที่ใส่ผ้าแถบค่ะ
สำหรับผมธรรมชาติล้วนๆ ผิวผมดำเร็วมากถ้าถูกแดดลม แต่ขาวช้ามาก ประมาณว่าถูกแดดวันเดียวก็ดำปื๋อ แต่ต้องรอ 1 เดือนกว่าจะขาวดังเดิม ผมก็เลยดำตลอดปี เพราะชอบเดินตากแดด เวลาเดินไปสอน เขามีหลังคากันแดดให้เดินก็ไม่เดิน เลี่ยงไปเดินกลางแดดแทน ให้ยูวีมันไล้โลมเสียบ้าง อิอิ
ความจริงน่าทำวิจัยมากๆ ผมสังเกตหลายคนผิวคล้ำกว่าผมเสียอีก และเดินตากแดดมากด้วย แต่ผิวเฉลี่ยโดยรวมกลับขาวกว่าผม แสดงว่าผิวหนังคนมีสารอะไรบางอย่างที่สะท้อน ดูดซับ แสงแดดได้ต่างกัน
ยืนยันประสิทธิภาพดินสอพองค่ะ เคยคิดจะเขียนในเรื่องเล่าจากอดีตตอนใหม่เพราะใช้มานานตั้งแต่เด็ก ซึ่งได้ผลแค่ไหนก็พอทราบแก่ใจตัวเองอยู่
เวลาร้อนๆ ไม่เคยทาผิวด้วยโลชั่นในตอนกลางวันเลยค่ะ เพราะมันร้อนมากกว่าเดิม แต่ใช้ดินสอพอง/แป้งร่ำ ทาตัวหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ (ใช้หยดน้ำที่เกาะตัวเป็นสื่อพาความร้อนออก เมื่อระเหยโดยมีดินสอพองเป็นตัวกั้นไอแดด) ร้อนเปรี้ยงตอนเที่ยงก็ยังนอนอ่านหนังสือบนตั่งใต้ร่มไม้ได้สบายโดยไม่เหนอะตัวล่ะค่ะ แถมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวรัดตัว ทำให้ผิวละเอียดด้วยนะคะ
แต่ตอนนี้มีลูกหมาทำให้ตัวมีรอยเขี้ยว แถมดำลงเพราะวิ่งเล่นกัน อันนี้ดินสอพองยังช่วยไม่ได้อ่ะค่ะ 555
วิศวกรเครื่องกลอย่างผมคิดต่อไปว่า แป้งนั้นสามารถดูดซับความชื้นได้มาก ดังนั้นเหงื่อที่ออกมาก็ถูกซับด้วยแป้ง ทำให้ไม่เหนอะตัว ส่วนสีขาว ช่วยสะท้อนแสงแดดออกไป ก็เลยทำให้ไม่ร้อนได้ถึง “สองต่อ”
ส่วนผิวรัดตัวนั้น อิอิ ต้องขอคิดดูก่อน แรงดึงระหว่างโมเลกุลแป้งไม่น่ามากปานนั้นนะครับ
ที่สาวพม่าทาหน้าด้วยแป้งเป็นวงๆ อาจด้วยเหตุนี้หรือเปล่า มีผสมสมุนไพรด้วย