ผมเชื่อ “อาจารย์ยักษ์” แฮะ

โดย Logos เมื่อ 22 August 2008 เวลา 0:23 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม #
อ่าน: 6548

ระหว่างที่ค้นเน็ตหาเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว ก็ไปเจอคอลัมน์ “พอแล้วรวย” ของอาจารย์ยักษ์ มหาลัยคอกหมู ตีพิมพ์ในหน้าเกษตรของหนังสือพิมพ์คม-ชัด-ลึก วันที่ 21 เมษายน 2551 พูดถึงแนวคิดของ Eco Village ซึ่งขอตัดตอนออกมาบางส่วน ดังนี้ครับ

สำหรับคนไทยอย่างอาจารย์ยักษ์คงไม่คิดพึ่งพารัฐบาล เพราะได้พิสูจน์มานักต่อนักแล้วว่าในที่สุดก็ต้องท่องคาถา อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งของตน และนี่คือที่มาของแนวคิด Eco Village ชุมชนคนรักษ์โลก ซึ่งเป็นชุมชนที่สร้างขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ที่กำลังจะมาถึงโดยอาศัยหลักคิดดังต่อไปนี้

1.อยู่กับธรรมชาติแทนการเปลี่ยนแปลงหรือเอาชนะธรรมชาติ

2.เป็นชุมชนทางเลือกด้านอาหาร สุขภาพ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการศึกษา

3.ต้นทางและปลายทางอยู่ด้วยกัน คนในชุมชนไม่จำเป็นต้องออกจากชุมชนเพื่อไปหากินที่อื่น

4.ไม่แบ่งแยกชนชั้น คนจน คนรวย อยู่ด้วยกันอย่างพึ่งพากัน

5.ไม่แบ่งแยกศาสนา ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

6.เป็นชุมชนของคนรักษ์โลก และเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่เพื่อสร้างสรรค์โลก แทนการทำลาย

ฟังดูแล้วหลายคนคงคิดว่าอาจารย์ยักษ์กำลังเพี้ยนหนัก ฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง แต่คงไม่มีใครปฏิเสธนะว่าบนความไม่แน่นอนของโลก ผู้คนกำลังเป็นห่วงอนาคตของตนเอง และใครที่มีกำลังทรัพย์โดยฉพาะคนเมืองก็ดูเหมือนว่า ต่างคนต่างกำลังหนีตาย เริ่มอพยพย้ายออกจากเมืองไปหาที่อยู่ใหม่ หรือหาที่หาทางเพื่อเป็นที่สำรองหากเกิดอะไรขึ้นกับกรุงเทพฯ จริงๆ นี่เป็นปรากฏการณ์ของความกลัว แต่ก็เป็นความกลัวที่มีเหตุผล

อาจารย์ยักษ์ จึงอยากชักชวนให้คนที่คิดคล้ายกัน คนที่มีทิฎฐิสามันยตาเหมือนกัน เชื่อในหลักเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อในหลักเคารพและนอบน้อมต่อธรรมชาติ เชื่อในศาสตร์ทางเลือก ให้มาอยู่ด้วยกัน แทนต่างคนต่างหาที่อยู่ด้วยตนเอง สร้างชุมชนที่น่าอยู่ สันติสุขด้วยมือของเราเอง

อ่านดูแล้ว อยากเรียนอาจารย์ยักษ์ว่าอาจารย์ไม่ได้เพี้ยนอยู่คนเดียว ผมเชื่อและเพี้ยนด้วยครับ (แต่อาจไม่หนักเท่าอาจารย์ อิอิ) และอยากกล่าวอ้าง ว่าไม่ได้เชื่อเพียงการกล่าวอ้างว่าเชื่อเท่านั้น ยังเปลี่ยนแปลงวิธีคิด และวิถีชีวิต มาได้นานพอสมควรแล้ว เพียงแต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำลายสถานะทางสังคมหรือหน้าที่การงาน (ซึ่งคนอื่นอุปโลกน์ให้เป็น) เพื่อพิสูจน์อะไร แต่เมื่อสถานะทางสังคมเปลี่ยนแปลง ผมก็จะยังเป็นคนเดิม

ผมค้นเน็ตต่อไป พบว่ามีบทความของอาจารย์ยักษ์อยู่ที่มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ เสียดายอยู่แต่ว่าบทความใหม่ๆ กลับไม่มี อย่างไรก็ตาม ก็ยังเจอบทความแนะนำสามอันคือ

เจอคนที่มีความคิด+แนวทางปฏิบัติแบบนี้ น่าจะชวนเป็นภาคี “ช่วยกันทำมาหากิน” นะครับ

« « Prev : Nikola Tesla อัจฉริยะที่โลกลืม

Next : Mantovani » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 0:38

    หลักเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อๆๆอยู่แล้วค่ะ
     แต่อาจไม่ได้เห็นพ้องในแนวคิดทั้งหมดของอาจารย์ยักษ์เท่านั้น อิๆๆๆ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 3:34
    ใน “เชื่อในหลักเคารพและนอบน้อมต่อธรรมชาติ เชื่อในศาสตร์ทางเลือก ให้มาอยู่ด้วยกัน แทนต่างคนต่างหาที่อยู่ด้วยตนเอง สร้างชุมชนที่น่าอยู่ สันติสุขด้วยมือของเราเอง” พี่ไม่เห็นพ้องด้วยตรงไหนล่ะครับ
  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 5:06

    ด้วยความชื่นชมที่ซู๊ด!!!

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 5:53

    แนวคิดนี้ ไม่ต้องใช้เงิน ก็สามารถมีชีวิตอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีได้ ดังนั้นความรู้และเงินที่มีอยู่ ก็สามารถจะทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและ{ชุมชน+สภาพแวดล้อม}รอบตัวได้ดีขึ้น

    ตัวอย่างเช่นมีกลุ่มคนอยู่ 5 คน เราใช้ความรู้ความชำนาญทำงานเพื่อคนอื่นอีก 4 คน เหมือนกับเราให้คนอื่น 100% (ดูเผินๆ เหมือนว่าจะเป็นการ “ขาดทุน”) แต่คนอื่นก็ทำงานเพื่อเราเช่นกัน แล้วตัวเรารับมาจากอีก 4 คน คนละ 25% ตกลงว่าเราไม่ได้เสียอะไร แต่ได้เพื่อนที่คอยอุ้มชูในเวลาที่เราพลาดมาอีก 4 คนนะครับ วิธีนี้น่าจะดีกว่าการซื้อแหลกเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในสังคมเมืองครับ

    คำว่า “คน” ในตัวอย่างข้างบน อาจจะเป็น ดิน ป่า น้ำ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรืออะไรต่างๆ ก็ได้ครับ

    ผมมีบทความมาฝากให้เห็นแนวคิดอีกอันหนึ่งครับ เป็นการประชาสัมพันธ์งานที่ผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ดีครับ

    อาจารย์ยักษ์ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้เชิญชวนให้ คนรักแผ่นดิน รักท้องถิ่น รักความเป็นไทยเข้ามาร่วมงาน ในงานจะมีภูมิความรู้ ภูมิปัญญาให้เรียนรู้มากมาย ตั้งแต่ความสำเร็จของการใช้เกษตรอินทรีย์ในการพลิกฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ ให้แก่ผืนดิน เพิ่มผลผลิตที่มากมายก่ายกองที่เกษตรเคมีไม่อาจเทียบได้ เรียนรู้การพึ่งตนเองโดยการทำปุ๋ยชีวภาพใช้เอง แทนการพึ่งปุ๋ยเคมี ซึ่งนับวันจะมีแต่แพงมากขึ้นและเป็นที่มาของหนี้สินมหาศาลของเกษตรกร เกษตรกรที่ใช้เกษตรอินทรีย์นับวันมีแต่จะดีวันดีคืน เพิ่มทั้งเงินเพิ่มทั้งความสุขจากการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง

    ในงานยังมีอาหารและผลผลิตที่ปราศจากสารพิษมาให้กินให้ซื้อกัน มีองค์ความรู้ที่จะใช้ในชีวิตแห่งการพึ่งพาตนเองได้ง่ายๆ จากฐานเรียนรู้ 9 ฐาน 1.คนเอาถ่าน (เตาเผาถ่าน น้ำส้มควันไม้) 2.คนมีน้ำยา (น้ำยาอเนกประสงค์) 3.คนมีไฟ (พลังงานทดแทน ไบโอแก๊ส ไบโอดีเซล) 4.คนติดดิน (บ้านดิน ฐานอิฐ) 5.ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ (ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยเม็ด น้ำหมักชีวภาพ) 6.คนรักป่า (ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง) 7.สมุนไพร 8.นาข้าว ข้าว และโรงสี 9.ฐานคนรักสุขภาพ

    ขบวนการคืนชีวิตให้แผ่นดิน นอกจากจะตระหนักถึงภารกิจในการเร่งฟื้นฟูฐานทรัพยากรดินน้ำป่าให้แก่ประเทศแล้ว อีกภารกิจหนึ่งที่สำคัญเร่งด่วนไม่แพ้กันก็คือ การช่วยกันลด “ภาวะโลกร้อน” ซึ่งได้แสดงอิทธิฤทธิ์ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่มนุษย์บนโลกใบนี้อย่างประเมินค่ามิได้ และหากเราไม่เรียนรู้หรือร่วมมือกันอย่างจริงจังในการแก้ปัญหา ก็มีแนวโน้มว่าโลกจะถึงจุดวิบัติในเวลาไม่เกินทศวรรษนี้

    ทั้งโลกกำลังเร่งระดมกันปลูกต้นไม้เพื่อลดภาวะโลกร้อน ในงานเราจะมีองค์ความรู้ในการเพิ่มปริมาณออกซิเจนโดยใช้หลักคิด “ปลูกต้นไม้ได้โลก 5 ใบ” โดยการปลูกป่าด้วยไม้ 5 ระดับ สูง กลาง  เตี้ย เลื้อยเรี่ยดิน และหัวใต้ดิน ซึ่งจะเป็นการพ่นความเย็นใส่โลกได้ทีเดียวถึง 5 เท่า ภาวะโลกร้อนที่มีอำนาจทำลายล้างมหาศาลล้วนมีเหตุมาจาก “จิตที่ไม่เพียงพอ” ของมนุษย์ จิตที่เต็มไปด้วยกิเลส ความอยากได้ อยากมีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อันมีผลให้มนุษย์ต้อง “ขุด ถอน โค่น” ทำร้ายธรรมชาติ จนธรรมชาติมิอาจทนทานได้

    ในลานปัญญานี้ ก็มีตัวอย่างที่น่าชื่นชม คือ โสธร รอดคงที่ แห่งลานโสธร และลานบ้านสวนพอเพียง พร้อมกับบล็อกบ้านสวนพอเพียงแห่ง GotoKnow ครับ โสธรเป็นผู้ที่ช่วยอาจารย์เม้ง เอาซอฟต์แวร์ของลานปัญญาลงให้ที่สหรัฐ เป็นเหตุที่สามารถเปิดลานปัญญาได้ เขาเป็นคนไอทีที่มีฝีมือ แต่กลับบ้านไปทำเกษตรกรรม (สวนยาง) ที่ตรัง โดยไม่ได้โยนความรู้ความชำนาญทางไอทีที่มีอยู่ทิ้งไปไหนครับ

  • #5 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 8:51

    เชื่อในแนวคิดแบบนี้อยู่แล้วค่ะ เพียงแต่อาจจะคิดไม่ครอบคลุมเท่าที่อาจารย์ยักษ์คิด การปฎิบัติก็ค่อยๆ เริ่มไปค่ะ ตามบริบทและโอกาสที่มีอยู่ในตอนนี้ นับถือคุณโสธรมากค่ะ พอทราบอยู่ ตามอ่านเป็นประจำเหมือนกัน
    ขอบคุณนะคะ

  • #6 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 15:09

    อ๋อ กำลังพูดถึงยักษ์ (วิวัฒน์ ศัลยกำธร)  พวกเดียวกันเคยทำงานร่วมมานานแล้ว ประมาณ 10 ปี เขาทำได้ เขาได้ทำ และ ชี้แนะมาตลอต เขาทำงานเชิงรุก ที่เห็นผลแล้ว เขาใช้หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมา ก่อนใครๆ……
    มี ความมุ่งมั่น ความแน่วแน่ ความศรัธา ที่เขาทุ่มเททุนชีวิตของเขา พลิกฟื้นคืนชีพให้เกษตรกรยืนบนขา ของตัวเองอย่างมีความเข้าใจธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติ ในที่สุดธรรมชาติ ก็ตอบแทนความมุ่งมั่น อย่างเป็นรูปมธรรม
    ตอนนี้เห็นตามสื่อ และโทรทัศน์เกือบทุกช่อง พี่สนิทกับน้องยักา์ค่ะ

  • #7 มิสเตอร์สะตอฯ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 21:23

    สวัสดีครับพี่

    เมื่อปีก่อนได้มีโอกาสดูคลิปเกี่ยวกับแนวคิดนี้ ประทับใจมากๆ ครับ สังคมไทยควรจะมีความหลากหลายและไม่ทิ้งรากเหง้าของเราด้วย รากเหง้าของความเป็นธรรมชาตินั้น ไม่ว่าจะป่าไม้ แม่น้ำลำธาร อากาศที่ดี ดินที่สมบูรณ์ ทรัพย์ในดินสินในน้ำ เรามีอยู่ครบในแผ่นดินไทย เพียงแต่การใช้ใ้ห้เกิดประโยชน์จำเป็นต้องใช้ความมรู้และปัญญาที่ธรรมชาติยอมรับแล้ว  ความรู้ีที่ธรรมชาติยอมรับแล้วเหนือกว่าองค์กรใดๆ ออกใบประกาศนียบัตรให้ แต่เป็นการยอมรับจากธรรมชาติโดยไม่มีการประท้วงออกมาให้เห็นครับ

    มีรถให้เรานั่งขับไปถึงที่หมายเร็วก็จริง แต่ท่อไอเสียประท้วงออกมาว่า ไปถึงเร็วก็จริงแต่นี่ควันพิษนะ

    จะใ้ช้และประยุกต์ใช้อย่างไร ให้เกิดสมดุล ที่ธรรมชาติบอกว่าโอเค รับได้ ผ่านการประทับตราจากธรรมชาติ

    ในดีมีเสีย ในเสียมีดี  ในคนมีทั้งดีทั้งเสีย

    ขอบคุณมากครับ

  • #8 sothorn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 August 2008 เวลา 6:51

    สวัสดีครับพี่ Logos
    ผมก็เป็นศิษย์อาจารย์ยักษ์ ถึงจะไม่ใช่ศิษย์สายตรง แต่ก็ศิษย์ของศิษย์ของอาจารย์ยักษ์
    ผมไปอบรมอยู่กับมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติของอาจารย์ยักษ์ อยู่ 4 คืน 5 วัน ได้อะไรมาเยอะครับ

  • #9 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 June 2010 เวลา 22:34

    เคยอ่านงานของอ.ยักษ์มาบ้าง

    เป็นท่านหนึ่งที่ “คิดต่าง” และสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการกระทำ
    แม้ในบริบทปัจจุบันยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ก็ดีกว่าไม่มีการเปลี่ยนเลย

    กลุ่มทางเลือก มีอยู่หลายกลุ่มที่น่าชื่นชมในปัจจุบัน …

    กลุ่มหนึ่งที่เคยสัมผัสคือ กลุ่มชุมชนชาวอโศก ซึ่งมีความเชื่อ ปรัชญา แนวทางการใช้ชีวิตทั้งส่วนของปัจเจก โดยการลดละเลิกสิ่งที่ฟุ่มเฟือย และปันสิ่งที่ตนมีเกินกินเกินใช้ให้สังคม ปฏิเสธสังคมทุนนิยม ใช้ชีวิตที่ยึดหลักสาราณียธรรม6 และและสร้างชุมชน ใช้หลักการสาธารณโภคี

    และคงมีอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเรียนรู้

  • #10 born2011 ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 July 2011 เวลา 19:42

    ค้นหาความต้องการของตัวเองมานาน เปลี่ยนงานมาก็หลายหน ทำธุรกิจเกษตร พัฒนากร ตรวจสอบภาษีอากร เป็นแม่่ครัวอยู่ร้านอาหาร ทำงานในบริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน เป็นพนักงานเสริฟในร้านอาหาร ทำเล็บ ในที่สุดก็ค้นพบว่าที่สุดแล้วต้องการอะไร ขณะนี้เก็บข้อมูลและศึกษาข้อมูลเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อกลับไปทำไร่นาสวนผสม เพื่อเศรษฐกิจพอเพียงอย่างนั้นตามรอยเท้าพ่อค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.26552414894104 sec
Sidebar: 0.19196701049805 sec