สุขภาพจิต

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 24 July 2008 เวลา 2:10 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3627

พระราชดำรัส เรียบเรียงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้
ในโอกาสที่คณะจิตแพทย์ นักวิชาการสุขภาพจิต
อาจารย์จากมหาวิทยาลัย และผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันต่างๆ
เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
วันอังคาร ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐

        สุขภาพจิตและสุขภาพทางกายนี้ มีความสัมพันธ์ที่จะโยงกันอย่างยิ่ง และเป็นความจริงตามที่ท่านอธิบดีได้แจ้งว่า ควรที่จะถือว่าสุขภาพจิตเป็นสำคัญสำหรับให้ประชาชนมีความผาสุกกันได้อีกข้อหนึ่ง ในการอบรมบุคลากรให้รู้จักใช้สุขภาพจิตนั้นก็เป็นข้อหนึ่งที่สำคัญ ข้อแรก สุขภาพจิตและสุขภาพกายนั้น พูดได้ว่าสุขภาพจิตสำคัญกว่าสุขภาพกายด้วยซ้ำ เพราะว่าคนไหนที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแต่จิตใจฟั่นเฟือนไม่ได้เรื่องนั้น ถ้าทำอะไรก็จะยุ่งกันได้ กายที่แข็งแรงนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองหรือสังคมอย่างใด ส่วนคนที่สุขภาพกายไม่สู้จะแข็งแรงแต่สุขภาพจิตดี หมายความว่าจิตใจดี รู้จักจิตใจของตัวและรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้อง ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมาก และเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้มาก ในที่สุดสุขภาพจิตที่ดีก็อาจจะพามาซึ่งสุขภาพทางกายได้ หรือถ้าสุขภาพกายไม่ดีนักก็ไม่ต้องถือว่าเป็นของสำคัญ อันนี้เป็นในด้านความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพจิตกับกาย ในด้านที่จะศึกษาหรือสั่งสอนเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความหนักใจอยู่ เพราะว่าการศึกษาสุขภาพจิตเพื่อการศึกษาเฉยๆ หรือสอนเพื่อการสอนสุขภาพจิตเฉยๆ นั้น ย่อมจะไม่มีประโยชน์นัก แต่ว่าถ้าโยงกันว่า ผู้ที่จะปฏิบัติทั้งในด้านที่จะรักษาร่างกาย หรือปราบโรคในหน้าที่ของแพทย์ พยาบาล แต่ใช้สุขภาพจิตด้วย ย่อมจะมีความสำเร็จได้มาก ฉะนั้นที่ว่าใช้สุขภาพจิตก็หมายความว่าตนเองหรือผู้ที่ปฏิบัตินั้นจะต้องมีสุขภาพจิตที่ดี ผู้ที่จะสอนในวิชาอื่น หรือปฏิบัติงานอย่างอื่นนอกจากการรักษาพยาบาล ก็ย่อมต้องมีสุขภาพจิตที่ดี อย่าเพิ่งไปสอนสุขภาพจิต สอนตัวเองถึงสุขภาพจิตที่ดีหรือสภาพจิตที่ถูกต้องและความเห็นที่ถูกต้องก่อนจึงจะสอนได้ดี ยังในด้านการรักษาร่างกาย ถ้าสมมุติว่าให้ยาที่ถูกต้องแต่ด้วยวิธีที่ผู้ที่ให้นะสุขภาพจิตไม่สู้ดีนัก หมายความว่าโยนให้ หรือในเวลาที่คนไข้มาหานายแพทย์ๆ ก็ด่าเสียหน่อย คือก็กล่าวว่าทำไมจึงต้องมากวน ก็หมายความว่าสุขภาพจิตของผู้เป็นแพทย์นั้นไม่สู้ดีนัก การพัฒนาสุขภาพจิตจึงต้องพัฒนาที่ตัวผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าจะมาศึกษาสุขภาพจิตเฉยๆ การที่จะปฏิบัติด้วยสุขภาพจิตที่ดีก็หมายถึงว่าจะต้องอบรมตนเองให้มีสุขภาพจิตที่ดี ไม่ใช่ว่าจะไปสอนคนอื่น ผู้ที่มีสุขภาพจิตที่ดีแล้วอาจจะสอนคนอื่นได้ ชักชวนให้คนอื่นมีสุขภาพจิตดี จนกระทั่งงานที่ทำมีความสำเร็จที่ดีได้ เช่นเวลารักษาผู้ป่วยก็ทำด้วยความละมุนละไม ทำให้ผู้ที่มีโรคสบายใจขึ้น คือไว้ใจแพทย์ได้ และมีกำลังใจขึ้นมา ย่อมทำให้กายนั้นรับการรักษาได้อย่างเต็มที่ และทำให้กายนั้นหายจากโรคภัยได้สะดวก

อ่านต่อ »


ตามคำขอของพี่หมอเจ๊

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 20 July 2008 เวลา 22:11 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4509

เมื่อตอนที่ไปสวนป่าในงานอบรมกระบวนกร ซึ่งไม่รู้ว่าภายหลังได้กลายเป็นเฮฮาศาสตร์5 ไปได้อย่างไร ก่อนไปก็พอรู้เลาๆ ว่าจะถูกถีบขึ้นเวที ส่วนหัวข้อที่บอกมาก่อนก็เป็นที่รู้กันว่าจะไม่เป็นไปตามนั้น หัวข้อจริงก็ไปรู้เอาตอนเดินขึ้นเวทีแล้ว

มีเรื่องจะสารภาพครับ เรื่องที่พูดในคืนนั้นไม่ได้เตรียม และเรื่องที่เตรียมไปกลับไม่ได้พูด เพราะว่าพูดเรื่องที่ไม่ได้เตรียมซะเยอะแล้ว เลยลืมที่จะบอกว่า ผมมี “ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๙๓ - ๒๕๔๘” ที่ทาง กบข. ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดพิมพ์ สามารถจะค้นหาได้ ที่อยากบอกแต่ไม่ได้บอกคือเรื่องนี้ล่ะครับ:

ว่าท่านใดอยากได้พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่พระราชทานให้ในวันที่รับปริญญา ก็ขอให้บอกมาว่าปีใด และมหาวิทยาลัยใดนะครับ — โดยส่วนตัว เป็นแรงบันดาลใจของผมเสมอมา

พอดีพี่หมอเจ๊ขอมากลางอากาศ ก็เลยค้นมาแสดงไว้ตรงนี้นะครับ

อ่านต่อ »


คุณธรรมกับวิชาการ

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 20 July 2008 เวลา 4:03 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4345

พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันพฤหัสบดี ที่ ๙-๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๕

…หลักของคุณธรรมคือการคิดด้วยจิตใจที่เป็นกลาง. ก่อนที่บัณฑิตจะพูดจะทำสิ่งไร จำเป็นต้องหยุดคิด เสียก่อน เพื่อรวบรวมสติให้ตั้งมั่นไม่โอนเอนและให้จิตสว่างแจ่มใส ซึ่งแรกๆ หัด อาจต้องใช้เวลาบ้าง และอาจ รู้สึกว่าทำได้ยาก. แต่เมื่อปฏิบัติฝึกฝนจนคุ้นเคยชำนาญแล้วก็ตั้งสติคิดอ่านได้คล่องแคล่วรวดเร็วขึ้น. จะแสดง ความรู้ความคิดเรื่องใด แก่ใคร ผู้ฟังก็เข้าใจได้ง่าย ได้ชัด ไม่ผิดหลักวิชา ซึ่งเท่ากับได้ปฏิบัติถูกต้องตรงตาม คุณธรรมของนักวิชาการอย่างครบถ้วน. ดังนี้ หากทุกคนปฏิบัติได้สำเร็จ จะทำให้สามารถเผยแพร่วิชาการ ทั้งหลายที่ร่ำเรียนมา ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกัน ทั้งจะเอื้ออำนวยให้กิจการทั้งปวงที่ทำ ลุล่วงได้ โดยราบรื่น และถูกต้อง. จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายคิดใคร่ครวญให้เห็นจริงพร้อมทั้งให้พยายามระมัดระวังตั้งใจ ที่จะไม่นำเอาวิชาการมาใช้เป็นอุบายโต้เถียงเอาชนะกันแต่อย่างเดียว เพราะการกระทำดังนั้นจะกลับเป็นเหตุก่อ ให้เกิดความไม่เข้าใจและขัดแย้งกันในสังคม. …

อ่านต่อ »


อีกครั้งหนึ่งกับพระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕​

5 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 July 2008 เวลา 16:53 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4696

…ปัญหาของวันนี้ ไม่ใช่ปัญหาของการบัญญัติ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกวันนี้คือความปลอดภัย ขวัญดีของประชาชน ซึ่งเดี๋ยวนี้ประชาชนทั่วไปทุกแห่งทุกหน มีความหวาดระแวงว่าจะเกิดอันตราย มีความหวาดระแวงว่า ประเทศชาติจะล่มจม โดยที่จะแก้ไขลำบาก ตามข่าวที่ได้ทราบมาจากต่างประเทศ เพราะเหตุว่าในขณะนี้ ทั้งลูกชายทั้งลูกสาวก็อยู่ต่างประเทศ ทั้งสองก็ทราบดี แล้วก็ได้พยายามที่จะแจ้งให้กับ คนที่อยู่ในประเทศเหล่านั้นว่า ประเทศไทยนี้ยังแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่รู้สึกว่าจะเป็นความคิด ที่เป็นความคิดแบบหวังสูงไปหน่อย ถ้าหากว่าเราไม่ทำให้สถานการณ์อย่าง ๓ วันที่ผ่านมานี้สิ้นสุดไปได้ ฉะนั้นก็ขอให้โดยเฉพาะสองท่าน คือพลเอกสุจินดา และพลตรีจำลองช่วยกันคิด คือหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน เพราะว่าเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่า บ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง

ฉะนั้นจึงขอให้ทั้งสองท่านเข้ามา คือไม่เผชิญหน้ากัน แต่หันเข้าหากัน และสองท่าน เท่ากับเป็นผู้แทนฝ่ายต่างๆ คือไม่ใช่สองฝ่าย ฝ่ายต่างๆ ที่เผชิญหน้ากัน ให้ช่วยกันแก้ปัญหาปัจจุบันนี้ คือความรุนแรงที่เกิดขึ้น แล้วก็เมื่อเยียวยาปัญหานี้ได้แล้ว จะมาพูดกัน ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร สำหรับให้ประเทศไทย ได้มีการสร้างพัฒนาขึ้นมาได้ กลับคืนมาได้ด้วยดี อันนี้ก็เป็นเหตุผลที่เรียกท่านทั้งสองมา และก็เชื่อว่าทั้งสองท่าน ก็เข้าใจว่า จะเป็นผู้ที่ได้สร้างประเทศจากซากปรักหักพัง แล้วก็จะได้ผลในส่วนตัวมากว่าได้ทำดี แก้ไขอย่างไรก็แล้วแต่ที่จะปรึกษากัน ก็มีข้อสังเกตดังนี้

ท่านประธานองคมนตรี ท่านองคมนตรีเปรม ก็เป็นผู้ใหญ่ ผู้พร้อมที่จะให้คำปรึกษาหารือกัน ด้วยความเป็นกลาง ด้วยความรักชาติ เพื่อสร้างสรรค์ประเทศ ให้เข้าสู่ความปลอดภัยในเร็ววัน ขอฝากให้ช่วยกันสร้างชาติ

พระราชดำรัสองค์เต็ม พระราชทานแก่ พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง วันพุธที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕


บทชวนรักชาติ

อ่าน: 4442
    เรานี้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติศาสนา
ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย
แม้ใครตั้งจิตคิดรักตัว จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน
ควรจะร้อนอกร้อนใจ เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน
ชาติใดไร้รักสมัคสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร
    ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส
เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา
    เพราะฉะนั้นชวนกันสวามิภักดิ์ จงรักร่วมชาติศาสนา
ยอมตายไม่เสียดายชีวา เพื่อรักษาอิสระคณะไทย
สมานสามัคคีให้ดีอยู่ จะสู้ศึกศัตรูทั้งหลายได้
ควรคิดจำนงจงใจ เป็นไทยจนสิ้นดินฟ้า
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว   
พุทธศักราช ๒๔๕๔

อ่านต่อ »



Main: 0.22431612014771 sec
Sidebar: 0.72497296333313 sec