jDrones
ตั้งแต่น้ำท่วมกลางปีที่แล้ว ผมตีฆ้องร้องป่าวเรื่องแผนที่สถานการณ์มาตลอด แต่ไม่มีหน่วยงานใดทำสักแห่ง
แล้วการบรรเทาทุกข์ก็เหมือนใช้คนตาฝ้าฟางทำ มีทั้งซ้ำซ้อน น้อยไป มากไป ถี่ไป ห่างไป สารพัดปัญหา แต่ไม่มีความพอดีเลย ทั้งนี้เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ที่ไหน ด้วยปริมาณเท่าไหร่ เรื่องนี้ บ่นไปก็เท่านั้นล่ะครับ เหมือนเอาน้ำรดหิน ถ้าหากจะทำอะไรให้มีประสิทธิผลมากขึ้น คงต้องทำเอง พอทำแล้วก็จะมีปอบมาขโมยงานเหล่านี้ไป แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะว่าเราได้ทำในสิ่งที่สมควรทำแล้ว
ในเบื้องแรก ถึงขนาดต้องไป “ขอความร่วมมือ” กับผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพทางอากาศ ได้ภาพน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ช่วงนั้นไม่มีภัยจึงไม่ได้ทำแผนที่สถานการณ์ — ต่อมาภายหลังพอเกิดภัยขึ้น เราเชิญผู้เชี่ยวชาญไป ทีนี้มีค่าใช้จ่าย คือว่าเขาต้องบินกลับเข้ามาในเมืองไทยก่อนกำหนด และการทำอย่างนี้ก็เป็นวิชาชีพปกติของเขา เตรียมเครื่องมือ ระบบสำรอง ประกันภัย ทีมงาน ฯลฯ ค่าจ้างบินถ่ายรูป (kapook.com เป็นสปอนเซอร์ควักให้) อาจพอซ่อมบ้านได้สักโหล หรือสร้างใหม่ได้สักหลังสองหลัง
อืม… แล้วถ้าเกิดต้องทบทวนแผนที่สถานการณ์ทุกๆ 3 วันล่ะครับ ค่าจ้างตรงนี้ จะไม่มากกว่าเงินที่เอาไปช่วยชาวบ้านหรือ? ก็ต้องหาทางออกที่ประหยัดกว่าครับ… แต่มีปัญหาพื้นฐานคือการบินนั้น ต้องใช้ผู้บังคับที่มีประสบการณ์พอสมควรทีเดียว เนื่องจากอากาศในพื้นที่ที่เกิดภัยธรรมชาติ มักมีความแปรปรวน
กรณีนี้นี้ยังมีอีกปัญหาหนึ่งคือพื้นที่ที่สำรวจได้ จะจำกัดเพียงแค่ที่สัญญาณวิทยุไปถึงและสายตาของผู้บังคับมองเห็นเท่านั้น หากต้องการบินสำรวจในวงกว้างเพื่อทำแผนที่สถานการณ์ เครื่องบินก็จะต้องบินออกนอกรัศมีของวิทยุ ในกรณีนี้ เราใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการบินอย่างกึ่งอิสระได้ คือกำหนดจุดบินผ่าน (waypoints) ที่ให้เครื่องบิน บินไปถ่ายรูป
พอดีมีนักวิจัยอิสระชาวฟินแลนด์ชื่อ Jani Hirvinen อยู่ในเมืองไทย Jani เป็นหนึ่งใน core team ของ DIYdrones.com ซึ่ง DIYdrones ก็เป็นเว็บของกลุ่มนักเล่นเครื่องบินบังคับวิทยุสมัครเล่น มีผู้ก่อตั้งชื่อ Chris Anderson หัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสาร Wired ผู้เขียนหนังสือ The Long Tail และ FREE อันมีชื่อเสียง ด้วยความที่เป็นหนึ่งใน core team ของ DIYdrones Jani จึงเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบควบคุมการบินอัตโนมัติของ DIYdrones และจัดจำหน่ายทั่วโลก
วันนี้ ไปเยี่ยม Jani เพื่อไปตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ
ระบบควบคุมนี้ มีหลายส่วนอันประกอบไปด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการบินของเฮลิคอปเตอร์แบบ multi-rotor (quadcopter hexacopter tricopter) สถานีฐาน ระบบ telemetry กล้อง ระบบวางแผนการบิน นอกจากนี้ ระบบต่างๆ ยังสามารถใช้กับเครื่องบินที่ใช้ปีก (fixed wing) รถ เรือ หรือบัลลูนได้อีกด้วย ระบบควบคุมใช้ทั้ง GPS accelerator และ airspeed คำนวณโดยคอมพิวเตอร์บนเครื่อง
คือพูดง่ายๆ ว่ามันเป็นระบบควบคุม UAV อัตโนมัติครับ ดังนั้นการทำงานก็จะเป็น
- ตั้งพิกัดที่จะให้บินกวาดถ่ายรูป
- ปล่อยเครื่องบิน คนบังคับตอนบินขึ้น
- คอมพิวเตอร์นำเครื่องบินไปบินถ่ายรูปตามพิกัดที่กำหนด ตามความสูงที่กำหนด แก้ไขความแปรปรวนของลมโดยอัตโนมัติ รูป/หนังที่ถ่ายเก็บไว้ในหน่วยความจำในบนเครื่องบิน ที่จริงจะให้ส่งภาพลงมาเลยก็ได้ แต่ติดขัดที่ระยะรับส่งของวิทยุ — ผู้บังคับ สามารถ override การควบคุมเครื่องบินเมื่อไหร่ก็ได้ ตราบใดที่สัญญาณวิทยุไปถึง ถ้าสัญญาณวิทยุขาดไป คอมพิวเตอร์จะเข้าควบคุมเครื่องบินทันที ทำให้เครื่องบินไม่ตก
- ถ่ายเสร็จก็บินกลับ คนบังคับเครื่องบินตอนจะเอาเครื่องลง (ไม่เสี่ยงตอน take-off และ landing เพราะข้อจำกัดของภูมิประเทศ)
- ถ่ายโอนรูปมาเข้าโปรแกรมต่อภาพ
ถ้าทำตอนนี้ ค่าอุปกรณ์คงพอๆ กับการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาบินให้ครั้งหนึ่ง แต่ว่าเนื่องจากมันเป็นอุปกรณ์ เราจึงบินถ่ายใหม่ได้หลายๆ ครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
« « Prev : อย่าเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน ตรวจสอบความจริงซะ
2 ความคิดเห็น
น่าสนใจมากค่ะ
[...] [jDrones] [...]