แว๊บไป แว๊บมา สวนป่าอีกแล้ว: ค่าย TT&T รุ่นที่ 3

อ่าน: 4913

มหาชีวาลัยอีสานเป็นเสมือนสำนักตักศิลา ใครอยากได้วิชาก็ต้องดั้นด้นไปเรียนเอง ไม่ใช่แค่ไปเท่านั้นหรอกนะครับ แต่ว่าเรียนเองด้วย ภารกิจครูบาช่วงนี้แน่นอีกแล้ว หากทำได้ก็สมควรไปช่วยแบ่งเบาบ้าง

ผมตั้งใจจะไปช่วยตั้งแต่เมื่อวานซืน แต่ว่าคืนก่อนหน้านั้น ไม่ได้นอน(อีกแล้ว) เมื่อร่างกายไม่พร้อม ก็ไม่เสี่ยงขับรถทางไกลดีกว่า -> จึงเลื่อนการเดินทางออกไปวันหนึ่ง ขับรถไปสวนป่าเมื่อวานนี้

ออกจากบ้านเจ็ดโมงเช้า ไปถึงสวนป่าบ่ายสองโมงครึ่ง ตั้งแต่ไปมาสวนป่าเกือบยี่สิบครั้งในสองปีที่ผ่านมา ไม่เคยใช้เวลานานขนาดนี้เลยครับ ระยะทาง 420 กม. แรกๆ ก็ใช้เวลา 5 ชั่วโมง ช่วงหลังๆ นี้เหลือ 4 ชั่วโมงเท่านั้นเอง เที่ยวนี้ใช้เวลา 7 ชั่วโมงครึ่ง… แต่ว่าเป็นเพราะแวะเที่ยวครับ แถมเที่ยวสองที่เสียด้วยซิ รถกินน้ำมันน้อยลงครึ่งลิตร/100 กม. ระยะทางจากบ้านไปสวนป่า ก็ประหยัดไปจากเดิมหกสิบกว่าบาท

ที่แรกอยู่แถวมวกเหล็ก เคยไปดูที่ตรงนี้ไว้กับป้าจุ๋มครับ คิดว่าที่สวย มีโฉนดด้วย แต่เจ้าของบอกขายในราคาที่จะให้เปิดเป็นรีสอร์ต เลยไม่ตกลงเพราะอยากจะได้ที่ที่มีความมั่นคงด้านน้ำ อาหาร และพลังงานมากกว่า ซึ่งด้วยราคาที่เจ้าของที่บอกมาแพงเกินไป จึงขาดการติดต่อไป… เดือนที่แล้ว ป้าจุ๋มผ่านไปแถวนั้นอีกเลยแวะดูอีกที อ้าว ที่ยังขายไม่ได้เลย จะขายได้ยังไง ในเมื่อแถวนั้นเต็มไปด้วยรีสอร์ตอยู่แล้ว แต่ว่าจากที่โล่งๆ ที่ให้คนมาเลี้ยงวัวได้ กลับกลายเป็นป่ารกในชั่วปีเดียว คนเลี้ยงวัวหายไปแล้ว พร้อมทั้งป้ายบอกขายด้วยซิ เบอร์ที่เคยติดต่อก็หาไม่เจอ ผมผ่านไปทางนั้น ก็เลยแวะเข้าไปดู เจอป้ายบอกขายครับ (ผมทำให้ชื่อสถานที่ที่อยู่ใกล้ๆ เบลอไปให้อ่านไม่ออก) ซึ่งป้ายบอกขายพร้อมเบอร์ติดต่อ ก็อยู่ข้างรถผมนั่นแหละครับ

ที่ดินหน้าติดทางหลวงชนบท (เลข 4 หลัก)

ปลายหนึ่งเป็นจุดที่ผมจอดรถ อีกปลายหนึ่งคือสะพาน ซึ่งก็หมายความว่ามีน้ำตลอดความยาวของที่ ลำธารนี้เป็นต้นน้ำของน้ำตกสองอัน หน้าแล้งมีน้ำไหลตลอด

ที่ดินสูงกว่าระดับน้ำสัก 2 เมตรคงจะได้ สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร มี “น้ำตก” เล็กๆ ซึ่งเข้าใจว่าเจ้าของที่อีกฝั่งหนึ่งของลำธารสร้างฝายน้ำล้นขึ้นเอง ในภาพที่ถ่ายบนสะพาน เห็นอยู่ไกลๆ

SMS ไปบอกเบอร์ติดต่อกับป้าจุ๋ม แล้วก็ออกเดินทางต่อ ขับมาถึงเขื่อนลำตะคอง ได้ยินมาว่าน้ำแห้ง มองดูจากถนน ระดับน้ำก็ลดลงเยอะเมื่อเทียบกับที่เคยเห็น แต่ผมเกิดอยากดูว่าอาณาเขตของน้ำไปไกลแค่ไหน ตอนแรกจะแวะหัวเขื่อนหรือไม่ก็จอดที่ที่พักริมทาง แต่ดันขับรถเพลินเลยไป ก็ไม่อยากย้อนกลับไปอีก ขับต่อมาอีกนิด เห็นป้ายโรงไฟฟ้ากังหันลม เลยตัดสินใจเลี้ยวขึ้นเขายายเที่ยงไปดูกังหันลม แล้วก็ได้ดูอ่างเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าแบบสูบกลับของ กฟผ. ด้วย

พอขึ้นไปยอดเขา เห็นอ่างเก็บน้ำแบบสูบกลับ (สูบจากเขื่อนลำตะคองขึ้นมาเก็บไว้ข้างบนในเวลากลางวัน ใช้ไฟฟ้าซึ่งมีกำลังผลิตเพียงพอ แล้วปล่อยน้ำลงไปข้างล่างเพื่อปั่นไฟฟ้าในเวลาหัวค่ำ ซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง) ความคิดแรกคือ เฮ้ย ทำไมอ่างเก็บน้ำอันนี้มันเล็กอย่างนี้ แต่นี่ถ้าไม่ขับรถขึ้นมา ก็ไม่ได้เห็นนะครับ

เห็นกังหันลม เห็นอ่างเก็บน้ำ ก็ตื่นเต้นแล้ว พอดีเหลือบไปไกลๆ เห็นพระพุทธรูปตั้งอยู่ ก็เลยเดินไปกราบ กลายเป็นโชคดีที่ได้เห็นอาณาเขตของเขื่อนลำตะคอง ที่ว่าน้ำน้อยนั้น น้อยจริงๆ

อาการเก่ากำเริบ ตั้งแต่เส้นโลหิตในสมองตีบเมื่อหลายปีก่อน กลายเป็นคนกลัวความสูงขนาดที่ว่านั่งเครื่องบิน ก็ไม่ยอมนั่งติดหน้าต่างครับ คราวนี้เดินไปไหว้พระ ก็ต้องเดินไปบนสันเขื่อน บนถนนกว้างสองเลน แต่ก็ยังกลัว ยิ่งตอนไปไหว้พระ เหมือนต้องขึ้นไปบนเฉลียงที่ยื่นออกไปในอากาศ (ที่จริงไม่ใช่ แต่มันรู้สึกว่าอย่างนั้น) ยิ่งรู้สึกสยองใหญ่เลย ความกลัวนั้นเป็นความคิดของเราเอง แล้วก็ผ่านมาได้ครับ ไม่ตายเสียหน่อย

ภาพข้างบน 5 ภาพนี้ ภาพที่สองจะเห็นหัวสูบน้ำ ลอยอยู่เป็นเกาะเล็กๆ สองเกาะ อยู่ในเขตน้ำใกล้ฝั่งด้านใกล้กล้อง คิดว่านี่เป็นสัญญาณว่าระดับน้ำต่ำมาก จนหัวสูบน้ำขึ้นมาอ่างบนเขา ทำงานไม่ได้แล้วครับ เพราะระดับน้ำ ต่ำกว่าหัวสูบ — อันนี้ใครเห็นก็เห็นนะ ถึงไปดูให้เห็นกับตา ก็คงมีคนมองผ่านไปโดยไม่รู้สึกอะไร

ถ่ายวิดีโอคลิปมาสั้นๆ มีสองช่วง ช่วงแรกเป็นกันหันลมแนวนอนขนาดใหญ่ คงปั่นไฟฟ้าได้หลายเมกะวัตต์ จะได้ยินเสียงใบพัดแหวกอากาศ; ครึ่งหลังเป็นการเปรียบเทียบกังหันลมแกนตั้ง (ซ้าย) และกังหันลมแกนนอน (ขวา) แกนนอนมีประสิทธิภาพการดักโมเมนตัมของลมมากกว่าแกนตั้งเสมอ เนื่องจากไม่มีการหมุนของใบพัดส่วนใดต้านลม

ลงมาจากเขายายเที่ยง ขับไปโคราช จะแวะเยี่ยมอาจารย์หลินฮุ่ยกับอาจารย์แพนด้า ก็เกรงจะไม่ทัน session บ่ายของ TT&T ยังเหลือระยะทางอีกสองร้อยกิโล ถ้าผมไปรับช่วงบ่ายกับค่ำ ครูบาก็จะได้พัก ก็เลยติดไว้ในใจก่อนครับ ส่วนพี่ทวิชที่บอกมาว่าอยากคุยด้วย คงต้องหาโอกาสไปคุยภายหลัง รู้จักกันมายี่สิบปีแล้ว ผ่าน soc.culture.thai ตั้งแต่ท่านยังอยู่นาซ่า ได้เคยเจอกันสองสามครั้งครับ

ไปถึงสวนป่าบ่ายสองโมงครึ่ง ใช้เวลาขับรถไปเจ็ดชั่วโมงครึ่ง ปรากฏว่า TT&T ทำ Mindmap ภายในกันเองอยู่ ผมก็เลยได้ไปพัก ไม่ได้นอนหรอกครับ พยายามจะเขียนบล็อก แต่มันเขียนยาก รูปเยอะแยะ ก็เลยเลิก

ผมมารับไม้ต่อ session หัวค่ำ พูดเรื่องพลวัตในองค์กร แต่ซ่อนประเด็นไว้ในเรื่องเล่า ใครได้ก็ได้ ใครไม่ได้ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง

สำหรับ TT&T รุ่นนี้ มาจากภาคเหนือและภาคใต้เหมือนกับรุ่น 1 เดิมทีตั้งใจจะให้ทำแบบฝึกหัดที่ไม่ซ้ำกัน คือถ้าผมไปตั้งแต่วันแรกนะครับ ให้ปั้นพระจะเหมาะมากเลย แล้วมาดูผลกันก่อนกลับ ทีนี้ในเมื่อผมไม่ออกเดินทางไปในวันแรก เวลาแค่คืนเดียว จะไม่เห็นว่าผลเป็นอย่างไร ผมก็เลยไม่ซื้อดินเหนียวไป ประกอบกับการคิดไปเองว่ามีคนมาจากภาคใต้ตั้งครึ่งหนึ่ง อาจจะมีมุสลิมมาด้วย ถ้าให้ปั้นรูปเคารพจะไม่เหมาะอย่างยิ่ง (ซึ่งคิดผิด ฮาๆๆๆ ไม่มีเลยสักคน)

session เช้าวันนี้ ผมมีธุระในขากลับ มีเวลาไม่มาก จึงเล่น MarshmallowChallenge.com อีก คราวนี้เป็นประเด็นเกี่ยวกับทรัพยากรกับงาน สิบโมงต้องเลิกคุยแล้ว เผื่อเวลาไว้อีกชั่วโมงหนึ่งเพื่อแจกลายเซ็นหนังสือ จปผ เหมือนเที่ยวที่แล้ว เที่ยวนี้มีเข้าแถวขอเซ็นด้วยครับ แถวยาวจากหน้าโต๊ะครูบาหงิกงอไปยันประตูครัว ไม่รู้เซ็นไปกี่เล่มเหมือนกันครับ อาจจะสี่สิบห้าสิบเล่มมั๊ง ไม่รู้ซื้อทุกคนหรือเปล่า แต่เซ็นไปไม่ต่ำกว่าคนละสองเล่ม

พอดีอีแร้งแก่ทำเรื่องอีก ก็เลยพาครูบามากรุงเทพด้วย เผอิญอีกนั่นแหละ เครื่องกรุงเทพ-เชียงใหม่ออกเกือบทุ่ม มีเวลาน้านนาน ก็เลยชวนครูบาไปเที่ยววังน้ำเขียวด้วยกัน จากปักธงชัยมา พออ้อมเขาเข้าเขตวังน้ำเขียว อุณหภูมิลดสององศา พอมาถึงทางเลี้ยวไปทางเขาแผงม้าลดอีกสององศาแต่ว่าตอนนั้นฝนตก เลยซวยเลย อดลงไปเดินถ่ายรูป แต่วังน้ำเขียวก็เจริญขึ้นมาก น่าจะดีต่อเศรษฐกิจโคราชและชาวบ้าน ก็เป็นที่รู้กันว่าที่ดินแถวนั้นไม่มีหนังสือสิทธิ์ ทางจังหวัดจะทำอะไรก็คงลำบากเหมือนกัน เพราะถ้าทำจะกระทบคนในวงกว้างมาก ไม่เฉพาะแต่นายทุน แต่ชาวบ้านคงดือดร้อนหนักเลย

ผมไม่คิดจะซื้อที่แถวนี้หรอกนะครับ ไม่มีกรรมสิทธิ์เลยไม่รู้จะซื้ออะไร แต่มีคนขอไอเดีย ก็ต้องไปดูเสียหน่อย เพราะการให้ความเห็นโดยไม่เข้าใจไม่รู้เรื่องนั้น ไม่ต่างกับการมั่วเลย เส้นทางวังน้ำเขียว-วังหมี-หมูสี-มวกเหล็กในช่วงบ่าย มุ่งตะวันตก แสงและเงาสวยมากครับ ครูบากดไปหลายรูป (มีถอยไปถ่ายรูปด้วย) แต่ผมขับรถจึงอด

ออกจากสวนป่าสิบเอ็ดโมง มาส่งครูบาที่ดอนเมืองห้าโมงครึ่ง แล้วกลับถึงบ้านหกโมงครึ่ง ขากลับใช้เวลาเจ็ดชั่วโมงครึ่ง เท่ากับขาไปพอดี

« « Prev : คุณเป็นมนุษย์มือสอง

Next : เหลืออีกเท่าไร » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 August 2010 เวลา 0:16

    แว๊บมาอ่าน แล้วก็ขอแว๊บไปนอนคร๊าบ….อิอิ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 August 2010 เวลา 0:24
    ตอนลงมาจากเขายายเที่ยง เกือบโทรไปเรียนล่วงหน้าว่าจะแวะไปที่บ้านอาจารย์แล้วล่ะครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าอาจารย์สะดวกหรือเปล่า พอดีเห็นเวลาในโทรศัพท์ เลยสงสัยว่าจะไปสวนป่าไม่ทันช่วงบ่ายแน่เลย เที่ยวนี้ก็เลยต้องขอผ่านไปก่อนนะครับ

    ผมจะหาเวลาไปโคราชอีกรอบหนึ่ง เพราะจะไป มทส.ด้วยครับ

  • #3 ออต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 August 2010 เวลา 11:23

    ตั้งใจว่าจะไปช่วยงาน แต่ยังหาคนทำงานที่ขอนแก่นไม่ได้
    ขอผลัดวันประกันพรุ่งนะครับ

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 August 2010 เวลา 11:36
    ไม่เป็นไรครับออต แต่ครูบาเหนื่อยนะ

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.42475700378418 sec
Sidebar: 0.42462205886841 sec