ชีวิตนี้น้อยนัก
อ่าน: 3540ชีวิตนี้น้อยนัก — บทพระนิพนธ์ ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
มนุษย์เราอยู่ร่วมกันต้องให้อภัยกัน อย่าถือสีถือสากันอย่างง่ายดาย ไม่ดีไม่ถูก นี่พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ความเสียสละเพื่อชาติของเรานี่ยิ่งเป็นของสำคัญ การให้ทานเพื่อชาตินี้มีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ทีเดียว เรียกว่ามหาทาน เราให้ทานคนนั้นคนนี้ ให้ทานมามากมาน้อยเพียงไรก็ตาม เรียกว่าเป็นทานธรรมดา ๆ แต่ทานนี้เราทานเพื่อชาติจึงกลายเป็นมหาทาน มีมากมีน้อยอานิสงส์มากที่สุด
เราเกิดมาเรายังไม่เคยทำมหาทานต่อชาติของเรา คราวนี้เป็นคราวสำคัญของเราแล้ว ให้ทำให้เป็นมหาทาน มหากุศลนะ เราอย่าเสียดายในสิ่งที่ให้ไปเพื่อเป็นกุศล ให้เราเสียดายที่ความตระหนี่ถี่เหนียวมันเก็บไว้นั้นนะ เสียดายให้เอาออกมาทาน เราอย่าเสียดายในสิ่งที่เราเสียสละแล้วจะเป็นสิริมงคลแก่เราทั้งชาตินี้และ ชาติหน้า
มหาทานมหากุศล
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๑
[ ตัดตอนจากความตอนท้ายสุด ในบทพระนิพนธ์ ชีวิตนี้น้อยนัก ]
ชีวิตนี้แม้น้อยนัก แต่ก็เป็นความสำคัญนัก สำคัญยิ่งกว่าชีวิตในอดีตและชีวิตในอนาคต ที่ว่าชีวิตนี้คือชีวิตในชาติปัจจุบันนี้สำคัญ ก็เพราะในชีวิตนี้เราสามารถหนีกรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตได้ และสามารถเตรียมสร้างชีวิตในอนาคตให้ดีเลิศเพียงใดก็ได้ หรือตกต่ำเพียงใดก็ได้ ชีวิตในอดีตล่วงเลยไปแล้ว ทำอะไรอีกไม่ได้ต่อไปแล้ว ชีวิตในอนาคตก็ยังไม่ถึง ยังทำอะไรไม่ได้ เช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าชีวิตนี้สำคัญนัก พึงใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์ ให้สมกับความสำคัญของชีวิตนี้
ชีวิตนี้น้อยนัก แต่มีความสำคัญนักด้วยเหมือนกัน ถ้าชีวิตนี้ไม่วิ่งหนีกรรมไม่ดีในอดีต ชีวิตนี้ก็จะรับผลกรรมไม่ดี ถ้าวิ่งหนีก็จะพ้นได้ กรรมไม่ดีจะตามทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับชีวิตนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้ากรรมตามทันในชีวิตนี้ ก็จะตามต่อไปได้อีกในชีวิตอนาคต กรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตมากมาย อาจจะตามไม่ทันตลอดไปก็ได้ ถ้าทำชาตินี้ให้ดีที่สุด
ดูภาพผู้คนในบางประเทศที่อดอยากแสนสาหัส หน้าตาแทบจะไม่เป็นคน เหมือนโครงกระดูกเดินได้ เด็กเล็กๆ น่าสงสาร ไม่มีเนื้อ มีแต่หนังหุ้มกระดูก ผู้ใดเห็นผู้นั้นก็สลดใจอย่างยิ่ง สงสารอย่างยิ่ง เมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนั้น ก็พึงนึกถึงเอง ใครเล่าจะรับรองได้ ว่าเมื่อตายไปจากภพชาตินี้แล้ว เราจะไม่ไปเกิดในประเทศเช่นนั้น จะไม่ไปอีกสภาพโครงกระดูกเดินได้ด้วยความอดอยากยากแค้นเช่นนั้น
ใครเล่าจะรับรองได้ว่าอดีตชาติเราไม่ได้เป็นคนคับแคบ ไม่เคยทำบุญให้ข้าวปลาอาหารแก่ใครเลย มารดาบิดาผู้แก่ชราก็หาได้สนใจให้ข้าวให้น้ำให้มีความสุขอิ่มหนำสำราญไม่ ยิ่งเป็นสัตว์หมาแมวด้วยแล้ว ไม่เคยเมตตาปราณีให้ข้าวสักเม็ดให้น้ำสักหยด เมื่อไม่รู้ตัวว่าเคยเป็นเช่นนี้มาก่อนในอดีตชาติ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าในอนาคตจะต้องไปมีสภาพอดอยากจนเป็นโครงกระดูกเดินได้หรือ ไม่ ความเป็นไปได้มีอยู่สำหรับทุกคน เพราะทุกคนได้ทำกรรมไว้เป็นอันมากต่างๆ กัน อันอาจจะเป็นสาเหตุให้ต้องอดอยากยากแค้นแสนสาหัสตั้งแต่เริ่มลืมตาเห็นโลก ไปเกิดในประเทศที่เรียกกันว่าเป็นนรกในโลก
อย่าประมาทอย่ามั่นใจว่าอนาคตสำหรับเรา จะไม่เป็นเช่นนั้น กรรมเช่นนั้นอาจจะวิ่งไล่เรามา โดยที่เราไม่รู้ไม่เห็น แม้ไม่ประมาทต้องวิ่งหนีให้สุดกำลังความสามารถ ชีวิตนี้เท่านั้นที่เราจะพบทางนี้ได้ และชีวิตนี้ก็น้อยนัก มัวผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ พ้นจากชาตินี้ไปแล้ว จะไม่มีโอกาสดีให้วิ่งหนีกรรมได้อีกเลย
เมื่อชีวิตนี้น้อยนัก ผู้มีปัญญาสัมมาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง ผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง พวกผู้มีปัญญาคือความเห็นชอบก็จะคิดได้ว่าชีวิตนี้สั้นนัก อีกไม่เท่าไหร่ก็จะต้องตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ เอาไปได้ก็แต่บุญบาป หรือความดีความชั่วเท่านั้น พวกผู้มีปัญญาคิดเช่นนี้ จึงเร่งทำความดี ส่วนพวกผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิดก็จะคิดว่าชีวิตนี้สั้น อีกไม่เท่าไหร่ก็จะต้องตาย มีวิธีใดจะให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง ก็ต้องรีบหา ไม่มัวคำนึงว่าจะผิดหรือถูก ถูกผิดก็ช่าง ให้ได้ก็พอใจ พวกผู้เบาปัญญาคิดเช่นนี้ จึงทำบาปทำความไม่ดีได้เสมอ ชีวิตนี้สำหรับบุคคลสองประเภทดังกล่าวมีคุณมีโทษแก่สองฝ่ายแตกต่างกัน เป็นไปตามทิฐิคือความเห็นดังกล่าว
อย่าเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิที่โฉดเขลาเบาปัญญาเลย เพราะจะทำชีวิตนี้ให้สูญเปล่า ไม่อาจหนีพ้นมือที่น่าสะพรึงกลัวแห่งกรรมไม่ดี ไม่อาจได้เข้าไปอยู่ในความโอบอุ้มทะนุถนอมของมือที่อบอุ่นแห่งบุญคือกรรมดี โอกาสอันดีที่มีอยู่น้อยนักเพียงชั่วชีวิตอันน้อยนักนี้ก็จะผ่านไปอย่างไม่ อาจเรียกกลับคืนได้ กรรมไม่ดีที่ทำไว้แน่ก็จะแห่ห้อมเข้าประชิด แล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในชีวิตนี้ ชีวิตของผู้ไม่รู้จักวิ่งหนีกรรม
มาเป็นผู้มีปัญญามีสัมมาทิฐิเถิด ชีวิตอันน้อยนี้จะได้ไม่สูญเปล่า จะได้สามารถใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ได้ คือหนีไกลจากกรรมไม่ดีได้ กรรมไม่ดีที่กำลังติดตามเราทุกคนอยู่นั้นมีมากมายนัก ทั้งที่หนักและที่เบา ทั้งที่จะทรมานชีวิตเราไม่หนักนักหนา ทั้งที่จะทรมานเราจนแทบว่าจะรับไม่ไหว ทั้งที่เราอาจจะรับไม่ไหวจริงๆ ด้วย
คิดดี พูดดี ทำดี เพียงทำสามประการนี้ให้สม่ำเสมอตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน ก็จะสามารถหนีมือแห่งกรรมไม่ดีได้ มือแห่งกรรมไม่ดีจะไม่สามารถตะครุบไว้ในอำนาจได้ บาปกรรมใดๆ แม้ได้กระทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติ จะไม่อาจตามสนองได้ง่ายๆ ในภพชาตินี้ อย่างมากก็จะเพียงไล่ตามตะครุบอยู่อย่างหมายมั่นจะทำให้ได้สำเร็จเท่านั้น ถ้าคิดดี พูดดี ทำดี เสมอ
- ชราสูตร พระไตรปิฎก
- บทพระนิพนธ์ ชีวิตนี้น้อยนัก ฉบับเต็ม
- ชีวิตนี้น้อยนัก, ปราณีต ก้องสมุทร
« « Prev : ไม่ก้าวหน้า เพราะไม่กล้าคิด
Next : ความดีกับคุณธรรมในสายตาเยาวชน » »
4 ความคิดเห็น
ชีวิตนี้น้อยนักจริงๆค่ะ
สัมมาทิฏฐิเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตสงบสุขจริงๆ อย่างน้อยถ้าเห็นชอบก่อน..สิ่งดีอื่นๆ ก็คงจะตามมาภายหลัง
สวัสดีคะ
วันนี้ตื่นแต่เช้าไปทำบุญมา เข้ามาอ่านแล้วสบายใจจังเลยค่ะ วันก่อนดูรายการหนึ่ง เขาบอกว่า คนเราเกิดมามีกรรมติดตัว ใช้ชีวิตเพื่อพัฒนากรรมที่มี คุณจะอยู่อย่างต้องชดใช้กรรม หรืออยู่เหนือกรรม
ขอบคุณมากนะคะ
เพราะชีวิตนี้น้อยนัก เวลาในชีวิตนี้น้อยนัก จะทำอะไรก็รีบทำซะครับ อย่างมาเสียเวลากลุ้มใจกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเลย
ใครจะว่าอย่างไร ถ้าเราเป็น เค้าก็ว่าของเค้าถูกแล้ว แต่ถ้าเราไม่เป็น เราก็ไม่เป็น ถึงใครจะชื่นชมหรือก่นด่า ถ้าเราไม่เป็น เราก็ไม่เป็น เท่านั้นเองครับ
การสร้างภาพลักษณ์จึงไม่มีประโยชน์ต่อตัวเรา เพราะแต่ละคนตัวเล็กเกินไปสำหรับสังคมครับ สร้างไปก็ได้ความรู้สึกประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ยั่งยืน แต่สร้างบ่อยๆ กลับเสพติด — การสร้างภาพ แม้ว่าบางทีอาจมีประโยชน์ต่อ “ธุรกิจ” ขององค์กร แต่ว่าองค์กรก็ไม่ใช่ตัวเรา หากองค์กรเป็นตัวเรา/เหมือนเรา องค์กรนั้นมีตัวเราคนเดียว ที่จริงองค์กรนั้นไม่มีคำว่า “เรา” ด้วยซ้ำไป อย่าเสียเวลาเลยครับ
เพราะชีวิตนี้น้อยนัก เวลาในชีวิตนี้น้อยนัก จะทำอะไรก็รีบทำ อย่างมาเสียเวลากลุ้มใจกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเลย
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ