ไม่ก้าวหน้า เพราะไม่กล้าคิด

โดย Logos เมื่อ 26 July 2008 เวลา 16:26 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3740

Dr. Mansour Javidan  ได้ตีพิมพ์บทความ “Forward-Thinking Cultures” ใน Harvard Business Review ฉบับเดือน July/August 2007 ได้ยกเอาการศึกษาของ World Economic Forum โดยใช้ตัวเลขระหว่างปี 1998-2005 ของรายได้ประชาชาติต่อหัวประชากร ระดับของนวัตกรรม ความสุข และความเชื่อมั่นต่อสังคมและเศรษฐกิจ เป็นแกนตั้ง เรียกว่าแกน competitiveness — ส่วนแกนนอนเป็นผลจากการสำรวจผู้บริหารระดับกลางหมื่นเจ็ดพันตัวอย่างใน 61 ประเทศ แล้วจับมาพล๊อต ได้เป็นตารางนี้ครับ


Source: Mansour Javidan, “Forward-Thinking Cultures,”
Harvard Business Review (July/August 2007)

ประเด็นที่ผมสนใจ คือทำไมเมืองไทยจึงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่มองไปข้างหน้า เรื่องของแผนงาน/ทิศทาง เป็นเรื่องที่มีไว้ประดับหน่วยงาน ทรัพยากรทั้งหลายต่างทุ่มเทไปแก้ไขปัญหาของอดีต เนื่องจากมีการเรียกร้องมากในปัจจุบัน แต่การแก้ไขนั้น กลับไม่กล้าแตะที่ต้นเหตุ จึงไม่เคยแก้ไขอะไรได้สำเร็จ เพราะมัวแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่นั่นแหละ แผนงานสำหรับอนาคตจึงถูกละเลยไป และไม่ใช่ “ผลงาน” ที่วัดได้

« « Prev : จิตใจระเบิดขวด

Next : ชีวิตนี้น้อยนัก » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 July 2008 เวลา 6:57

    คิดว่าน่าจะเป็นเพราะส่วนใหญ่ผู้บริหารไม่ใช่ผู้บริหารอาชีพค่ะ หลายคนได้เป็นผู้บริหารเพียงเพราะอยากเป็น แต่ไม่ได้คิดอยากจะพัฒนาองค์กรมากนัก มองไม่เห็นความสำคัญของแผนไปในอนาคต ถ้ามองในรูปของรัฐบาลก็ยิ่งชัดใหญ่ คนที่ดูแลรับผิดชอบเปลี่ยนบ่อย ไม่ได้มีการให้ความสำคัญกับ forward thinking แต่กลายเป็นแก้ปัญหาปัจจุบันแค่นั้นจริงๆ…ผู้บริหารมองไม่เห็นว่าทุกวันนี้ทำแต่ failure management อยู่ค่ะ ตัวเองเห็นทั้งในระดับรัฐบาล อุตสาหกรรมก่อสร้าง และแวดวงการศึกษาค่ะ
    บางทีสร้างพันธกิจไว้อย่างหนึ่ง (สร้างเพราะมันดูดี) แต่ถึงเวลาลงรายละเอียดทำงานกันจริงๆ กลับไม่เคยเอางานในระดับปฏิบัติการมาดูเลยว่า สอดคล้องกับพันธกิจหรือวิสัยทัศน์ที่สร้างไว้หรือไม่..
    ลปรร ค่ะ ^ ^

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 July 2008 เวลา 19:11
    น่าคิดนะครับอาจารย์… แล้วทำไมจึงควรจะ(ทน)ทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่สนุก ไม่ถนัด แถมทำได้ไม่ดีด้วย
  • #3 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 July 2008 เวลา 21:01

    ถ้าถามว่าทุกวันนี้ทุกวันนี้ทนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าไม่ค่ะ เพราะที่ไม่ชอบทำ และทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ เช่น งานบริหาร ก็ได้เลิกทำแล้วค่ะ ^ ^ งานที่เหลือคืองานสอน เป็นงานที่ดี เป็นงานสร้าง ทำแล้วยังพอเกิดประโยชน์อยู่ ก็ทำไปก่อนเพื่อหาเงินดูแลพ่อแม่..เมื่อทำภารกิจนี้สมบูรณ์แล้ว ก็ถึงคิวตัวเองไปปลูกผักกินอยู่บ้านนอกแน่ๆ ค่ะ ^ ^


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.081522941589355 sec
Sidebar: 0.20716404914856 sec