การจราจรหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร
อ่าน: 3650คงพอรู้กันบ้าง มูลนิธิโอเพ่นแคร์เปิดบัญชีรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ที่มูลนิธิเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการรักษาและเบิกจ่ายเงินบริจาค ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประสบภัยจริงๆ — ผมไม่อยากพูดมากหรอกครับ แต่มีบางกรณีที่เงินบริจาครั่วไหลไปโดยไม่มีใครตรวจสอบ — ความเคลื่อนไหวของบัญชีนั้น ใช้วิธีถ่ายรูปสมุดคู่ฝากของธนาคาร ซึ่งธนาคารเป็นผู้พิมพ์ วิธีนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวของเงินบริจาคทั้งขาเข้าและขาออก และใช้ใบโอนเงินของธนาคารเป็นหลักฐานการจ่ายเงิน
ในส่วนของเงินออก ก็สั่งจ่ายแก่ผู้ประสบภัยโดยตรง ทีนี้ในพื้นที่ประสบภัย เป็นเรื่องลำบากเหมือนกันว่าจะให้ผู้ประสบภัยไปเบิกเงินจากธนาคาร ดังนั้นมีหลายกรณีที่มูลนิธิบริจาคเงินต่อให้กับอาสาสมัคร ที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างตรงไปตรงมา มีใบเสร็จมาแสดงว่าใช้เงินไปอย่างไร (แต่ใบเสร็จเหล่านี้ ไม่ใช่ส่วนของมูลนิธิแล้ว เนื่องจากได้บริจาคเงินต่อไปผ่านธนาคารไปก่อนแล้ว และใช้ใบนำฝากเป็นหลักฐานทางบัญชี) อย่างไรก็ตาม มูลนิธิตรวจสอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ว่าไม่มีรายการที่ผิดปกติพิกลพิการ เพื่อที่ว่าผู้บริจาคจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งต่อเงินบริจาคไปแล้วตามวัตถุประสงค์ของการบริจาค
บัญชีรับบริจาคนั้น ใช้บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลพลาซาแจ้งวัฒนะ เลขที่ 402-177853-3 แต่การสั่งจ่ายนั้น แล้วแต่ว่าผู้รับใช้บัญชีของธนาคารอะไร อันนี้ทำให้ผมต้องถอนจากไทยพาณิชย์ไปฝากยังธนาคารอื่น ซึ่งก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน และเปิดถึงค่ำทุกวัน ไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ และมีโอกาสได้เปรียบเทียบบริการหน้าเคาน์เตอร์ของธนาคารต่างๆ ทั้งนี้ผมไม่สามารถใช้ตู้เบิกถอนอัตโนมัติ หรือใช้ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ได้ ต้องทำรายการหน้าเคาน์เตอร์เท่านั้น เนื่องจากบัญชีของมูลนิธิเป็นบัญชีนิติบุคคล และไม่สามารถทำการฝากผ่านตู้รับฝากอัตโนมัติได้ เนื่องจากต้องการใบนำฝากตัวจริงมาเป็นหลักฐานทางบัญชี
สำหรับธนาคารที่มีโอกาสใช้บ่อยสามอันดับแรก อันประกอบไปด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์นั้น มีลูกค้ามากทั้งสามธนาคาร แต่หากเทียบเรื่องความเร็วแล้ว คิวของธนาคารไทยพาณิชย์เร็วที่สุด มีการจัด “ทางด่วน” สำหรับลูกค้าที่ทำการฝากรายการเดียวและมีธนบัตรไม่เกิน 20 ใบ ลูกค้าลักษณะนี้มีมาก บางทีเป็นการฝาก บางทีเป็นการชำระค่าสาธารณูปโภค จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่คิวหน้าเคาน์เตอร์เดินเร็วที่สุดครับ เร็วซะจนไม่ต้องมีบัตรคิว!
รองลงมาเป็นธนาคารกรุงเทพ ซึ่งคิวยาวเหมือนกันเพราะมีจำนวนบัญชีเงินฝากมากที่สุดในประเทศ ธนาคารกรุงเทพจัดคิวโดยแปะป้ายเอาไว้ว่า ให้กดบัตรคิวเมื่อกรอกฟอร์มเรียบร้อยแล้ว คือถ้าไปกดบัตรคิวก่อนกรอกฟอร์ม เมื่อถึงคิวอาจจะยังกรอกไม่เสร็จ ทำให้ต้องข้ามไป และไปกดบัตรคิวใหม่ ช้าหนักเข้าไปอีก เสียงประกาศเรียกคิวก็ยานคางเหลือเกิน แต่ว่าฟังชัดเจนดีครับ
ส่วนกสิกรไทยนั้น ผมว่ามีปัญหามากครับ มีบัตรคิว พยายามจะเป็นกันเองแต่ยังไม่เข้าใจว่า teller ทำงานช้ามาก ถ้าผมไปโอนเงินที่กสิกรแล้วใช้เวลาเร็วกว่าครึ่งชั่วโมง ต้องถือว่าโชคดีมากแล้ว ธนาคารที่นั่งจัดไว้มากมาย แต่ว่าเต็มครับ เสียงที่ประกาศเรียก ช้าแต่ชัดเจน แต่ว่ามีคนทิ้งคิวเยอะเหมือนกัน เรื่องนี้น่าสนใจ ถ้าคิวยาวมาก (บางทีสามสิบคิว) แล้วทำไมลูกค้าถึงทิ้งคิวไป เคยบอกผู้จัดการหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งก็ได้รับคำตอบมาเป็น “เหตุผล” แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น บางทีอาจจะถึงเวลาทำ Re-engineering อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยทำประสบความสำเร็จไปเมื่อ 16 ปีก่อน
ผมดูไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมลูกค้าแต่ละคนถึงใช้เวลาหน้าเคาน์เตอร์นานนัก บางคนห้านาที เฉลี่ยแล้วคงสักสามนาที เคาน์เตอร์มีสามเคาน์เตอร์แต่มี teller สองคนเท่านั้น (แต่เจ้าหน้าหน้าที่อื่นสี่ห้าคนทำอะไรก็ไม่รู้) — 3 นาทีกับ teller 2 คน ถ้าคิวยาว 20 คิว ต้องใช้เวลารอคิวครึ่งชั่วโมงนะครับ จะเป็นโปรแกรม หรือเครื่องนับธนบัตรไม่พอ หรือแบบฟอร์มไม่ชัดเจนก็ไม่รู้เหมือนกัน — ถ้าลดจากสามนาทีต่อรายเหลือครึ่งนาทีได้ หรือย้ายคนที่ทำหลายรายการออกไปเป็นคิวพิเศษได้ จะน่ารักมากเลย
สำหรับอีกสองธนาคารคือธนาคารกรุงไทยกับธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้น ไม่มีลูกค้ามากเท่าสามธนาคารแรกครับ แต่กรุงไทยมีประเด็นนิดหน่อย เนื่องจากผมต้องโอนเงินไปต่างจังหวัด ซึ่งมีค่าโอน ผมมักไปถามก่อนว่าเลขบัญชีนี้อยู่ต่างจังหวัดหรือไม่ และมีค่าโอนเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกค่าโอนมาไม่ถูกต้องครับ อันนี้ทำให้ผมต้องกลับไปเบิกหรือฝากคืนค่าโอน เนื่องจากธนาคารให้ข้อมูลไม่ถูกต้องนี่ล่ะ
อันนี้เรียกว่าบ่น ก็ใช่ครับ ผมเพียงแต่ต้องการบริการที่ดีขึ้น ถึงไม่ดีขึ้นก็ยังคงจะใช้ต่อไป เพียงแต่คงไม่รู้สึกดีเท่าไหร่หรอกครับ อิอิ
« « Prev : เครื่องมือรายงานสถานการณ์
8 ความคิดเห็น
ธรรมดาของวัฒนธรรมไทย ครับ ผมบ่น จนเลิกแล้ว ยอมรับ “มหกรรม” ทีเกิดเป็นคนไทยโดยดุณฎี คือ optimization ที่เห็นแก่ตัว คนไทยส่วนใหญ่เขา “ทนได้” มีเพียงเราเท่านั้นที่ “นอกคอก”
ไม่ใช่แต่ธนาคาร แต่การเช็คเอาท์ทุกแห่งเป็นเช่นนี้หมด แม้แต่ กาแฟ ที่ปีหนึ่งจะกินสักแก้ว ก็รอแสนนาน เติมน้ำมันก็ต้องรอมัน เอามือกุมด้ามจับรถคันอื่นอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมกดล็อคอัตโนมัติทิ้งไว้ แล้ววิ่งมาเต็มให้เรา …เข้าปั๊ม ผมเติมเองประมาณ 30% เพราะทนรอมันไม่ไหว จากนั้นเดินเอาเงินไปจ่ายให้มันเสร็จ
ผมมักเช็ดกระจกเองด้วย ซึ่งพอพวกมันที่นั่งเมาท์กันอยู่มองเห็น ก็มักมาขอทำทีว่าจะเช็ดให้ แต่ผมปฏิเสธ ขอเช็ดเอง เพราะมันสะใจดี ไม่ต้องเสียค่าทิบสิบบาทให้ไอ้ขี้ข้าขี้เกียจพวกนี้ ผมเคยคิดว่าถ้าผมเป็นเด็กปั๊ม ผมต้องมีรายได้วันละ 1000 เป็นอย่างน้อย จากค่าทิปเช็ดกระจก ที่ผมจะมองดูว่ารถคันไหนสกป. ก็จะอาสาไปเช็ดให้ ชม. หนึ่งได้ 20 คัน 150 บาท วันละ 10 ชม. ..รายได้ดีกว่าจบปริญญาตรีข้าราชการอำมาตย์เสียอีก
นศ. ไทยจะ drop รายวิชาที่ลงทะเบียนได้ ต้องเซ็น 10 ต่อ อจ.ที่ปรึกษา อจ. ผู้สอน หน.ภาค คณบดี หัวหน้าฝ่ายทะเบียน ผอ. กองทะเบียน และ ฯลฯ ..นี่คือประเทศไทย
ตอนผมเป็น รอง อธก. ปรับกฎด้วยความเหนื่อยยากแสนสาหัส ให้ลดจาก 10 ขั้นมาเหลือ 3 ขั้น โดนด่าตรึม
พวกแบ็งค์ไทยเรานี้ผมได้สังเกตมานาน มันทำนองเดียวกัน ขั้นตอนไร้สาระเต็มไปหมด ทำยังกะว่าเราเป็นโจรจะไปปล้นแบ้งค์ แต่พอพวกมันปล้นเรา (ลูกค้า) ไม่มีขั้นตอนตรวจสอบอะไรเลย ปล้นกันได้ง่ายๆ
ไม่น่าเชื่อว่า เอาเช็คเข้าบัญชี้ต้องใช้เวลา กรอกข้อความ 5 นาที หน้าเคาต์เตอร์อีก 3 นาที ในขณะที่ของฝรั่ง ไม่ต้องกรอกอะไร เอาเช็คส่งให้ ก็เข้าทันที ณ วินาทีนั้น แถมไม่ต้องมาตรวจตราส่องกล้อง ฉายแสงอะไรกันอยู่นั่นแหละ
ไทยเราทันสมัยทางเทคโนโลยี ฮาร์ดแวร์ แต่ซอฟแวร์ (การจ้ดการ) ล้าหลังจริงๆ ตามฝรั่งไม่ทันสักที
ยิ่งถ้าเช็คต่างธนาคาร ก็รอไปเถอะ ยากกว่าอีกสิบเท่า
ตั้งแต่เป็นสมภาร ต้องเข้าออกธนาคารตามวาระ ดีหน่อยที่ธนาคารอยู่ใกล้วัด และพนักงานรู้ว่าเป็นสมภาร เงินวัดที่อยู่ในธนาคารตอนนี้ล้านกว่าๆ อาจทำให้พนักงานธนาคารให้ความสำคัญขึ้นอีกนิดหน่อย…
เรื่องบ่นๆ นี้ บางทีเราต้องยอมรับศักยภาพของเค้าคนนั้น เพราะถ้าเป็นไปอย่างที่เราคิด เค้าก็อาจเลือนชั้นเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือมีกิจการของเค้าเองแล้วก็ได้….
เจริญพร
ที่เชียงใหม่ในรั้วมหา’ลัย มีบริการสองสามธนาคาร อาจจะแตกต่างนิดหน่อยค่ะ
กรุงเทพฯ ดีกว่าเพื่อน เพราะมีเก้าอี้นั่งรอให้ด้วย เวลารับบริการก็แป๊บเดียว คนให้บริการเร็วคล่องตัวรู้ระบบ one stop service
ไทยพาณิชย์ คนไปรับบริการยืนค่ะ ยืนกรอกเอกสาร ยืนเข้าคิวรอ ยืนรับบริการ ยืนจนขาเคล็ดแต่คนให้บริการนั่งเก้าอี้ ทำช้าๆๆๆ กว่าจะยืนรอเธอทำกิจกรรมเสร็จ อ้าวเครื่องปริ้นเสีย รออีกหน่อยนะคะ..ไม่มีขอโทษสักคำ.แถมคนให้บริการไม่รู้ระบบให้ข้อมูลอะไรก็ไม่ค่อยได้ เหมือนเด็กฝึกงานตลอดเวลา ดีที่สวยกว่าธนาคารอื่น
ธนาคารออมสิน ยุ่งยากหลายแผนก อันนี้ไปยื่นตรงโน้น อันโน้นไปยื่นตรงนี้ คนให้บริการไม่สวยแถมพูดจาแบบข้าราชการในกรมที่ดิน
เคยหงุดหงิด ธ. ไทยพาณิชย์ ว่าเงินเราแท้ๆ ตอนฝากแทบอุ้ม ตอนถอนก็หน้าเดิมต้องตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกแถมทำช้าๆๆๆ เหมือนไม่เต็มใจ ทำตัวเป็นอำมาตย์มากๆ ซึ่งต่างจาก ธ. กรุงเทพฯ ที่เขาทำให้รู้สึกได้ว่าเขาเข้าใจเรื่องธุระกิจ
ใช้ไทยพาณิชย์อยู่สองสาขา ไม่เจอที่นั่งคอยทั้งสองสาขาครับ (สาขาใกล้บ้านเคยมีเก้าอี้เยอะแยะ แต่เอาออกไป) ซึ่งไม่เป็นไรเพราะรอไม่นาน
ที่นั่งรอ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอถ้า teller ยังชักช้าครับ
นอกจากไร้ระบบ แล้วยังหมกเม็ดอีกด้วย เช่น นานปีเอาสมุดไปอัพ ยอดเงินฝากเขาไม่แยกให้เราเป็นรายครั้งแฮะ แต่ขยำรวมกันเป็นก้อน อ้าว..แล้วเราจะตรวจบัญชีของเราได้ไงหว่า มันบ้าไปแล้ว
ที่ usa สมัยเก่ายังไม่มี net เขาจะส่งรายการฝากถอน มาให้เราทางไปรษณีย์ทุกเดือน ..บริการแบบนี้ ถึงเป็นมหาอำนาจ
วันนี้ผมกลับไปธนาคารใหม่ ที่จอดรถเต็มตามปกติขอวันเสาร์อาทิตย์ ไปธนาคารเพื่อเบิกเงินค่ายา และเงินทดรองสำหรับทีมอาสาสมัครที่จะลงพื้นที่อีก ปรากฏว่าไทยพาณิชย์มี 5 คนอยู่ข้างหน้า ซึ่งรวดเร็วตามเคย แต่กสิกรไทยเร็วขึ้นแบบเหลือเชื่อเลยครับ ไปกดบัตรคิวปรากฏว่าได้เบอร์ 331 แต่เป็นคนที่ 6 จากลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์ ผมมาฝาก 2 รายการใช้เวลาเพียงนาทีเดียวเท่านั้น ไม่คิดว่าผู้ใหญ่สั่งเพราะผมไม่ได้ติดต่อเพื่อนหรอกครับ (เขาเป็นใหญ่อยู่ที่นั่น ตำแหน่งสูงมากด้วย แต่เราไม่ชอบใช้เส้น)