น้ำไม่มี

อ่าน: 3973

ในเมื่อน้ำไม่มีก็ไม่มีครับ ไม่รู้จะมาคร่ำครวญอะไรกัน

ไม่อยากพูดเลยว่าเตือนมาสักครึ่งปีแล้ว ในบล็อกนี้นี่แหละ (เออนะ แล้วทำไมต้องฟังด้วยล่ะ) มาถึงตอนนี้ คงต้องรอฟ้ารอฝนอย่างเดียว ทำอะไรไม่ทันแล้ว

หากฝนตก ก็เก็บน้ำฝนไว้นะครับ หลังคาเล็กๆ ขนาด 25 ตารางเมตร ฝนตกหยุมหยิมขนาด 5 มม. เก็บน้ำจากหลังคาได้หนึ่งในแปดคิว คงประมาณสักค่อนตุ่ม ถ้าตกจริงจังขนาด 2 ซม. ได้น้ำครึ่งคิว จะอยู่ไปได้สองสามวัน

อย่าคิดว่าอยู่ในเมืองจะสบาย วันไหนที่น้ำประปาไม่ไหลแล้วจะรู้สึก ตอนนี้มีโอกาสเตรียมอะไรได้ ก็เตรียมเสียก่อนเถิดครับ

ส่วนไร่นา น่าจะสำรวจความลาดชันของพื้นที่ แล้วพยายามขุดร่องนำน้ำฝนไปรวมกันที่บ่อให้ได้มากที่สุด อย่าปล่อยให้น้ำหายไปเฉยๆ เลยครับ ต่อให้น้ำไปรวมกันที่ต่ำแล้วต้องสูบมาใช้ ก็ยังดีกว่าไม่มีน้ำจะสูบมาใช้ [ธนาคารน้ำ]

อันนี้ขอเติมหน่อยนะครับ เห็นแล้วชอบมาก ขอบคุณเจ้าของรูปด้วย

« « Prev : เชื่อเพราะเห็น ทำให้หลงได้ง่าย

Next : การเขียนหนังสือในฐานะการแสดงออกทางจิตวิญญาณ (ตอนจบ) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 ต้อมแม่น้องต้า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 June 2010 เวลา 13:58

    ขอบคุณค่ะที่เตือน จะไปหาภาชนะใหญ่หน่อยไว้เก็บน้ำฝน ตอนนี้คุณแม่ใช้กะละมังเก็บน้ำฝนอยู่ค่ะ

  • #2 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 June 2010 เวลา 17:29

    “น้ำไม่มี” สำนวนนี้ นึกว่าคุณโยมนำเรื่องราวตามคัมภีร์มาเปรียบความหมายที่สองอะไรอีก ปรากฎว่าคาดผิด…

    มีพระเถระตาพิการกับสามเณรน้อยเดินทางไกล พระเถระต้องการสรงน้ำ บอกให้หาแหล่งน้ำข้างทาง สามเณรน้อยบอกว่า “น้ำไม่มี” จึงต้องเดินทางต่อไป…
    ต่อมา สามเณรก็จูงพระเถระอ้อมนิดหน่อย พระเถระจึงถามว่าทำไมต้องอ้อมตรงนี้ด้วย สามเณรก็บอกว่า “มีน้ำ ขอรับ”
    พระเถระจึงบอกว่า “ดีละ ถ้าอย่างนั้น เรามาพักสรงน้ำกันดีกว่า” … สามเณรน้อยก็บอกว่า น้ำไม่มี ขอรับ ที่เดินอ้อมนะเป็นเพียงที่ชื้นแฉะด้วยน้ำเล้กน้อยเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะสรง…. อะไรทำนองนี้แหละ

    อีกประเด็นหนึ่ง สำนวนบาลีมีคำหนึ่งคือ “อัพโพหาริก” ซึ่งมักจะแปลกันทับศัพท์ ถ้าจะแปลออกศัพท์ก็ได้ว่า “ไม่ควรพูดถึง” กว่าจะเข้าใจได้ก็ต้องคิดเองอยู่พอสมควรเหมือนกัน….
    ดังเช่น เรื่องธาตุ๔ ธาตุเข้นแข็งคือธาตุดิน เช่น กระดู เนื้อ… ธาตุเอิบอาบคือธาตุน้ำ เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ… ธาตุพัดไปมาคือธาตุลม เช่น ลมหายใจ ลมในท้อง… ธาตุก็อบอุ่นคือธาตุไฟ เช่น ไฟเผาผลาญอาหาร ความอบอุ่นของร่างกาย…
    ถ้าจะถามว่า “ในธาตุดินเช่นกระดูก หรือเนื้อ เป็นต้น ธาตุน้ำเป็นต้น ไม่มีหรือ ?”…. แก้ว่า “ธาตุน้ำเป็นต้น มีอยู่ แต่เป็นอัพโพหาริก”
    ขยายความว่า กระดูกหรือเนื้อเป็นต้น แม้จะถือว่าเป็นธาตุดิน แต่ก็มีธาตุน้ำเป็นต้นผสมอยู่ด้วย แต่มีน้อยมาก ไม่ปรากฎ ไม่ควรจะพูดถึง จึงจัดเป็นอัพโพหาริก

    บรรดาท่านมหาเก่าๆ บางครั้งเค้าก็เล่นสำนวนว่า “น้ำไม่มี” ซึ่งท่านมหาที่ฟังก็อาจประยุกต์เข้ากับเหตุการณ์นั้นๆ ได้ว่าหมายถึงอะไร แต่คนทั่วๆ ไป ไม่เข้าใจ.

    ท่านมหาผู้เป็นปิยมิตรของอาตมารูปหนึ่ง จึงสรุปว่า ดังนั้น พวกท่านมหานอกวัดจึงจึดตั้งเปรียญธรรมสมาคม เพื่อจะได้คุยกันรู้เรื่อง (……….)

    เจริญพร

  • #3 ป้าจุ๋ม ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 June 2010 เวลา 20:44

    -ภัยแล้งในปีนี้หนักหนาสาหัสทีเดียวค่ะ และไม่แน่ใจว่าปีต่อไปจะเป็นอย่างไร?
    -หากไปถามคนเขื่อนเขาก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า ตั้งแต่ทำงานเขื่อนมาก็มีปีนี้แหละที่ปริมาณน้ำวิกฤตที่สุดค่ะ ป้าจุ๋มเพิ่งไปเขื่อนขุนด่านปราการชลมา เห็นระดับน้ำแล้วก็ใจหายค่ะ ต่างจากที่เคยไปเห็นตอนเก็บกักน้ำได้เต็มพิกัดจนล้นspill way มากระแทกแท่นที่ออกแบบไว้รองรับน้ำ แตกกระเซ็นสวยงามมากค่ะ แต่ปีนี้เหลือติดก้นอ่างเลยค่ะ ถามวิศวกรที่ดูแลเขื่อนเขาบอกว่ามีน้ำเหลือประมาณ 8 %เท่านั้นค่ะ
    -ตอนนี้ก็ค่อยยังชั่วที่มีฝนตกมาบ้างได้คลายความร้อน


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.54082798957825 sec
Sidebar: 0.51658606529236 sec