เรื่องที่อยากป่วน

โดย Logos เมื่อ 26 April 2010 เวลา 10:19 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3576

หนังสือเรื่องที่อยากป่วน เขียนโดยคุณหมอจอมป่วน (นพ.สุธี ฮั่นตระกูล) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกเทศมนตรี เทศบาลนครพิษณุโลก และอื่นๆ อีกมากมาย คุณหมอทำเรื่องสิ่งแวดล้อมมา 15 ปี ทำโครงการที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาสังคมเป็นอย่างมาก เดินสายอบรมคนมาทั่วประเทศมาแล้วหลายรอบ

คุณหมอรวบรวมประสบการณ์การอบรมอันยาวนาน แล้วยังมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกระบวนการที่กระบวนกร (ทีมงานอบรม หรือ facilitator) อาจนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิผลของการอบรม ได้คุยกับคุณหมอ ท่านบอกว่าไม่เขียนพวกกระบวนท่า แต่เป็นเรื่องกำลังภายในเสียมากกว่า

หมอเริ่มบันทึกเรื่องราวในลานปัญญา มีนักการอิ่มและนักการเมี่ยง ซึ่งร่วมทำงานด้านนี้กันมายาวนาน แถมช่วยรวบรวมบันทึกต่างๆ จนได้หนังสือมาหนึ่งเล่ม ซึ่งหมอเขียนเกี่ยวกับหนังสือไว้ว่า

เจตนาที่เขียนบันทึก ก็ต้องการเล่าเรื่องที่คิดว่ากระบวนกรต้องรู้แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง ถ้าเรื่องราวที่มีคนเขียนเป็นตำรามากแล้วก็พยายามจะไม่พูดซ้ำ นอกจากจำเป็น แต่ก็จะไม่พูดละเอียดนัก เพราะหาอ่านเองได้อยู่แล้ว

เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ก็แบ่งออกเป็นสามตอน

ป่วนกระบวนกร
เป็นเรื่องราวที่กระบวนกรควรรู้ เริ่มตั้งแต่วัตถุประสงค์ของการจัดการฝึกอบรม การออกแบบหลักสูตร การเลือกสถานที่ การเตรียมทีมงาน การเชิญวิทยากร การคัดเลือกและเตรียมผู้เข้ารับการอบรม ฯลฯ

ป่วนจิต(ใจ)
เป็นเรื่องราวของการพัฒนาจิตใจของเหล่ากระบวนกร ซึ่งมีความสำคัญมากๆ เปรียบเหมือนจอมยุทธในเรื่องกำลังภายใน ถึงแม้จะเรียนรู้กระบวนท่าต่างๆได้ครบถ้วน แต่ถ้าปราศจากกำลังภายในแล้ว ก็ไม่สามารถใช้กระบวนท่าต่างๆได้อย่างมีพลัง ซึ่งทางทีมงานได้เรียนรู้เรื่องราวของจิตวิวัฒน์จากอาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญู จากสถาบันขวัญเมือง จังหวัดเชียงราย

ป่วนเรื่อง(เขา)เล่า
ก็จะเป็นเรื่องเล่าที่ยืมเขามาเล่าต่อ ใช้สะกิดหรือกระตุกให้ผู้คนเอะใจหรือเข้าใจอะไรๆได้ด้วยตัวเอง

คนที่เป็นครูบา อาจารย์น่าจะเป็นกระบวนกรที่เก่ง คนที่จะสอนคนอื่นได้ดี ต้องเรียนรู้การเรียนรู้ (แนะนำหนังสือ ให้ความรักก่อนให้ความรู้-Learn How To Learn ของ อาจารย์วรภัทร์ ภู่เจริญ) แล้วถ่ายทอดการเรียนรู้ต่อให้ลูกศิษย์ นึกไม่ออกว่าคนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องการเรียนรู้จะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร? การเรียนวิชาครูไม่ใช่เรียนวิธีสอน แต่เป็นการเรียนการเรียนรู้

คุณหมอได้บริจาคหนังสือให้ครูบาสุทธินันท์ และมูลนิธิโอเพ่นแคร์ เพื่อจัดจำหน่ายเป็นการหาทุนให้กับมหาชีวาลัยอีสาน และมูลนิธิโอเพ่นแคร์ครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ ราคาเล่มละ 100 บาท

สั่งซื้อได้ที่มหาชีวาลัยอีสาน หรือที่มูลนิธิโอเพ่นแคร์

« « Prev : นิสิตแพทย์ วันสุดท้าย

Next : ตัวปลอม » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

12 ความคิดเห็น

  • #1 ป้าจุ๋ม ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 10:30

    -ป้าจุ๋มขอสั่งซื้อ 2 เล่มค่ะ

  • #2 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 10:32

    ขอความกรุณา  ขอ 5 เล่มนะคะ  สาธุ พระอาจารย์ป่วน ค่ะ

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 10:53
    แว๊ก…ว่าแล้วเชียว

    สต็อคของสวนป่าอยู่ที่สวนป่าครับ ต้นเดือนหน้าไปซื้อได้โดยตรง

    กองทุนชาวเฮสามารถจัดการแทนสวนป่าได้ แต่ต้องโอนหนังสือกลับมากรุงเทพ จะได้มีของส่งให้นะครับ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 12:32

    รอได้ไหม หนังสือป่วนแหลก!  ไว้มาเอาที่สวนป่า มีลายเซ็นหมอจอมป่วนให้ด้วย เพราะหมอก็จะมาอยู่แล้ว

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 13:59

    ของเขาดีจริงๆครับ

    นักพัฒนาคน นักพัฒนาสังคม นักปลุกระดมคน(ให้ดี) อาจารย์ที่สอนลูกศิษย์ นักการเมือง ควรหาซื้อมาอ่านซะ เพราะของเขาดีจริงๆ ถ้าเป็นอาหารก็ระดับเชลล์ชวนชิม หรือแม่ช้อยนางรำ ใครคิดอะไรไม่ออกก็ควรอ่าน เพราะจะได้แง่คิดดีดี  ชื่อจอมป่วนการันตี..คุณภาพคับแก้ว

  • #6 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 14:13
    มายืนยันด้วยว่าดีจริงๆ ครับ

    นึกไม่ออกว่าคนที่ยังไม่เข้าใจ เรื่องการเรียนรู้จะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร? การเรียนวิชาครูไม่ใช่เรียนวิธีสอน แต่เป็นการเรียนการเรียนรู้

  • #7 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 14:26

    ป้าหวานเคยคุยกับพี่หมอเรื่อง  คนที่ไปสอนคนอื่น  เรามองที่ประเด็นไหน  ตอนนี้พี่หมอพูดถึงเรื่องการพัฒนา และ พูดถึง  คนที่ไปสอนคนอื่น ที่เราอยากให้เป็น  ประเด็นคือ เราจะพัฒนาผู้สอน  แต่ถ้าในชีวิตจริงทั่วไป  เราขาดแคลนผู้สอนไหม  เราต้องการคนสอน หรือ เราต้องการคนมีคุณภาพสูงสุด  ทุกสิ่งมีข้อจำกัด  ถ้ามีความสมดุลย์ และเคลื่อนไป ในทางที่ดีขึ้น ก็น่าพอใจในระดับหนึ่งแล้ว  ดังนั้น เราจึงอาจยอมรับ  ดชด.สอนหนังสือชาวเขา   เด็กรุ่นพี่ สอนรุ่นน้อง  และ  คุณหมอ ฝึกผู้ช่วย ได้  เพราะจุดมุ่งหมายจำเป็นต้องมีระดับ  เราไม่อาจรอคนที่มุ่งหวังโดยไม่ทำอะไรเลยได้  ดังนั้น สังคมจึงต้องขับเคลื่อนไป บนความไม่พร้อม  เราจึงจำเป็น ต้องมี และ พัฒนาโดยรู้คุณค่า ของสิ่งที่มี  ไม่ใช่ปฎิเสธไว้ก่อนว่าคุณภาพไม่ถึง

  • #8 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 14:42

    ลืมบอกค่ะ  พี่หมอบอกว่า  ครูสอนได้ ไม่เกินสิ่งที่ครูรู้   เช่น ครูรู้ถึงไหนก็สอนถึงตรงนั้น  รู้ ถึง  ข.ไข่ ก็สอนถึง ข.ไข่ รู้ถึง ฮ.นกฮูก ก็สอนถึง ฮ.นกฮูก  ป้าหวานเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ  เราอาจไม่มีคนรู้จริง รู้สูงสุด ในเรื่องนั้นๆ เป็นจำนวนมากพอ ป้าหวานเข้าใจอย่างนั้นนะคะ  ครูจึงควรเป็นนักเรียนไปในตัว  ในอาชีพอื่นๆก็เช่นกัน  เรียนรู้เพิ่มเติม พัฒนา  ปรับสมดุลย์   ในทุกองค์กร  พัฒนาตน  สร้างคน  โดยเริ่มต้นที่ตนเอง ซึ่งไม่มีวันหยุด จบ พ้ฒนาได้อีกเรื่อยๆไม่สิ้นสุด

  • #9 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 17:27
    ถ้าครูสอนโดยถ่ายทอดวิชาการ ผู้เรียนจะรับไปได้ไม่เกินครู นานไป ๆ โลกก็จะเสื่อมถอย เพราะความไม่สมบูรณ์ในการถ่ายทอดและการรับ

    แต่ถ้าครูให้วิธีการเรียนรู้คู่วิชาการ ผู้เรียนจะไม่ติดอยู่เท่ากับความรู้ของครูครับ ต้องการรู้อะไร ไปค้นหา และลงมือทำพิสูจน์เอาเอง ไม่ต้องรอใครสั่ง โลกจึง “ก้าวหน้า” ได้ ไม่ว่าก้าวหน้าจะแปลว่าอะไรก็ตาม

    ผมอัพเดตข้อมูลบน OpenCARE แสดงสารบัญแล้วครับ

  • #10 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 17:31
    • อนุโมทนา สาธุ

    เจริญพร

  • #11 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 April 2010 เวลา 17:52

    ขอบคุณมากค่ะ

  • #12 น้อง(พิชชา) ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 April 2010 เวลา 22:59

    อยากโดนป่วนตวยคน
    ไหนๆก็ไหนๆผ่านทางลำปาง
    ติดไม้ติดมือมาฝากสักเล่มนะคะ 5555


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.24855804443359 sec
Sidebar: 0.13674092292786 sec