คนมีความผิดพลาดเป็นธรรมดา

โดย Logos เมื่อ 15 November 2011 เวลา 2:56 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 4235

ไม่ใช่จะแก้ตัวอะไรให้ใครหรอกครับ ผมไม่ใช่พวกลัทธิแก้ หรือลัทธิแถ

เมื่อสามสัปดาห์ก่อน แก๊งค์ 206 อพยพมาหัวหิน แต่น้องๆ ทุกคนพร้อมทั้งครอบครัว อยู่บ้านกันหมด น้องสามคน สามครอบครัว อยู่กันสามบ้าน พ่อแม่อายุมากแล้ว ต่อให้ใครมั่นใจว่าบ้านจะไม่ท่วม ก็ไม่ควรเอาสว.ไปเสี่ยงหรอกครับ ผิด-ถูก-แม่น-ไม่แม่น เป็นเรื่องกระจอก สนองอัตตาทั้งนั้น เหตุผลก็ขึ้นกับมุมมอง เหมือนกับข้อเท็จจริงขึ้นกับการตีความ ประเด็นคือพ่อแม่สำคัญที่สุด อย่าเอาพ่อแม่ไปเสี่ยงกับความคิดของเราซึ่งวูบวาบได้เลย

แต่เพราะคืนวันที่อพยพมาไม่ได้นอนเลย (ตามฟอร์ม) ตามข่าวเรื่องอันธพาลมาพังเขื่อนห่างจากบ้านไม่กี่กิโล ตีสี่ลงมารองน้ำกินทิ้งไว้ให้น้องและหลานที่บ้าน รุ่งเช้าก็ไม่ได้ออก กว่าจะได้ออกจากบ้านก็เที่ยง แล้วยังแวะไปธุระอีก ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปหัวหินจริงๆ ก็บ่ายสามโมงแล้ว ไม่ได้นอนมาทั้งคืน อย่างนี้จะเหลือหรือครับ ผลคือหลับใน

เผอิญหลับในแล้วเลี้ยวซ้าย ไปชนท้ายรถซึ่งเขาขับมาช้าๆ รู้สึกผิดมาก )-; โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร ถ้าหลับในแล้วเลี้ยวขวา ผมคงไม่สามารถมาเขียนอะไรอยู่ได้ในตอนนี้หรอกครับ จะชนเกาะกลางถนน เละแน่ครับ ดังนั้นต้องเปลี่ยนขีดจำกัดใหม่แล้ว เดิมผมจะหยุดพักทุก 200 กม. ทีนี้ถ้าจะขับเอง คงต้องเปลี่ยนหยุดพักทุกชั่วโมงแล้ว แต่พ่อแม่บอกว่าถ้าจะไปไหน ให้เอาคนขับรถไป จะกี่วันก็ได้ ก็เลยรู้สึกว่าคงไม่ต้องขับรถเองแล้ว

อยู่หัวหินสุขสบายดี มี 3G ใช้ด้วย ที่ล็อบบี้มี wifi ใช้ฟรี ก็เลยใช้เรื่อยมา ดึกดื่นทุกคืนเหมือนอยู่บ้านเลย

พอจะกลับห้อง ปรากฏว่าทางอาคารเกิดประหยัดไฟฟ้าหรืออะไรก็ไม่รู้ ทางเดินมืดไปหมด ทางเดินนั้นเป็นขั้นบันไดแบบฟรีฟอร์ม คือจำนวนขั้น และระยะนั้นไม่แน่นอน ทีนี้เมื่อไม่มีไฟ ก็มองไม่เห็นสิครับ แต่ผมก็เดินไป นึกว่าก้าวถึงขั้นที่ราบแล้ว ปรากฏว่าไม่ใช่ มีอีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นเมื่อก้าวลงไป จึงถลำไปข้างหน้าทำให้หัวทิ่ม เท้าข้างที่ยังอยู่บนขั้นบันไดเกิดครูดไปกับพื้น

ตกลงว่านอกจากถูกห้ามขับรถแล้ว ยังเดินไม่สะดวกอีกด้วย

แต่แค่นี้ ยังถือว่าโชคดีนะครับ รถชนไม่มีใครเจ็บ แล้วรถก็ยังขับต่อมาได้อีก 200 กม. ตกบันได MacBook Pro ไม่มีรอยขีดข่วน แล้วขาไม่พลิก กระดูกไม่หัก

sh!t happens

« « Prev : กระบวนทัศน์ใหม่: ประชาชนดูแลตนเอง

Next : แผงตัดยอดคลื่น » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

12 ความคิดเห็น

  • #1 maeyai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 7:43

    ระมัดระวังขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกันนะคะ แม่ใหญ่เองก็เดินชนโน่นชนนี่เป็นประจำ และบางทีไม่รู้ด้วยซ้ำ มาเห็นอีกที อ้าวขาเขียวเสียแล้ว วัยเป็นเหตุค่ะ แต่ logos ยังหนุ่มแน่น แค่พักผ่อนอีกนิด ระวังอีกหน่อย ก็จะผิดพลาดน้อยลงแน่ๆค่ะ

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 7:52

    แล้วแผลนั่นนะหายหรือยัง ณ วันนี้

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 8:21
    #1 เมื่อเป็นสมาชิกของแก๊งค์ 206 แล้ว (อายุรวมของพ่อแม่ลูก) ก็ไม่สามารถเรียกว่าหนุ่มแน่นได้หรอกครับ เกินกึ่งศตวรรษแล้วครับ
    #2 แผลตกสะเก็ดแล้วครับ

    ส่วนที่ผิดแล้วดีใจที่สุดคือน้ำไม่ท่วมบ้านครับ

  • #4 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 17:39

    แผลกว้างแต่ไม่ลึกคงทิ้งสะเก็ดแล้ว
    ถือว่าโชคดีที่ไม่รุนแรงกว่านี้นะคะ

  • #5 sothorn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 18:19

    ในความโชคร้ายบางครั้งก็แฝงไปด้วยความโชคดี

    ผมเองขี่มอเตอร์ไซด์ รถกระบะเลี้ยวตัดหน้า ผมชนโครมเข้า คางฟาดบนกระโปรงรถกระบะ
    แต่โชคดีผมใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มลูกเลยโชคดีไป

  • #6 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 18:42
    #4 ขอบคุณครับ น้ำไม่ท่วมบ้าน+ขับรถชนแต่ไม่มีใครบาดเจ็บ+สะดุดแต่โน็ตบุ๊คไม่มีรอบขีดข่วน ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
    #5 คางและลูกกระเดือก ไม่สมควรเอาไปถูกับอะไรครับ
  • #7 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 19:19

    เห็นด้วยกับคุณพ่อนะครับ เพราะการหลับในนั้น ผมเคยเกิดเมื่อสมัยทำงานที่ห้วยขาแข้ง ทำงานเหนื่อยมากๆที่อถทัยธานี แล้วขับปิคอัพกลับนครสวรรค์ เปิดแอร์เย็นๆ รถติดไฟแดง เราก็ชนท้ายรถข้างหน้า แต่ไม่แรง พอรู้สึก โชคดีไม่มีอะไรเสียหาย เราเองบอกตัวเองว่า การหลับในนั้นมันเป็นอาการต่อเนื่องจากการอาการปกติที่พลาดง่ายๆ นับจากนั้นจึงพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าต้องตื่นตัวเสมอ ที่สำคัญพักให้เพียงพอเป็นดีที่สุด

    การเดินทางครั้งใดที่มีข้อจำกัด ก็ให้ยาหยีขับแทนในช่วงที่เธอสามารถขับได้ เช่นทางตรงในระยะยาวๆ ..แต่ให้มีคนขับแทนเราน่ะดีแล้วครับ แต่เขาต้องพร้อมเรื่องสุขภาพด้วยนะครับ

  • #8 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 19:27
    #7 ผมก็เห็นด้วยครับพี่ สถานการณ์มันพลิกล็อกอยู่หน่อยนึง คือโทรบอกว่าควรอพยพทันทีตอนสี่ทุ่มครึ่ง ผมก็คิดว่าเคยบอกให้เก็บกระเป๋าเตรียมอพยพเอาไว้แล้ว ดังนั้นน่าจะออกเดินทางได้เช้าเลย แล้วมีคนขับรถให้ด้วย ทีนี้แม่เกิดเก็บของไม่เสร็จ แล้วยังต้องแวะไปธุระอีก ได้รถมาอีกคันหนึ่ง คนขับรถก็เลยไปขับรถอีกคันหนึ่ง ผมนิมนต์พ่อกับแม่ไปนั่งคันโน้น ส่วนรถผมผมขับเองคนเดียวเพราะรู้ว่าเสี่ยง ดันทุรังคิดว่าจะทู่ซี้ขับไปได้ นี่เป็นผลของการพักผ่อนไม่พอและความประมาท

    แต่มาอยู่นี่ ไม่ได้ขับรถสามอาทิตย์ ก็สุขสบายดีนะครับ

  • #9 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 20:23

    ดูจากบาดแผลแล้ว น่าจะเป็นโชคดีมากกว่าโชคร้าย…. โชคดีก็คือ ได้ประสบกับอิริยาบถที่แปลกไปจากชีวิตประจำวัน คลายความจำเจไปได้บ้าง ได้ซึมซับพลังชีวิตที่มีอยู่ เพื่อจะกลับคืนสู่ความเป็นปกติ….

    เจริญพร

  • #10 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 November 2011 เวลา 20:29
    นมัสการครับ ถ่ายรูปมา ใครดูรูปทีแรก ก็มักจะนึกว่าไปเตะอะไรมา เผอิญผมไม่ชอบเตะอะไร แผลอันนี้จึงเกิดด้วยอากัปกริยา(ท่า)ที่พิสดารมากครับ หลังเท้าครูดกับพื้นได้ยังไง อิอิ
  • #11 ป้าจุ๋ม ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 November 2011 เวลา 16:20

    นับว่ายังโชคดีและคุณพระคุ้มครองค่ะ(คนทำบุญมาก…) ตอนนี้คงหายแล้วกระมังคะ…แต่อย่างไรก็หาเวลาพักผ่อนด้วยค่ะ…แต่สงสัยว่าตกบันไดอีท่าไหนถลอกหลังเท้า…งงมาก…หรือตีลังกาไปเตะอะไรเข้า…นึกท่าล้มไม่ออกค่ะ…อิอิ

    สำหรับป้าจุ๋ม…มีหลายอย่างที่เคยทำได้อย่างคล่องแคล่วในอดีต…อิอิ แต่ตอนนี้พบสัจธรรมว่าทำไม่ได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ พร้อมกับมีคาถาที่คุณพ่อเคยท่องตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ คาถามีว่า “แก่แล้วให้เจียมสังขาร…อิอิ” ลูกหลานจะได้ไม่เดือดร้อน คาถานี้สว.ท่านใดจะนำไปใช้บ้างก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่ะ

    คุณLogosยังไม่เข้าข่ายท่องคาถาหรอกค่ะ…อิอิ แค่หาเวลาพักผ่อนบ้างคงพอค่ะ

    ช่วงที่เตรียมตัวหนีน้ำคราวนี้ ต้องยกข้าวของเตรียมหนีน้ำกันอุตลุด ลูกๆจะบอกว่าคุณแม่นั่งดูเฉยๆ(ห้ามช่วยยกของ) ก็เลยไม่ได้ช่วยยกของอะไร แต่มาคอยจัดหาอาหารอร่อยๆให้เขากินแทนค่ะ ที่บ้านนับว่าโชคดีที่ตอนนั้นมีแรงงานพม่าอยู่ตั้ง 3 คนคือแม่เอหยีและญาติแม่เอหยีที่บ้านเจ้านายเขาน้ำท่วมเลยขอมาอาศัยอยู่ด้วยอีก2คน ที่บ้านตอนนี้ก็กลายเป็นศูนย์อพยพพม่าไปโดยปริยาย ป่านนี้ก็ยังอยู่กันครบค่ะ เมื่อวานก็เลยให้ช่วยยกข้าวของกลับที่เดิมแล้ว และเขื่อนหน้าบ้านก็รื้อออกแล้ว…หายเครียดไปเยอะค่ะ

    สถานการณ์น้ำตอนนี้แถวปากเกร็ดคงปลอดภัยแล้วค่ะเมื่อเช้าป้าจุ๋มไปดูเขื่อนที่หัวถนนปากเกร็ด(ใต้สะพานพระราม 4)พบว่าน้ำลดไปจากสันเขื่อนราว 1 เมตรค่ะ จากที่ตอนวิกฤตนั้นน้ำปริ่มสันเขื่อนค่ะ

    ขอให้เดินทางกลับด้วยความปลอดภัยค่ะ

  • #12 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 November 2011 เวลา 21:48
    มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิคนหนึ่ง (ก็มีอยู่คนเดียวละครับ) บ้านอยู่หลังตลาดปากเกร็ด เผาขนเลย เดินไปดูน้ำที่เขื่อนสบายๆ

    พ่อแม่สุขสบายดี ทำท่าจะไม่ยอมกลับครับ ;-) แต่ปลายเดือนนี้มีนัดกับหมอ ถ้าพระรามสองยังใช้ได้ ก็คงกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วถ้าจะมาหัวหินอีก ค่อยว่ากันอีกที


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.20163607597351 sec
Sidebar: 0.19048285484314 sec