ติดอยู่ในกำแพง

โดย Logos เมื่อ 17 October 2011 เวลา 16:25 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 2628

น้ำเหนือหลากมารุนแรง โรงงานที่น้องชายทำงานอยู่แถวรังสิตคลองสี่ก็เริ่มท่วมแล้ว

บ้านผมอยู่ห่างแม่น้ำกิโลเดียว เลยออกไปอีกฝั่งของแม่น้ำก็ท่วมหมด แถวบางคูวัดในปทุมธานีซึ่งห่างบ้านออกไป 3-4 กม.ก็ท่วมหมด แต่ที่บ้านยังแห้งสนิทครับ

ผ ม ไ ม่ คิ ด ว่ า ที่ บ้ า น จ ะ โ ด น นํ้ า ท่ ว ม เรื่องพื้นฐานที่สุดของการจัดการภัยพิบัติ คือเข้าใจความเสี่ยงของพื้นที่ของตัวเอง และจัดการไปตามสภาพ — ผิดหรือถูกเป็นเรื่องกระจอกครับ ถ้าน้ำท่วมแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ จะทายถูกหรือผิดก็เดือดร้อนเสียหายพอกัน

อย่างไรก็ตาม ข่าวสารออกมาน่ากลัวมาก คนในบ้านดูแล้วกลัว จึงเริ่มจัดการป้องกันตัวเอง รถยนต์แปดคัน ก็ห่อเอาไว้หรือขึ้นที่สูงเกือบหมดแล้ว เหลือรถผมคันเดียว! เลือดเย็นเหลือเกิน อิอิ

ที่บ้านติดถนนสามด้าน ด้านหนึ่งเป็นกำแพง มีประตูสองด้าน ประตูด้านหนึ่งปิดด้วยกำแพงกันน้ำไปแล้ว เหลืออยู่ด้านเดียวที่ยังเปิดอยู่ แม่ก็พยายามบิ้ลท์ว่าต้องป้องกันเอาไว้ — เมื่อเดือนก่อนตอนที่ผมเตือนว่าน้ำเหนือจะมา ตอนนั้นแม่ไม่ตื่นเต้นเลย บอกให้เตรียมเสบียงไว้ก็ยังชิลชิล ยังดีที่ขณะนี้เตรียมพร้อมพอสมควรแล้ว

เหลือปิดประตูบ้านที่ยังเหลืออยู่อีกบานหนึ่ง ซึ่งวันนี้ตอบตกลงกับแม่ไปแล้วว่าให้ปิดประตูบ้านครับ บ้านสวยก็อย่างนี้แหละ ไม่แต่เพื่อความไม่ประมาท แต่เพื่อให้ทุกคนในบ้านสบายใจด้วย

ทีนี้ก็มีปัญหาล่ะสิ ผมเป็นผู้รักษาบัญชีกองทุนร้อยน้ำใจ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของกระบวนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย บัญชีที่เปิดไว้เป็นบัญชีของมูลนิธิโอเพ่นแคร์ เป็นบัญชีนิติบุคคลซึ่งจะต้องเบิกจ่ายเงินบริจาคที่สาขาของธนาคารที่เปิดบัญชีไว้เท่านั้น ถ้าจะต้องไปเบิกจ่ายหรือไปอัพเดตสมุดคู่ฝาก จะต้องปีนกำแพงบ้านออกไป แล้วหารถไปยังเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะซึ่งเปิดบัญชีไว้ ลำบากหน่อยไม่เป็นไรหรอกครับ

แต่ถ้าบ้านผม (ซึ่งสูงและมีพื้นที่แก้มลิงขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล) เกิดท่วมขึ้นมา เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะก็คงจะท่วมด้วย แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะมีการปิดห้างหรือไม่ ตอนนี้ก็มีคนเอารถมาจอดหนีน้ำแน่นไปหมด หาที่จอดรถไม่ค่อยได้แล้ว เรื่องนี้ต้องหาทางออก โดยผมขอคณะกรรมการมูลนิธิเปิดใช้บริการทางอินเทอร์เน็ต เพื่อที่ว่าแม้จะเดินทางไปทำรายการที่ธนาคารไม่ได้ ก็ยังสามารถอัพเดตยอดบริจาคและเบิกจ่ายต่อไปได้ และเมื่อมีโอกาส สามารถอัพเดตและถ่ายรูปสมุดคู่ฝากมายืนยันการเคลื่อนไหวของเงินบริจาคได้ดังเดิม

ได้พยายามแจ้งข่าวแก่อาสาสมัครว่าให้วางแผนล่วงหน้าสักอาทิตย์หนึ่ง ถ้าต้องการอะไรให้เบิกล่วงหน้ามาเลย แม้เราอาจจะประสบภัย แต่มีชาวบ้านซึ่งประสบภัยมาเป็นเวลานานแล้วยังต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกมากครับ ดังนั้นความช่วยเหลือจะหยุดลงไม่ได้

ประธานมูลนิธิ (ลุงเอก) ไปต่างประเทศเสียอีก ท่านจะกลับคืนวันพฤหัส ถ้าโชคดีวันศุกร์ก็คงเปิดใช้บริการได้ แต่ถ้าจะล่าช้าก็คงเป็นต้นสัปดาห์หน้าละครับ

ช่วงนี้อาจจะมีขลุกขลักบ้าง ต้องขออภัยมาล่วงหน้า ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ

ป.ล. หมารอบๆ บ้าน ยังเป็นสุขดี และมาขอขนมทุกเย็น

« « Prev : สะพานลอย-สะพานจม

Next : สำหรับคนสายตาสั้นและขี้ตกใจ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 October 2011 เวลา 17:19

    ต้นกล้วยครับ ต้นกล้วย ถ้าจะลอยน้ำจริง
    ตัดต้นกล้วยมาเกาะพยุงได้ชั่วคราว
    แต่ถ้ามีชูชีพใช้ชูชีพดีกว่า
    จะส่งกล้วยผักผลไม้ไปให้ ก็จนด้วยการจราจร
    บางคนมีเงินมีแต่ใช้บ่ได้ ออกไปซื้อไม่ได้ คนขายหายหมด
    การเตรียมตุนล่วงหน้า ดีที่ซู๊ด !!
    ครานี้ถ้าไม่ท่วม ต้องเซ่นหัวหมูเจ้าที่เจ้าทางแล้วละ
    ถือว่าเฮงจริงๆ ที่เลือกทำเลตั้งบ้านได้เยี่ยมมาก
    จ๋อม จ๋อม..

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 October 2011 เวลา 17:24

    ไม่ทราบว่า โรงงานอุตสาหกรรมมีประกันความเสี่ยงคุ้มค่าความเสียหายหรือเปล่าครับ
    ถ้าทำประกันๆทุกโรงงานก็เบาใจ
    อาจจะไม่ต้องควักกระเป๋าฟื้นฟูทั้ง100%
    มีประกันช่วยก็จะทำให้จากหนักเป็นเบา
    ถามชาวบ้านแล้วไม่มีใครทำประกันเรื่องเหล่านี้เลย
    ทำประกันแต่เรื่องเจ็บป่วย ประกันชาปณกิจ
    ไม่มีประกันน้ำท่วม
    คงจะไปขอชดเชยจากรัฐบาลได้บ้างกระมัง

  • #3 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 October 2011 เวลา 20:57

    คุณโยมครูบาบอกว่า “ต้นกล้วย” ทำให้คิดถึงนิยายเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านตอนเด็กๆ ….

    ตามนิยายที่พอจำความได้ เป็นครอบครัวชาวสวน (รู้สึกจะแถวเมืองนนท์) เกิดพายุใหญ่น้ำท่วม เรือกสวนนาไร่ล่มสลาย ลูกๆ หมดกำลังใจ แม่ก็บอกทำนองว่า “ไม่เป็นไร ที่ดินยังอยู่ เงินที่เหลือนิดหน่อยก็ให้ประหยัดประทังชีวิตไปก่อน ค่อยๆ พื้นฟูไม้ใหญ่ ระหว่างท้องร่องก็ให้ลงกล้วยก่อน ไม่กิ่เดือนก็พอจะมีรายได้…..”

    ตอนนั้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตอนหลังมาคิดอีกครั้ง กล้วยขายใบ ขายปลี ขายต้น …. ได้ทั้งนั้น อย่าขี้เกียจก็แล้วกัน

    เมื่อมาถึงพ.ศ. นี้ คิดว่า เรื่องนี้ ก็น่าจะยังไม่ล้าสมัย (………………..)

    เจริญพร

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 October 2011 เวลา 21:15
    ตัวบ้านสูงกว่าถนนพอสมควรครับ ส่วนถนนก็สูงกว่าพื้นที่อื่นๆเยอะเลย อาหารและน้ำตุนเอาไว้พอสมควร ก็เลยค่อนข้างมั่นใจว่าจะผ่านวิกฤติไปได้อย่างไม่ลำบากนัก นอกจากมีลักษณะเป็นเนินแล้ว ก็ยังมีสิ่งปลูกสร้างคอยบังและลดความแรงของกระแสน้ำอีกครับ

    ผมไม่มีปัญหากับการอยู่กับบ้านหรอกนะครับ ธรรมดาก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว ไม่ค่อยกินข้าวนอกบ้าน ไม่ไปงานเลี้ยงงานสังคมเลย

    เคยมีกอกล้วยอยู่หลังบ้านน้อง แต่โดนถอนไปหมดแล้วตอนที่เค้าขยายบ้าน เหลือกล้วยเล็บมือนางรุ่น อ.แฮนดี้อยู่ต้นเดียวครับ ผมมีขวดพลาสติกที่มีฝาปิดเก็บไว้หลายร้อยขวด เดิมตั้งใจจะทำน้ำหมักชีวภาพไปแจกชาวบ้าน แต่งานเยอะเลยไม่มีเวลาทำ ขวดเหล่านี้เอามาต่อเป็นแพได้สบายครับ

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2011 เวลา 0:37

    เกาะติดข่าวน้ำท่วมจนเครียดเหมือนกัน หงุดหงิด สงสาร เห็นใจ ฯลฯ มีหลายอารมณ์ปะปนกัน

  • #6 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2011 เวลา 4:37

    น้ำท่วมคราวนี้ไม่มีข่าวเรื่องคนจับปลาลงอวนเลย น้ำคงแรงและไม่มีปลามั้งนะคะ

    ดูข่าวแล้วห่วงคนกรุงว่าถ้ากำแพงกั้นน้ำต่างๆทลายจะเป็นคลื่นสึนามิพังบ้านใกล้ๆคันกั้นแม่น้ำไหม

    ประเด็นสังเกต ระยะนี้เห็นรถทะเบียนกรุงเทพฯ และจังหวัดประสบภัยน้ำอย่างหนาตา คงหนีน้ำขึ้นมาเหนือมั้ง

  • #7 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 October 2011 เวลา 4:38
    #5 ดูข่าวให้เข้าใจ แต่ไม่ควรอินนะครับ
    #6 เหมือนปลาที่ว่ายทวนน้ำมั๊งครับ

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.069889068603516 sec
Sidebar: 0.14346599578857 sec