ช้อนกับชายพเนจร

โดย Logos เมื่อ 14 May 2011 เวลา 9:46 ในหมวดหมู่ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย #
อ่าน: 3698

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในคฤหาสน์ที่สวยงามของเศรษฐีผู้หนึ่งเพื่อที่จะขอดูรูปที่วิจิตรสวยงาม เมื่อชายคนนั้นขอเศรษฐีเข้าไปในบ้าน เศรษฐีก็ยอมให้ชายคนนั้นเข้าไปในบ้านแต่มีข้อแม้ว่า เขาต้องถือช้อนที่มีน้ำมันไว้ ถ้าทำน้ำมันหกเขาจะต้องออกจากบ้านทันที

ชายพเนจรมองที่ช้อนน้ำมันด้วยใจจดจ่อ เมื่อเดินผ่านมาครึ่งมาห้องก็มีเสียงลึกลับพูดว่า “ถ้าเจ้ามัวสนใจแต่ช้อนน้ำมัน ก็จะพลาดโอกาสที่จะดูสมบัติของเศรษฐีน่ะสิ”

ชายพเนจรมองไปรอบๆห้องก็รู้ว่า เสียงพูดนั้นมาจากรูปปั้นหินปูนนั่นเอง ชายคนนั้นจึงครุ่นคิด “เราจะทำอย่างไรจึงจะได้มองรูปภาพและถือช้อนน้ำมันในเวลาเดียวกันได้นะ”

ในที่สุดเขาก็คิดได้ว่าถ้าดูแต่น้ำมันก็จะไม่ได้ดูรูป เขาจึงตัดสินใจว่า “ช่างมัน เราควรสนใจในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งก็คือรูปภาพในคฤหาสน์ของเศรษฐีนั่นเอง ส่วนการที่เรากลัวว่าน้ำมันจะหกก็คือการที่เรากลัวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ถ้ามัวคำนึงกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคตก็จะพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน”

พอคิดได้ดังนั้นเขาก็สนใจแต่รูปภาพ น่าแปลกใจที่น้ำมันกลับไม่หก นั่นก็เพราะว่าเขาไม่ได้กังวลจนเกินไป มือจึงไม่สั่น น้ำมันก็เลยไม่หก

ในที่สุด เขาก็เดินมองดูรูปภาพในคฤหาสน์จนครบ และจากไปอย่างมีความสุข

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ควรกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะว่าจะทำให้ทำปัจจุบันได้ไม่ดี เราจึงควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ช่วงปลายปีที่แล้วในขณะที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่คุณแม่หมอเบิร์ด หมอเบิร์ด (ซึ่งไม่ใช่หมอ ตัวเองก็ไม่ชอบที่ใครเรียกว่าหมอ แต่ใครๆ ก็เรียกว่าหมอ…เอาเป็นว่ารู้กันก็แล้วกันครับ) พยาบาลโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ป้าจุ๋มและเพื่อน ช่วยกันถักหมวกไหมพรม+ผ้าพันคอสำหรับเด็กป่วยและพระสงฆ์อาพาธ ผมไปที่ร้านคนขายไหมของน้องก้อยหลายครั้ง เพื่อหาไหมพรมส่งไปเชียงราย

ท้ายที่สุด แม่แก้วและน้องก้อย เจ้าของร้าน ก็บริจาคไหมพรมล็อตใหญ่ให้เป็นการร่วมช่วยเหลือด้วย ดังที่เคยเล่าไว้ [เป็นมากกว่าไหมพรมสำหรับถักหมวก] ว่าน้องก้อยป่วยมาก เวลาเรียนไม่พอ จนต้องออกจากโรงเรียน แต่ก็มุมานะมาเรียนมัธยมปลายเองที่บ้านพร้อมกับรักษาตัวไปด้วย จนเธอสอบเข้าเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ — ใส่เสื้อทางขวาไปปฐมนิเทศแล้ว

นิทานข้างบน น้องก้อยเป็นคนเขียนตั้งแต่เด็กครับ…ถ้ามัวแต่กังวลกับความป่วยไข้ คงมาไม่ถึงวันนี้

ขอแสดงความยินดีกับน้องก้อย ครอบครัว และอาจารย์พิเศษวิชาต่างๆ ด้วยครับ

« « Prev : เตาเผาอิฐ

Next : พืชน้ำมัน: ทานตะวัน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 May 2011 เวลา 10:01

    เห็นด้วยว่าไม่ใช่หมอ ไม่ชอบให้เรียกหมอ แต่มีคนเรียกหมอเยอะมาก เฮ้อ!

    ชอบนิทานเรื่องนี้ค่ะ และชอบเรื่องของน้องก้อยด้วย เมื่อวานซืนสอนนักศึกษาแพทย์ (ซึ่งถูกเรียกว่าอาจารย์อีกจนได้ บอกให้เรียกพี่ก็ไม่ยอม ฮึ! ) บอกน้องๆว่า
    IQ = Can Do
    Personality = Will Do
    จะเลือกให้พัฒนาทั้งสองหรือมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็แล้วแต่จะตัดสินใจเอาเอง

    ระบบการศึกษาทำร้ายคนไม่น้อยค่ะ ดีใจที่น้อง”เลือกทางที่ใช่ และสิ่งที่ชอบ”ได้อย่างมั่นคง สง่างามนะคะ 

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 May 2011 เวลา 5:07
    ที่จริง ใครจะเรียกอะไร ก็เรียกไปเถิดครับ มันไม่ได้เปลี่ยนเราจากสิ่งที่เราเป็นหรอก

    น่าเสียดายที่ไม่มีโรงเรียนในลักษณะตลาดวิชา ส่วนมหาวิทยาลัยที่เป็นตลาดวิชาก็เซ็งลี้กันเหลือเกิน การที่ไม่มีลักษณะตลาดวิชานั้น เหมือนเป็นการไม่ไว้ใจผู้เรียน บังคับเอาว่าจะต้องมารับการถ่ายทอดความรู้มือสองเอาเท่านั้น (ถ้าไม่ไว้ใจผู้เรียนแล้ว รับเข้ามาเรียนทำไม)

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 May 2011 เวลา 6:13

    พี่หมอเบิร์ด อิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.15541410446167 sec
Sidebar: 0.19411301612854 sec