เอนไซโคลปิเดีย กาแลคติกา
อ่าน: 3997เอนไซโคลปิเดีย กาแลคติกา (Encyclopædia Galactica) ปรากฏขึ้นครั้งแรกในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Foundation (สถาบันสถาปนา) โดยไอแซค อสิมอฟ เมื่อปีพ.ศ. 2485 ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่สอง กำลังดำเนินอยู่อย่างดุเดือด
ในเนื้อเรื่อง มีวิชาอนาคตประวัติศาสตร์ (Psychohistory) ซึ่งสามารถทำนายภาพใหญ่ของอนาคตได้ อนาคตประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่บนสัจพจน์อยู่สามอย่างคือ
- พฤติกรรมของประชากรที่นำมาคำนวณในแบบจำลอง ต้องมีขนาดใหญ่พอ
- ประชากรต้องไม่รู้ผลของการทำนายพฤติกรรมด้วยวิชาอนาคตประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้เกิดการโน้มน้าวหรือเบี่ยงเบน
- มนุษย์ชาติเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเพียงเผ่าพันธุ์เดียวในแกแลกซี่
ตอนแรกของสถาบันสถาปนา ตีพิมพ์เพียง 6 เดือนหลังจากเพิร์ลฮาร์เบอร์ถูกโจมตี ทำให้สหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายสัมพันธมิตรกำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก ก็น่าสงสัยเหมือนกันว่าอสิมอฟคิดอย่างไรกับอนาคตของมนุษยชาติ… ตอนนั้นเยอรมันบุกตะลุยเข้ารัสเซีย ยังไม่มีทีท่าจะอ่อนแรง อิตาลีบุกอัฟริกา ญี่ปุ่นบุกจีนและโจมตีสหรัฐในแปซิฟิก ตอนนั้นยังไม่มีข่าวค่ายกักกันชาวยิวโดยนาซี
ในเรื่องสถาบันสถาปนา เอนไซโคลปิเดีย กาแลคติกา เป็นแหล่งรวมความรู้ของมนุษย์ทั้งมวลตั้งแต่อดีตกาล รวบรวมเก็บเอาไว้ที่ “สุดขอบจักรวาล” เพื่อรักษาความรู้ของมนุษยชาติ ซึ่งในขณะนั้นเป็นสังคมที่มีประชากรหนึ่งพันล้านล้านคน และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เนื่องจากอนาคตประวัติศาสตร์ทำนายว่าความรุ่งเรืองของมนุษย์ จะสะดุดลงเป็นพันปี พล็อตเรื่องในเบื้องแรก เขาก็จะพยายามย่นระยะเวลาแห่งยุคมืดนั้นลง
แต่เรื่องราวซับซ้อนตามแบบนิยายที่สนุก วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ เอนไซโคลปิเดีย กาแลคติกา คือการรวบรวมผู้มีทักษะทางวิทยาศาสตร์สูงเอาไว้ในดาวเคราะห์อันห่างไกล(จากความวุ่นวายทางการเมืองและการช่วงชิงอำนาจ) ด้วยเป้าหมายที่จะพลิกฟื้นความก้าวหน้าอันชะงักงัน และ “อาณาจักร” ของมนุษยชาติ
ย้อนกลับมาดูเมืองไทย จะว่าก้าวหน้า ก็ก้าวหน้านะครับ แม้ประเทศอื่นจะแซงไปทีละประเทศ หมายความว่าความก้าวหน้าของเมืองไทย ก้าวไม่ทันประเทศอื่น… แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะยังไม่มี 3G ก็ยังไม่ถึงกับ กุ๊ก…กุ๊ก…กู๋
เมืองไทยมีคนที่ปรารถนาดีอยู่มากมาย แต่ขาดคนทำ… สิ่งดีจึงไม่เกิดขึ้นมากเท่าที่ควรจะเป็น
มีคนพูดเรียกร้องอะไรดีๆ มากมาย แต่ไม่มีคนฟัง… น่าจะผลิตนักเขียนที่ดีได้เยอะกว่านี้มาก
มีคนที่มีความสามารถ แต่ก็ไม่ได้รับโอกาส… ส่วนคนที่อยู่ในอำนาจ เอ่อ…เติมคำในช่องว่างเอาเองนะครับ…
มี “พวก” มากมาย เฮไหน เฮนั่น แต่ไม่มี “เพื่อน” ที่จริงใจและกล้าบอกกันตรงๆ
ขาดความไว้ใจกัน แต่เรียกร้องความสมานฉันท์
เป็นเมืองแห่งอัตตา เอาความคิดของตนเป็นใหญ่ สั่งและชี้นิ้ว เหมือนละครหลังข่าว แดกดันว่าร้ายลับหลังคนอื่น รู้มา 50 พูดขยายต่อเป็น 300… ถ้าเจ๋งจริง ถูกตลอด ทำไมไม่ลงมือทำเองบ้าง???
โฮ่ย… เมืองไทยอันแสนจะดี๊ดีขนาดนี้ เราควรจะคิด “รักษา” เอาไว้หรือ???
ผมคิดว่าควรนะครับ ถึงจะมีส่วนที่ไม่ถูกใจอยู่บ้างแบบที่มองไปทางไหนก็เจอ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเสียเละเทะไปหมดทุกอย่างนี่
ถ้าจะคิด “รักษา” อะไรที่ไม่ดีจะไปเก็บไว้ทำไม เหมือนเก็บกวาดบ้านน่ะครับ ความสกปรกและสิ่งอันไม่พึงปรารถนา ทิ้งไปบ้างก็ได้; ทีนี้ใครจะมาตัดสินใจแทนคนอื่นได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ ศธ.หรือ วธ.นี่ — เรื่องนี้ง่ายจะตายครับ ไม่ต้องกรุณามาช่วยตัดสินให้ผม ถ้าผมเป็นคน “รักษา” (คือเป็นคนทำงาน เป็นเจ้าของบ้าน) ผมตัดสินใจเองได้ครับ
วันนี้มีสองสาวนำข้าวของของผมมาให้จากออฟฟิศเก่า ลาออกจากตำแหน่งบริหารมาสองปีแล้ว ยังไม่ได้ไปเก็บของเลย! อายเหมือนกันนะเนี่ย
ขอบคุณสำหรับของปีใหม่ครับ ดีใจนะที่ยังคิดถึงกัน แต่จะดีใจกว่านี้อีก ถ้าสิ่งต่างๆ ที่เคยคุยแลกเปลี่ยนกันไว้ แต่ละคนสามารถจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อเพื่อน ต่อบริษัท และต่อคนที่อยู่รอบๆ ตัวของทุกคน ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ต้องทนกับความขัดข้องไม่ชอบใจ
ถึงความรู้และแง่คิดต่างๆ จะไม่เหมือนกับในเอนไซโคลปิเดีย กาแลคติกา (เพราะเอนไซโคลปิเดียฯ เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น) ถ้าเพียงแต่จะเลิกหวังให้ใครมาบอกว่า “ถูกต้อง” แล้วลงมือทำสิ่งที่ถูกต้องเสียเอง แค่นั้นแต่ละคนก็จะเป็นคนที่เก่ง+กล้าขึ้นแล้วครับ เมืองไทยขาดคนอย่างนี้จริงๆ นะ
ขออวยพรให้สมาชิกลานปัญญาและผู้อ่านทุกท่าน มีจิตใจที่สงบสุข (ถ้าหากท่านต้องการ ก็ขออำนวยพรให้ละได้จากความเพลิดเพลิน+ปฏิกริยาอัตโนมัติ (แปลว่าความไร้สติ) ได้โดยเร็วนะครับ) อย่าลืมว่าในชีวิตจริงนั้น ท่านไม่ได้กำลังทำข้อสอบปรนัยอยู่ ดังนั้นทางเลือกของท่าน มีมากกว่าที่คนอื่นหยิบยื่นให้
หากไม่มีอะไรทำ แต่มีดิสก์ว่าง และมีแบนด์วิธพอ ก็น่าจะก็อบปี้ Wikipedia เอาไว้ครับ
Next : สึนามิปี 2547 เกิดจากการระเบิดในอวกาศ? » »
3 ความคิดเห็น
เจริญพร
_/\_สาธุค่ะ
การมีชีวิตอยู่บนความคาดหวังของคนอื่น เป็นทุกข์ครับ