เมืองใหญ่กับแหล่งสำรองน้ำจืด
อ่าน: 6209ที่ไหนๆ ในโลก ก็ใช้น้ำผิวดิน เนื่องจากสะดวกในการนำมาใช้
แต่ว่าน้ำผิวดินทั้งโลกนั้น คิดเป็นเพียง 0.9% ของปริมาณน้ำจืดที่มีอยู่ — 30.1% ปริมาณน้ำจืดเป็นน้ำใต้ดิน ส่วนที่เหลือยังอยู่ในรูปน้ำแข็งและธารน้ำแข็งซึ่งบ้านเราไม่มี
เขตเมืองนั้น มีอาคารสิ่งปลูกสร้าง+ถนนหนทางปกคลุมดินอยู่เป็นพื้นที่กว้าง การพัฒนาแบบนี้สร้างปัญหาคือไม่มีการเติมน้ำใต้ดิน ปริมาณน้ำสำรองที่อยู่ใต้ดินก็ลดลงตามกาลเวลา เมื่อระดับน้ำใต้ดินลดลง แผ่นดินก็จะทรุดลงด้วย พอน้ำหลากมา ก็รีบสูบทิ้งไปให้เร็วที่สุด ดินก็ยิ่งทรุดเร็ว
เมืองไทยมีปริมาณฝนตกเฉลี่ยกว่าปีละ 1600 มม. ถ้าคูณด้วยพื้นที่แผ่นดินของประเทศ ปริมาณน้ำฝนจะเป็นกว่า 8 เท่าของความจุเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศรวมกัน ดังนั้นเราควรจะมีน้ำเพียงพอ แต่ที่ไม่พอเป็นเพราะเราปล่อยน้ำทิ้งไปเฉยๆ
เทศบาล 170 แห่ง (ไม่รวมกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเทศบาลเต็มพื้นที่จังหวัด) แค่ดูจำนวนประชากรในเขตเทศบาล คูณด้วยน้ำจืด 15 ลิตรต่อคนต่อวัน แล้วเทียบกับแหล่งน้ำจืดสำรอง แล้วก็น่าตกใจครับ ถ้าโชคไม่ดีที่ไม่มีเขื่อน/อ่างเก็บน้ำอยู่ใกล้ๆ อาศัยแม่น้ำ ลำธาร และน้ำบาดาล จะอยู่กันไปได้สักกี่วัน??? ถ้าแม่น้ำมีน้ำลดลง จะอยู่กันได้สักกี่วัน