งานเข้า พักชั่วคราว
อ่าน: 3326งานเข้าสองอาทิตย์ครับ งานสำคัญทั้งนั้น ขอพักงานเขียนไว้ก่อนนะครับ ไม่อยากโลกหมุนแบบปลายสัปดาห์ก่อนอีก
บันทึกนี้จะลบทิ้งหลังจากที่กลับมาเขียนอีกครับ
ลานซักล้าง: ใจซักได้ ถ้ารู้ตัว / นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา / สุทธิ อสุทธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย / Improvement begins with I
งานเข้าสองอาทิตย์ครับ งานสำคัญทั้งนั้น ขอพักงานเขียนไว้ก่อนนะครับ ไม่อยากโลกหมุนแบบปลายสัปดาห์ก่อนอีก
บันทึกนี้จะลบทิ้งหลังจากที่กลับมาเขียนอีกครับ
หลังจากกลับมาจาก เลย-พิษณุโลกเมื่อวันที่ 24-26 สิงหาคม ผมก็กลับไปเลยอีกเมื่อวันที่ 5-6 กันยายนที่ผ่านมา แต่การไปเที่ยวที่สองนี้ ไม่ได้นำรูปขึ้นให้ดูเพราะว่าเน็ตเจ๊งนะครับ ว่าแล้วก็เอารูปให้ดูดีกว่า แต่จะไม่บรรยายซ้ำอีกนะครับ
เน็ตผมมาแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ร่วมแก้ไขครับ
ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งต่อๆ มา เรื่องเด็กเนปาลประดิษฐ์แผงเซลแสงอาทิตย์ราคา 23 ปอนด์ ใช้เส้นผมมนุษย์แทนซิลิกอน ให้ศักย์ไฟฟ้า 8-9 โวลท์ (แล้วแต่แหล่งข่าว แต่มีรูปมิเตอร์วัดไฟได้ 8.98 โวลท์) และให้กำลังไฟฟ้า 18 วัตต์ มีการอ้างว่าได้แรงบันดาลใจมาจากนักฟิสิกส์ Stephen Hawking
Karki found that melanin, the stuff in human hair that gives it color, is light sensitive and can also act as a conductor to electricity. As he sees it, melanin could replace more expensive silicon components in commercially made solar panels making them easier to afford for villages that have no access to power.
เมื่อตอนที่เอดิสัน “ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า” ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1879 แต่นั่นเป็นเรื่องที่เกิด*หลัง*จากที่นักวิทยาศาสตร์อังกฤษ Humphry Davy ค้นพบในปี 1809 ว่าเมื่อต่อคาร์บอนระหว่างขั้วของแบตเตอรี่ คาร์บอนเรืองแสงขึ้น ต่อมาเมื่อ Sir Joseph Wilson Swan ใช้คาร์บอนทำจากฝ้ายใส่ในหลอดสูญญากาศ ก็สามารถสร้างหลอดไฟที่ส่องสว่างได้นาน 13.5 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม กระแสไฟฟ้าที่เอดิสันใช้ทำให้เส้นผมร้อนจนขาด ก็จะเป็นอาการคล้ายกับสิ่งประดิษฐ์อันนี้ครับ ถ้าใช้ได้จริงดังที่อ้าง เส้นผมที่ต่ออนุกรมกัน ก็จะมีกระแสไฟฟ้า 2 แอมแปร์ (18W ÷ 9V) วิ่งผ่านตลอดเวลา ซึ่งน่าจะร้อนจนเรืองแสงและขาดลงในที่สุด
เน็ตที่บ้านผมใช้ไม่ได้มาอาทิตย์กว่าแล้ว แม้จะยังเข้ามาอ่านและเขียนได้บางครั้งบางครา แต่ก็ไม่สะดวกเหมือนเดิม วันนี้ก็ยังไม่มีเน็ตเหมือนเดิมครับ แต่ถ้าจะทำอะไรแล้วมัวแต่รอ คงไม่ได้ทำ
ตั้งแต่ตั้งลานปัญญาขึ้นมา ผมเขียนบันทึกติดต่อกันมาทุกวันเป็นเวลาปีกว่า มีห้าร้อยกว่าบันทึก จนปลายเดือนที่แล้ว อุปกรณ์โทรคมนาคมระหว่างบ้านผมกับไอเอสพี “ไหม้” ไป จึงทำให้ใช้เน็ตแบบที่คุ้นเลยไม่ได้ ก็เลยหยุดเขียนชั่วคราว ประกอบกับได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ยังย่อยไม่หมด เมื่อตัดสินใจพัก ก็จะมีเวลาได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าจำเป็นต้องเขียนทุกวันหรือไม่ แล้วก็ตอบตัวเองอย่างหนักแน่นว่าไม่จำเป็น ไม่เห็นจำเป็นต้องพิสูจน์หรือสร้างสถิติอะไร แต่ที่เขียนไปเรื่อยๆ ก็เพราะมีเรื่องราว/มีประเด็นที่เห็นทุกวัน อยากเล่าให้ฟัง อยากชี้ประเด็นเผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เห็นว่ามีประโยชน์ และจะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างจากผู้ที่ไม่เห็นด้วย