ข่าวลือ

โดย Logos เมื่อ 15 April 2009 เวลา 18:02 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3564

เหตุการณ์ก่อความสงบนี้ ไม่ใช่ว่าจะปราศจากเค้าลาง เชื่อว่าผู้ที่สนใจข่าวสาร คงทราบดี ส่วนผู้ที่ติดตาม อาจจะคาดเดาได้ด้วยซ้ำไป

ผมอยากบอกว่าทุกฝ่ายคาดการณ์ผิด เหตุการณ์ลุกลามเพราะข้อมูลถูกบิดเบือน จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ผู้รับข่าวสาร คิดเอาเองโดยเชื่อข้อมูลที่ไม่ได้ตรวจสอบ ทำให้ต่างฝ่ายต่างคิดว่าเป็นผู้ถูกกระทำ ที่จริงแล้วผู้ถูกกระทำโดยความรุนแรงที่เกิดขึ้น คือสังคมไทยทั้งหมด

ในสถานการณ์อันซับซ้อนแบบนี้ ยากจะพูดว่าสาเหตุอันใดเป็นตัวจุดชนวน เหมือนมีผู้ยิงปืนแล้วมีคนเสียหาย กฏหมายจะต้องหาว่าใครเป็นผู้เหนี่ยวไก แต่ว่าในกรณีความไม่สงบนี้ สังคมไทยควรมองย้อนกลับไปนานกว่านั้น หาทางป้องกันไม่ให้ใครเอาลูกไปใส่ในปืนต่างหาก

  • คนฟังอยากฟังเรื่องที่อยากฟัง แต่คนพูดกลับพูดในเรื่องที่อยากพูด ดังนั้นเมื่อพูดออกมา คนบางส่วนจึงไม่ฟัง
  • ในเมื่อเรื่องที่พูด กับเรื่องที่อยากฟังเป็นคนละเรื่อง ความคิดจึงไปกันคนละแนว ยังแตกต่างกันโดยพื้นฐาน คุยกันไม่รู้เรื่อง เป็นประเด็นการจัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่ต้องการสื่อ
  • ในเหตุการณ์ชุลมุน ไม่มีช่องทางการสื่อสารโดยตรงระหว่างกลุ่มที่ขัดแย้งกัน ฝ่ายก่อความไม่สงบปิดข่าวสารจากรัฐจากผู้ชุมนุม ใช้ข่าวสารของตนเองเท่านั้น ส่วนรัฐปิดช่องทางสื่อสารของอีกฝ่ายหนึ่งไปยังแนวร่วม
  • การที่สื่อข้อความทางเดียว ไม่ทำให้การสื่อข้อความสมบูรณ์ ผู้สื่อข้อความออกไป ไม่มีทางรู้ได้ว่าผู้รับรับข้อความนั้นได้หรือไม่ รับได้ถูกต้องหรือไม่ รับถูกต้องแล้วเข้าใจหรือไม่ เข้าใจแล้วจะเชื่อหรือไม่ เชื่อแล้วจะปฏิบัติตามหรือไม่
  • ข้อความที่น่าเชื่อถือ มักจะมีส่วนผสมระหว่างข้อเท็จจริง (ซึ่งต่างกับความจริง) กับสิ่งที่ผู้รับข่าวสารต้องการจะได้ยินและต้องการจะเชื่อ ฟังดูสมเหตุผล แล้วปล่อยให้ผู้ฟังคิดไปเอง
  • ข่าวลือที่พูดต่อๆกันไป คือการรับประกันความถูกต้องของข้อมูล ด้วยความน่าเชื่อถือของตัวผู้พูดเอง แล้วเมื่อปล่อยข่าววนไปวนมาในกลุ่ม ข่าวสารเรื่องเดียวกัน กลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพราะคือการยืนยันซ้ำข่าวสารที่ต้องการจะเชื่ออยู่แล้ว หน่วงเวลาตามธรรมชาติโดยการลืออ้อมไปอ้อมมา

ตัวอย่างการตรวจสอบข่าวลือ

ข่าว: “มีการนำศพผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมบริเวณแยกดินแดง  เมื่อเช้ามืดวันที่ 13 เม.ย. จำนวนสองร้อยศพ มาซุกซ่อนอยู่ที่โรงแรม {ระบุชื่อภาษาัอังกฤษพยางค์เดียว}”

ปฏิกริยาแรก: ผมเกิดและโตที่กรุงเทพ อยู่มาหลายสิบปี ก็ไม่รู้จักโรงแรมนี้ ผมจึงไม่มีความรู้พอที่จะตัดสินว่า “ควร” จะเชื่อหรือไม่ ถ้าอยากรู้ ต้องหาข้อมูลเพิ่ม

การตรวจสอบ: เปิด GPS ค้นโรงแรมหานี้ ได้ตำแหน่งว่าอยู่ห่างจากศูนย์กลางการชุมนุม 400 เมตรวัดระยะตรง แต่ถ้าขับรถ จะห่าง 1.3 กม.

ความคิด: ถ้านำศพมาซ่อนไว้ที่นี่ำ ต้องฝ่าการปิดถนนมาหลายด่าน นำขบวนรถบรรทุกฝ่าผู้ชุมนุมเข้ามา เพื่อเอามาไว้ใกล้สถานที่ชุมนุม ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

ข้อสรุป: ไม่เชื่อข่าวนี้

« « Prev : สื่อโทรทัศน์ไทย ไม่เรียนรู้อีกแล้ว

Next : ตัดสิน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 nontster ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 April 2009 เวลา 18:15

    ควรใช้หลัก กาลามสูตร

  • #2 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 April 2009 เวลา 18:28

    คุณโยมนำเสนอตรรกศาสตร์ (Logic)

    กระบวนการคิดมี ๕ ข้อ  กล่าวคือ ข่าว ปฏิกิริยาแรก การตรวจสอบ ความคิด และ ข้อสรุป ซึ่งเทียบเคียงแล้ว สอดคล้องกับระบบตรรกศาสตร์อินเดียโบราณ ซึ่งประกอบด้วยองค์ ๕ เหมือนกัน กล่าวคือ ปฏิญญา เหตุ อุทาหรณ์ อุปนัย และ นิคมน์ เพียงแต่ชื่อเท่านั้นที่ต่างกัน…

    น่าจะเป็นความบังเอิญมากกว่าความจงใจ (……………)

    เจริญพร

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 April 2009 เวลา 19:14
    #2 นมัสการวันครอบครัวครับ

    ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 เม.ย. เป็นต้นมา เน็ตผมเสียครับ พระอาจารย์จึงมองไม่เห็น ไม่ได้หลบไปไหนนะครับ เน็ตแก้ไขไม่ได้เร็วกว่าวันจันทร์ที่ 20 เม.ย. เพราะว่าเข้าไปแก้ไขอุปกรณ์ที่เสียไม่ได้ เนื่องจากตึกที่ฝากอุปกรณ์ไว้นั้น ปิดทำการ

    เรื่องที่เขียนในบันทีกนี้ เป็นหลักคิดธรรมชาติที่ควรจะเกิดขึ้นตามปกติทั่วไป ไม่ได้นึกถึงตรรกศาสตร์หรอกครับ

    #1 เห็นด้วยครับ อ.วรภัทร์เคยเขียนบันทึกเตือนไว้ว่าเวลาเราอ่านกาลามสูตร มักอ่านไม่หมด ถ้าถามวิธีปฏิบัติ 10 ข้อ (ที่ไม่ควรทำ) ตอบได้หมดเลย แต่กลับลืมใจความสำคัญของพระสูตร ซึ่งอยู่ต่อจาก 10 ข้อนั้นไปซะเฉยๆ

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 April 2009 เวลา 19:31

    การสื่อสารเป็นประเด็นคู่กับสังคมมาตลอดทั้งในแง่สร้างสรรค์ และทำลาย ทุกยุคสมัย ตั้งแต่คนสองคน ครอบครัว หมู่บ้าน สังคม ประเทศ โลก ล้วนอยู่ภายใต้การสื่อสารทั้งสองแบบ

  • #5 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 April 2009 เวลา 19:40

    ข่าวลือคือข่าวที่คนปล่อย”ต้องการ”ให้เป็นจริง..เป็นนิยามข่าวลือของคนที่รู้ว่าใครเคยให้ไว้ค่ะ จะเห็นว่าข่าวลือทรงอิทธิพลเนื่องจากมีความต้องการของผู้ให้ข่าวอยู่ในสื่อนั้นด้วย และถ้าความต้องการนั้นสอดคล้องกับความต้องการของคนอื่น ข่าวลือยิ่งไปเร็วและขาดการตรวจสอบเพราะรับกับความเชื่อหรือความสนใจของตนอยู่แล้ว

    ข่าวลือทรงอิทธิพลที่สุดเพราะเป็นข่าวแบบปากต่อปาก ..ซึ่งในยุคปัจจุบันคงต้องรวมวงแชทด้วยนะคะ  การปฏิบัติการข่าวสารด้านข่าวลือได้เข้ามามีอิทธิพลสร้างความตระหนก(ที่ไม่ตระหนัก) ให้กับสังคมได้มาก แม้จะเป็นข่าวที่เกิดขึ้นง่ายๆและบ่อยๆโดยไม่ทราบต้นตอที่มาหรือความชัดเจนก็ตาม

    ที่ผ่านมาข่าวลือมักก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบมากกว่าด้านบวกค่ะ เพราะเป้าประสงค์ของผู้ปล่อยข่าวคือหวังทำลาย

    คงจำกรณีจราจลที่กัมพูชาได้นะคะ เสียหายกว่า 2000 ล้านเพราะข่าวลือที่ไร้ต้นตอ แต่สามารถจุดประกายอารมณ์ร่วมของคนกลุ่มหนึ่งได้โดยใช้วิธีการทางจิตวิทยา  จริงๆข่าวลือไม่ต่างอะไรกับโฆษณาชวนเชื่อนะคะ แต่โฆษณาชวนเชื่อมีหลักการที่แน่นอนกว่าที่จะกระตุ้นจิตใต้สำนึกของคน และโฆษณาชวนเชื่อไม่เหมือนโฆษณา อิอิอิ

    ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามักมีแต่ข่าวลือทำลาย ไม่เคยมีข่าวลือแล้วสร้างสรรค์เลยค่ะ  หลักการที่พี่รุมกอด คุณ Nontster และหลวงพี่กล่าวถึงจึงเป็นหลักสำคัญในการเผชิญกับข่าวลือ(หรือโฆษณาชวนเชื่อ)

    แม้แต่ภาพข่าวที่อ้างว่าเสียชีวิต ก็ได้รับการยืนยันว่ายังอยู่และอาการปลอดภัยแล้วแต่ยังดูอาการอย่างใกล้ชิดที่ีห้องไอ ซี ยู รพ.ราชวิถี…สิ่งเหล่านี้คงยืนยันได้ว่าอิทธิพลของข่าวลือและการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นสำคัญเพียงใดนะคะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.070023059844971 sec
Sidebar: 0.13175487518311 sec