โลกร้อน (2.3.3)

อ่าน: 7152

ที่ผ่านมา ผมเจตนาไม่แวะไปเรื่องการแก้ไขปัญหาโลกร้อนครับ มีหลายสาเหตุครับ

  1. ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ความคิดที่บอกว่าทำอย่างนี้ซิ แล้วหวังว่าจะแก้ไขได้ เป็นความคิดแบบที่ยังติดกับการทำข้อสอบ
  2. การเลื่อนปัญหาออกไปในอนาคต หรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ได้เป็นการแก้ไขอะไรเลย
  3. การแก้ปัญหาที่สาเหตุ มีโอกาสที่จะได้ผลลัพท์ตามประสงค์ที่ยั่งยืน มากกว่าการมั่วไปเรื่อยๆ เป็นครั้งคราว เหมือนไฟไหม้ฟาง

ปัญหา โลกร้อน เริ่มมาจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศ ก๊าซเรือนกระจกเป็นก๊าซที่ประกอบด้วยอะตอมของคาร์บอน ไฮโดรเจน และ/หรือออกซิเจน ก๊าซเหล่านี้ เพิ่มปริมาณขึ้นมากมาย เนื่องจากการเผาไหม้ เปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีของเชื้อเพลิงให้เป็นก๊าซ เพื่อให้เราเอาพลังงานไปใช้; การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลอันได้แก่น้ำมัน และการผลิตปิโตรเคมีต่างๆ

การแก้ไขภาวะโลกร้อน พูดง่าย แต่ทำยาก ในเมื่อต้นเหตุคือก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ วิธีแก้ไขก็คือเอาก๊าซเรือนกระจกออกจากบรรยากาศ; การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทน ฯลฯ เป็นการบรรเทาปัญหาไม่ให้รุนแรงกว่าในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศลงเลย แต่ทำให้อัตราการเพิ่มของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกไปในบรรยากาศน้อยลง ถึงยังไงก็ยังดีกว่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตั้งหน้าตั้งตาทำลายโลกต่อไป

ปลูกต้นไม้แก้โลกร้อน ต่อชีวิตตนเอง ลูกหลาน และอารยธรรมมนุษย์

เนื้อไม้ประกอบด้วยเซลลูโลส (C6H10O5)nโดยที่คาร์บอนในเซลลูโลส พืชได้มาจากกระบวนการสังเคราะห์แสงโดยดูดคาร์บอนไดอ็อกไซด์มาจากบรรยากาศ

6 CO2(g) + 12 H2O(l) + photons → C6H12O6(aq) + 6 O2(g) + 6 H2O(l)
carbon dioxide + water + light energy → glucose + oxygen + water

พืช เอาคาร์บอนไดอ็อกไซด์จากอากาศ น้ำจากราก แสงแดดจากดวงอาทิตย์ มาสร้างกลูโคส (ก่อนนำกลูโคสไปสร้างเป็นเซลลูโลส) คายออกซิเจน และน้ำออกมาทางใบ

ถ้าเผาไม้ คาร์บอนที่พืชเก็บไว้ในรูปของเซลลูโลส ก็จะถูกปล่อยออกสู่บรรยากาศในอัตรา ไม้แห้ง 1 ตัน ปล่อยคาร์บอนไดอ็อกไซด์ออกมา 1.833 ตัน

ในทำนองกลับกัน การปลูกต้นไม้ที่มีน้ำหนักไม้แห้ง 1 ตัน ก็จะดูดคาร์บอนไดอ็อกไซด์จากบรรยากาศเข้าไป 1.833 ตัน

นี่เป็นที่มาของการปลูกต้นไม้สามารถนำไปเคลมคาร์บอนเครดิต (และขึ้นเงินได้) ในบันทึกโลกร้อน (2.3.1)

ปลูกต้นไม้แบบไหนดี

จะปลูกอะไรก็ดีทั้งนั้น ตราบใดที่ไม่เผา

แต่เมื่อมองอรรถประโยชน์โดยรวมแล้ว ไม้ยืนต้นที่มีน้ำหนักมาก อายุยืนยาว จะดีกว่าไม้เล็ก ไม้ล้มลุก ซึ่งมีโอกาสถูกเผาทำลายมากกว่า

อ้าปากรอก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ลอยมาเข้าปากแบบนางสวาหะ (แม่หนุมาน) ไม่เวิร์คครับ ไม่เวิร์ค

« « Prev : เฮฯ หก: เบื้องหลังภาพถ่ายที่เอามาอวด

Next : เมกะโปรเจ็ค » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 December 2008 เวลา 10:15

    ฟังข่าวล่าสุด จีน กับอเมริกา ยังบ่ายเบี่ยงไม่ลงนามสัญญาเกียวโต เค้าวิจารณ์ว่า แม้ทั้งโลกจะร่วมมือกัน แต่ถ้าสองยักษ์ใหญ่นี้ไม่ทำตาม การแก้ปัญหาเรื่องนี้ก็มีผลน้อย…

    ประเด็นนี้ก็คล้ายๆ กับหลายๆ ประเด็น ที่ผู้ไม่กระทำตามมักอ้างว่าผู้มีอำนาจไม่ทำตาม… การเหนี่ยวรั้งแล้วดึงกลับมาจึงเป็นไปได้ยาก โลกนี้จึงได้แต่ตกกระไดพลอยโจน แล้วก็ไปแก้ปัญหาเอาข้างหน้า…

    เมื่อมองตามนัยสิคาลกสูตร กรรมกิเลส ๔ และ อคติ ๔ คือที่มาของปัญหาทุกอย่าง…

    เจริญพร

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 December 2008 เวลา 10:21
    สาธุ

    เมื่อเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่นำพากับอนาคต อย่างนี้ ไม่เหมาะจะเป็นผู้นำ หรือผู้แทนของอะไรทั้งสิ้นครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.21245908737183 sec
Sidebar: 0.039038896560669 sec