จะเอาผลแต่รดน้ำเฉพาะกิ่ง
อ่าน: 4775มีคนบ่นว่าบ้านเราดีแต่ขายแรงงานราคาถูก ไม่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ขายในระดับนานาชาติได้เอง ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาคิดเป็นระดับ 0.3% ของจีดีพี ซึ่งต่ำต้อยด้อยพัฒนาซะเหลือเกิน ประเทศที่พัฒนาแล้วมีตัวเลขนี้สูงกว่าเราสักสิบเท่า จึงหนีไม่รอดที่จะนำเข้าการออกแบบ นำเข้าวัตถุดิบมาผสมกับแรงงานราคาถูก แล้วขายออกไปสู่ตลาดโลกในราคาถูก กำไรที่เกิดขึ้น บริษัทข้ามชาติก็นำกลับไปหมด เหลือเป็นเพียงค่าแรงและเศษภาษีถูกๆ ให้กับคนไทย (เผลอๆ ได้ BOI ไม่เสียภาษีอีกด้วยซ้ำไป)
แต่วันนี้ค่าแรงของเราไม่ได้ถูกอีกต่อไปแล้ว ทั้งสังคมไม่ได้ขวนขวายที่จะพยายามทำอะไรด้วยตัวเอง ติดแหงกอยู่กับความสะดวกสบาย เคยมีอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีให้ความเห็นไว้ว่าซื้อเอาง่ายกว่า คุ้มกว่าทำเอง (ซึ่งถูกต้องเมื่อมองเฉพาะเรื่องราคา แต่ไม่ถูกเมื่อมองเรื่องความยั่งยืน) การศึกษาถูกบังคับด้วยหลักสูตรและ “มาตรฐานการศึกษา” ซึ่งรับประกันว่าเป็นความรู้แห้งๆ ทำอะไรไม่เป็น เด็กส่วนหนึ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยและเรียนต่อไปได้ ซึ่งเป็นการเลื่อนเวลาการตกงานออกไปในอนาคต
เหมือนกับที่จั่วหัวเรื่องไว้ ผมคิดว่าอาการอย่างนี้ เป็นเหมือนความต้องการที่จะเอาผล แต่ไปรดน้ำเฉพาะตรงกิ่ง แทนที่จะบำรุงทั้งต้นโดยเริ่มตั้งแต่ราก ไม่ว่าจะปฏิรูปการศึกษามากี่หน ก็ไม่เคยคิดว่าบางทีปัญหาจะอยู่ที่ตัวคนปฏิรูปเอง ปฏิรูปไปกี่ครั้งก็เหมือนเดิม เช่นเดียวกับการทำรัฐประหาร และการเลือกตั้ง
คลิปที่นำมาให้ดูนี้ เป็นกิจกรรม Maker Faire ในประเทศเกาหลี เป็นเหมือนนิทรรศการที่เปิดให้นักประดิษฐ์นำงานประดิษฐ์ของตนมาแสดงได้ งานประดิษฐ์นั้น นักประดิษฐ์ออกเงินเอง เกิดจากความรักในงาน และความเชื่อมั่นว่าตนสามารถทำให้มันเกิดขึ้นมาได้สำเร็จ ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนมากหรอกครับ ถ้าความรู้นั้นเป็นของจริง ก็น่าจะหาวัสดุประกอบที่มีราคาไม่แพงได้ แล้วถ้าเจ๋งจริง ควรหาสปอนเซอร์ได้
งาน Maker Faire ไม่มีรางวัลการประกวดอะไร นักประดิษฐ์ไม่ใช่ว่าจะเอาเงินฟาดหัวได้ทุกคนหรอกครับ มันเป็นงานสร้างสรรค์ เป็น arts มากกว่า science แต่ใช้ความรู้หลากหลายสาขา แค่มีผู้ชื่นชม เห็นประโยชน์ เห็นค่าก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ถ้าสิ่งประดิษฐ์ดีจริง มีผู้ผลิตมาติดต่อ ก็จะเป็นช่องทางทำมาหากินต่อไป บิลเกตส์เริ่มไมโครซอฟท์จากการเขียน BASIC interpreter ให้ Altair 8800 นะครับ เป็นโปรแกรมง่ายๆ ที่ทำให้โลกมีบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ — ผมว่าผู้เข้าชมงานควรจะจ่ายเงินค่าเข้าชมมากกว่าจะเข้าฟรีไปเดินตากแอร์นะครับ ยี่สิบบาทน่าจะเหมาะสม หักค่าพื้นที่แล้วเหลือเท่าไร แบ่งจ่ายคืนให้นักประดิษฐ์ที่นำผลงานมาแสดงไป ถึงนักประดิษฐ์จะไม่เสียค่าบูธ แต่ก็มีค่าเดินทาง ค่าขนส่ง ค่าที่พัก ฯลฯ
แล้วงานอย่างนี้ ควรจะจัดขึ้นกระจายไปทั่วประเทศ มีรายการทีวีไปรายงาน เลือกสรรสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจมาเผยแพร่… แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ งานสัปดาห์นักประดิษฐ์จัดในกรุงเทพปีละครั้ง นอกจากพิธีเปิดซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ยังไม่ค่อยมีทีวีไปเจาะดูสิ่งประดิษฐ์เลย คงไม่ค่อยเก็ตกันว่าการประดิษฐ์มีความสำคัญอย่างไร ทำไมจึงต้องเผยแพร่สนับสนุน
« « Prev : บ่อปลาและแปลงผักในป่าคอนกรีต
Next : ถอดบทเรียนการทำหนังสือ โมเดลบุรีรัมย์ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "จะเอาผลแต่รดน้ำเฉพาะกิ่ง"