พักบ้าง
อ่าน: 3646ผมแทบจะเขียนเรื่องการจัดการภัยพิบัติล้วนๆ มาสักปีหนึ่งแล้วครับ เขียนทุกวัน วันละเรื่องหนึ่ง ก็สามร้อยกว่าเรื่องแล้ว
สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการความหลากหลายในลานซักล้างเหมือนก่อน คงเต็มกลืนเหมือนกัน (แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ…ผมไม่ถือ) ผมว่าเขียนเรื่องที่ต้องเขียนก่อนดีกว่านะครับ และการเขียนเรื่องเครียดๆ นี้ ก็ไม่ได้เครียดตามหรอกนะครับ ไม่ใช่ว่าอินจัด หรือพยายามสร้างภาพว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เพียงแต่พิจารณาแล้วว่าขืนทำกันอย่างที่เคยทำกันอยู่ คงไม่แคล้วหมดตัวซ้ำซาก โดนภัยแล้วโดนภัยอีก
เพราะคนเราไม่ใช่หุ่นยนต์ จึงไม่มีด้านเดียว ผมก็เช่นกัน มีการบอกบุญบน facebook เพื่อร่วมกันสร้างพระขนาดหน้าตัก 9 ศอก สูง 10 เมตร ที่นครศรีธรรมราชมาสักพักแล้ว ในการนี้ ยังมีการสร้างพระขนาดหน้าตัก 26 นิ้ว อีกสี่องค์ ถวายวัดต่างๆ ในหลายภูมิภาค ซึ่งกำหนดจะถวายองค์แรกที่วัดมงคลชัยพัฒนาในวันศุกร์นี้แล้ว (วัดนี้เป็นพื้นที่แห่งแรกที่ทดลอง “ทฤษฎีใหม่” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) แต่ใกล้กำหนดการแล้ว ยังขาดเจ้าภาพอยู่ เมื่อได้ทราบดังนี้ ผมจึงปรึกษากับพ่อแม่ เพื่อที่ครอบครัวจะรับเป็นเจ้าภาพองค์แรกที่เวลากระชั้นชิดที่สุด และได้ตอบตกลงไป ประกอบกับในเวลาใกล้เคียงกัน องค์ที่สองซึ่งจะถวายวัดที่ อ.สีคิ้ว วันเสาร์หน้า ก็มีเจ้าภาพเรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงเดินทางไปรับพระทั้งสององค์ที่อุทัยธานี เป็นสมเด็จองค์ปฐม (พระพุทธเจ้าพระองค์แรก) สมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องพระเจ้าจักรพรรดิ ปิดทอง ประดับแก้ว
ตอนเย็น กลับมาถึงบ้าน ก็เชิญพระมาประดิษฐานไว้ในห้องรับแขก ช่วยกันแกะผ้าห่อและโฟมกันกระแทกออกเพื่อชื่นชมพร้อมกับปูและเปาว์ องค์พระงามสมใจ พอออกไปส่งทั้งสองคนกลับบ้าน หมานอกบ้านเห็นเข้า ก็เรียกร้องกันใหญ่ เลยต้องเลี้ยงหมาก่อน เข้าบ้านมาอีกที ปรากฏว่าพ่อแม่มาดูพระ สักครู่เดียวน้องสาวก็ตามมาดูด้วย เห็นประกายตาของพ่อแม่ก็มีความสุขแล้วครับ
ไม่รู้ว่าพักยังไง แต่เหนื่อยทั้งวัน เริ่มตั้งแต่หกโมงเช้า ออกเดินทางไปอุทัยธานี ตอนแรกว่าจะมากันสี่คน+ผม+คนขับ แต่ว่าติดภารกิจไปหนึ่งและยังป่วยอยู่หนึ่ง ทริปนี้ไปวัดท่าซุง ไหว้พระทั่ววัด จากนั้นพาปูกับเปาว์ไปเลี้ยงปลา พร้อมกับชี้ให้ดูเครื่องกรองน้ำซึ่งพ่อมาทำให้วัดตั้งแต่สมัยยังไม่เจริญ (ไม่มีน้ำประปา และยังมีแต่ฝั่งแม่น้ำอยู่ฝั่งเดียว เกือบสี่สิบปีก่อน) เลี้ยงปลาเพลิน เวลาเลยเที่ยงไปพอสมควรแล้ว ก็เลยไปกินข้าวริมน้ำ ปรากฏว่าน้ำเหลืออีกสักเมตรจะล้นตลิ่ง ถ่ายวิดีโอมาแต่ไม่รู้หายไปไหน
กินข้าวเสร็จ ก็ไปรับพระจากโรงหล่อพระ พระทั้งสององค์ห่อมาเพื่อการขนส่งอย่างเรียบร้อย แล้วก็เดินทางกลับ แต่ไม่วายแวะไหว้พระตามทางกลับ (หาเรื่องดูระดับน้ำ) จุดแรกคือวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นวัดที่หลวงปู่ศุข (อาจารย์ของกรมหลวงชุมพร) เคยจำพรรษาอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน น้ำในแม่น้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 2.5 เมตร แต่ตรงนี้แม่น้ำกว้าง วัดปากคลองมะขามเฒ่าอยู่ใกล้กับวัดธรรมามูลวรวิหาร
จากนั้นก็แวะที่วัดธรรมาราม อยุธยา เพื่อดูเขื่อนกั้นน้ำซึ่งเป็นความพยายามป้องกันตัวเอง เขื่อนนี้มีลักษณะคล้ายๆ กับในบันทึก [รั้วกั้นน้ำ] หลักการก็คือใช้ผนังแข็ง ยันน้ำที่ยกตัวเอาไว้ แล้วใช้เหล็กยันผนังไว้อีกที ส่วนผิวหน้าก็เอาพลาสติกวางไว้ที่แนวประทะของน้ำ ทำให้น้ำซึมผ่านกำแพงได้ยาก ส่วนที่รั่วซึมเข้ามา ก็จะสูบออกไปทิ้ง
ส่วนรูป ถ่ายมาตามอารมณ์นะครับ เพราะว่าเป็นทริปไหว้พระ ไม่ใช่ทริปถ่ายรูป
สำหรับพระ ขอได้โปรดอนุโมทนาด้วยเถิดครับ ผมไม่ได้ประกาศไปในลานปัญญา เพราะแค่บอกครอบครัวก็ได้ปัจจัยครบแล้วนะครับ สำหรับท่านที่มีจิตศรัทธาจะสร้างพระ ก็ขอให้ดูรายละเอียดได้บน facebook ตามลิงก์ข้างบนครับ
« « Prev : ไม่สวยหรู แต่ใช้งานได้
Next : วัดมงคลชัยพัฒนา สระบุรี » »
6 ความคิดเห็น
พระงามมากค่ะ ขออนุโมทนานะคะ _/\_
เรื่องการจัดการภัยพิบัติ เป็นเรื่องน่าสนใจมาก หาอ่านที่ไหนไม่ได้ จึงตามอ่านตลอด แต่คอมเมนท์ไม่ออก เนื่องจากไม่มีประสบการณ์และความรู้ที่เกี่ยวเนื่อง จึงได้แต่รับความรู้อย่างเดียว
ต้นสาละที่ว่ากันว่าพระมารดาโน้มกิ่งถวายประสูติกาลแห่งพระสมณโคดม เห็นลูกแล้วเหมือนแคนตาลูปสีคล้ำ ไม่ทราบว่ามีใครทำวิจัยหาสรรพคุณทางยาบ้างไหม เช่น กินแล้ว อาจคลอดลูกง่ายก็เป็นได้นะ
#2 รับอย่างเดียวก็ไม่เป็นไรครับ เพียงแต่เมื่อถึงเวลา ระลึกให้ได้ว่าควรจะทำอะไร
#3 ไม่ทราบครับ ค้น “สาละ คลอด” ไม่พบอะไร วิกิพีเดียไม่บอกอะไรเหมือนกันครับ
ลองค้น สาละ ประสูต ดูนะครับ