ครึ่งเฮโคราช
อ่าน: 3777ไปงานเฮโคราชคราวนี้ มีเซอร์ไพรซ์คือป้าจุ๋มไปด้วยครับ ไม่ได้บอกใครก่อนเพราะยังไม่แน่นอน
วันศุกร์ออกเดินทาง ผมไปรับป้าจุ๋มที่บ้าน แล้วไปรับครูปูเพื่อขนขวด คราวนี้เอาผ้าใบสีขาวขนาด 6 x 9.2 ม. ไปฝากครูบาและได้มอบให้แม่หวีไว้ที่รถ เอาไว้บังแดดบังฝนแถวลานไผ่ที่สวนป่า แล้วเอาพจนานุกรมคำวัดไปฝาก อาจารย์ทวิช เพื่อแสดงความขอบคุณที่รับเป็นเจ้าบ้านด้วย แต่ดันลืมเอาหนังสือเจ้าเป็นไผไปฝาก
ทั้งคณะพักกันที่สุรสัมนาคาร ซึ่งเป็นที่พักในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สะดวกสบายดี; พอไปถึง เนื่องจากเมื่อคืนก่อน ผมดันไม่ได้นอน ดังนั้นพอเช็คอินเสร็จ ตรวจสอบสัญญาณอินเทอร์เน็ตว่าไม่มีแน่ ก็เผลอเดี้ยงหลับไป เลยพลาด session แรกเรื่องจุลินทรีย์ ที่จริงมีปัญหาคาใจอยู่อันหนึ่ง อดถามอาจารย์เลย — สืบเนื่องจากบันทึก [เกิดอะไรขึ้นในท้องวัว] วัวกินพืชซึ่งเป็นเซลลูโลส แล้วกระเพาะแรก (รูเมน หรือผ้าขี้ริ้ว) เปลี่ยนเซลลูโลสไปเป็นเอทิลอะซิเตท และสารอาหารอื่นๆ ด้วยกระบวนการหมักร่วมกับจุลินทรีย์ในผ้าขี้ริ้ววัวชื่อ Moorella thermoacetica — เมืองไทยมีใบไม้และหญ้า (และขยะอินทรีย์) อยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าหากสามารถจำลองกระบวนการหมักในผ้าขี้ริ้ววัวได้ ก็น่าจะสามารถผลิตเอทิลอะซิเตทได้เป็นจำนวนมากด้วยต้นทุนที่ต่ำ และเอทิลอะซิเตทเปลี่ยนเป็นเอทานอลด้วยกระบวนการทางเคมีได้ง่ายมาก เมื่อนำเอทานอลไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง ก็จะทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงถูกลงได้
พอเย็นแล้ว คณะเฮยกพวกไปบ้านอาจารย์ทวิช ป้าจุ๋มกรุณาโทรมาปลุก ผมก็รีบเผ่นไปบ้านอาจารย์ทวิช (แต่ไม่ก่อนจะแวะ 7-11 ซื้อน้ำมาตุนไว้) ตั้งใจจะไปชิมไก่ย่างสูตรพิเศษ และก็ได้ชิมสมใจ วิธีย่างไก่ก็พิสดาร มีวิทยาศาสตร์ปนอยู่ในนั้นเยอะแยะ แถมไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์แบบในตำรา แต่เป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินชีวิตปกติ ทั้งวิธีกำจัดควัน(ซึ่งมีสารก่อมะเร็ง) ประสิทธิภาพของเตา การประหยัดเชื้อเพลิง(ไม้) ฯลฯ เล่าละเอียดไม่ได้เพราะมีงานบางอย่างซึ่งมีโอกาสได้ดู ยังเป็นงานที่ยังเปิดเผยไม่ได้
คุยกันไปคุยกันมา มีคนบ่นว่ายุงกัด แหมจะไม่กัดยังไงไหวครับ หลังบ้านอาจารย์เป็นป่า เมื่อก่อนมีงูชุกชุม เลยต้องออกมาซื้อยากันยุงอีกรอบหนึ่ง แต่ไม่ได้ซื้อยากันงู — มี GPS ก็ดีไปอย่างคือไม่หลงในที่ที่ไม่คุ้นเคยครับ; นั่งคุยกันหลังบ้านอาจารย์ทวิช แยกเป็นสองวง บางทีก็เชื่อมเป็นวงเดียว จนสามทุ่มกว่าป้าจุ๋มนัดน้องชายมารับ แม่ใหญ่ก็เป็นห่วงลูกสาวที่ขับรถมาให้ซึ่งนั่งทำงานอยู่ที่ที่พัก ก็ต้องเลยขอตัวออกมาก่อน
รุ่งขึ้น ผมตื่นลงมากินข้าวเช้าก่อนใคร แปดโมง ครูบากรุณาโทรมาปลุก แต่ตอนนั้นผมกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว (ฮี่ฮี่ฮี่) กำลังนั่งเม้าธ์อยู่กับแม่ใหญ่ ลูกสาว และอ้ายเปลี่ยน เก้าโมงเช้า อาจารย์ทวิชก็มาพาไปดูพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีไทยโบราณซึ่งเป็นสิ่งที่อยากมาดู — ผมเห็นด้วยกับครูบาว่าถ้ามาดูเอง คงไม่เก็ตเท่ากับการมีอาจารย์ทวิชบรรยายให้ฟัง เพราะอาจารย์ไม่เพียงแต่บรรยายลักษณะทางกายภาพ แต่ยังมีแก่นของความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโบราณซึ่งซ่อนอยู่ในวัตถุที่จัดแสดงแต่ละชิ้น ร่ำเรียนศึกษามาก็เยอะ มองดูวัตถุจัดแสดงมากมาย เข้าใจได้เองประมาณ 50% แต่พออาจารย์ทวิชตั้งข้อสังเกต จึงเห็นประเด็นใหม่ๆ นับเป็นโอกาสดีของชีวิตจริงๆ
เกิดการเปลี่ยนโปรแกรมกันกลางอากาศตั้งแต่ตอนเช้า คือว่าคณะจะแวะไปสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช แล้วจะย้ายไปนอนที่สวนป่า เผอิญผมเพิ่งไปเที่ยวแถวสะแกราชมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว [คนเมืองแบบคนป่า คนป่าแบบคนเมือง] ประกอบกับน้องชายป้าจุ๋มเมื่อเดือนที่แล้วป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนป่วยซ้ำด้วยโรคหลอดเลือดสมอง (กลุ่มอาการเดียวกันเพียงแต่เกิดกันคนละที่) เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลได้วันเดียว แม้การฟื้นตัวจะเร็วมากและดูจะไม่มีความเสียหาย ป้าจุ๋มอยากให้ผมได้คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แล้วผมก็อยากคุยกับทั้งผู้ป่วยและคนใกล้ชิดด้วย
เรื่องช่วยคนสำคัญกว่าเรื่องเที่ยว ก็เลยขอแยกตัวจากคณะ ลาไปคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกินอาหารเวียดนาม แต่จำไม่ได้แล้วครับว่าพูดอะไรไปบ้าง เสร็จแล้วพาป้าจุ๋มไปเก็บของ แล้วเดิมที่ว่าจะไปส่งอ้ายเปลี่ยนที่ท่ารถเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพตอนเที่ยง ก็ไม่จำเป็นแล้วเพราะทั้งรถผมเดินทางเข้ากรุงเทพพร้อมกันได้เลย ส่งอ้ายเปลี่ยนที่โรงแรม ส่งป้าจุ๋มที่บ้าน กลับถึงบ้านทุ่มหนึ่ง ความสิ้นเปลือง 5.9 ลิตร/100 กม. (~17 กม./ลิตร) รวมรถติดน้ำท่วมตรงแก่งคอยด้วย
ตกลง เฮโคราชเที่ยวนี้ เรื่องที่อยากทำทั้งสามเรื่อง ก็ได้ทำสมใจครับ
2 ความคิดเห็น
ป้าจุ๋มต้องขอโทษจริงๆค่ะที่นิ่งเงียบอยู่ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า(นับว่าเสียมารยาทมากทีเดียวค่ะ… ) เพราะช่วงนั้นมีความกังวลไม่สบายใจและความไม่แน่นอนหลายอย่างค่ะ