คำถามโดนก้านคอ

โดย Logos เมื่อ 27 May 2010 เวลา 18:02 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #
อ่าน: 3598

ในชีวิตหนึ่ง แต่ละคนคงไม่น่าจะเจอคำถามแบบนี้บ่อยหรอกนะครับ

ลูกน้องผมคนหนึ่ง มาสัมภาษณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมเข้าไปนั่งสังเกตการณ์กับกรรมการสัมภาษณ์ด้วย แต่ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นอะไรในบริษัท ฟังคำถามสัมภาษณ์ก็เป็นคำถามพื้นๆ ทั่วไป เมื่อใกล้จบ กรรมการสัมภาษณ์หันมาถาม(ด้วยความเกรงใจ)ว่ามีอะไรจะเพิ่มไหม

เนื่องจากไม่รู้จักกันมาก่อน ทำให้ไม่รู้ว่าจะเหมาะกับบริษัทหรือไม่ เหมาะกับอะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร (ไม่ใช่เรื่องผิดที่รู้จักกันมาก่อน แต่ “เด็กเส้น” คืออาการที่รับเข้ามาทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เหมาะ ซึ่งก็ไม่ใช่กรณีนี้) ผมก็ถามไปว่า นั่งคุยกันสิบห้านาทียังไม่รู้อะไรเลย ลองช่วยบอกกรรมการสัมภาษณ์หน่อย ว่าทำไมจึงควรรับเข้ามาทำงานในบริษัท

เธอตอบมาโดยควรคุมอารมณ์สุดๆ ซึ่งบริษัทก็รับเธอเข้าทำงาน และทำอยู่ต่อมาอีกสิบกว่าปี แต่เธอก็มาสารภาพในภายหลังว่าปรี๊ดแตกเหมือนกัน รู้สึกเหมือนโดนดูถูก (คิดไปเอง เป็นมานะ คือความถือตัว, ความสำคัญตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี่) ซึ่งการควบคุมอารมณ์นั้นก็เป็นสิ่งที่ผมอยากดูครับ แถมยังได้เห็น self-perception อีกด้วย อันนี้เป็นคำถามโดนก้านคอครับ

เคยเล่าให้ฟังในหนังสือเจ้าเป็นไผว่าวิชาที่ผมคิดว่า “ได้” มามากที่สุดในการเรียนมหาวิทยาลัยคือวิชาจิตวิทยาสังคม ซึ่งเป็นวิชาเลือกเสรีจากคณะครุศาสตร์

ผมเองก็เจอคำถามโดนก้านคอมาเหมือนกัน อาจารย์ผู้สอนมาจากครอบครัวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เข้าป่าไปหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 แล้วกลับออกจากป่ามาสอนหนังสือ คำถามสุดท้ายในวันสุดท้ายก่อนสอบเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว ยังจำได้ชัดเจน

อาจารย์ถามว่าประเทศในเอเซียบางประเทศ มีผู้นำที่รู้ไปหมด เก่งไปซะทุกอย่าง ประชาชนไม่ต้องพูดอะไรเลย นั่งรอความรุ่งเรืองอย่างเดียว ถึงแม้จะมีความน่าเคลือบแคลงว่าไม่โปร่งใส เพราะไม่มีการตรวจสอบ แต่ประเทศเขา “เจริญ” ผู้นำอย่างนี้เป็นอย่างไร; นิสิตส่วนใหญ่ในห้องบอกว่า ผู้นำเค้าทำเพื่อประเทศชาติ น่าจะดี

อาจารย์บอกว่า ครูผิดหวังในตัวพวกเธอนะ ไม่คิดหรือว่านี่เหมือนการเลี้ยงสัตว์!

คำถามนี้แหละ ที่ทำให้ผมบริหารงานไม่ค่อยเหมือนกับตำรา MBA หรือเถ้าแก่ทั่วไป

« « Prev : การแสวงหาคำตอบ

Next : ใจมาก่อนการกระทำ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 May 2010 เวลา 19:49

    ความเห็นสุดท้าย ใจตรงกันเลย…

    นักดนตรีมีชื่อคนหนึ่ง สร้างมุขตลกว่า หมาสองประเทศเดินสวนกันที่ชายแดน ตัวหนึ่งก็เห่าทักว่า “จะไปไหน ? ” อีกตัวจึงตอบว่า “ต้องการไปประเทศสูนะแหละ เพื่อจะได้กินอิ่มหนำสมบูรณ์ เพราะประเทศเรา อดอยากปากแห้งมาหลายวันแล้ว…”
    แล้วก็ถามกลับไปว่า “แล้วสูละ มาประเทศเราทำไม ? ประเทศเราอดอยากปากแห้งอย่าเข้ามาเลย…” อีกตัวจึงตอบว่า “จะไปเห่าเสียงดังๆ สักที อยู่ประเทศเรา แม้จะกินอิ่มนอนสบาย แต่ก็ไม่ได้เห่า เจ้าของบังคับ ฟังแต่พรรคพวกประเทศสูเห่ากัน รู้สึกอิจฉา อยากจะมาเห่าบ้าง…”

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้แต่หมาบางตัวก็ให้ความสำคัญการได้เห่า มากกว่าการได้กิน

    เจริญพร

  • #2 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 May 2010 เวลา 10:31

    ตอนนี้เรียนคณะครุศาสตร์ จุฬา ฯ (เพิ่งมาเป็นศิษย์เมื่อปี 50)อาจไม่ทันอาจารย์ท่านที่กล่าวข้อความนั้น…
    เรียนวิชา Neo-Humanist กับ อ.เกียรติวรรณ อมาตยกุล ค่ะ

    ส่วนตัวก็เป็น “เด็กเส้น” มาเกือบตลอดชีวิต

    ตอนเข้าเรียน ก็ต้องซื้อเก้าอี้บริจาคให้กับหอประชุมโรงเรียน เพราะแม่กลัวสอบเข้าไม่ได้
    ตอนทำงาน ก็เปลี่ยนงานด้วยวิธีสัมภาษณ์พิเศษ โอนย้ายข้ามกระทรวง ขึ้นชื่อลือชาว่า เส้นใคร ย้ายข้ามห้วย…ข้ามกระทรวง…

    พบเจอคำถามก้านคอ … บ่อยจนดื้อด้าน อยากถามก็ตอบให้ อยากรับก็รับไป ไม่อยากรับ ก็ไม่อยากทำงานด้วย ขอตังส์พี่ ๆ ใช้ต่อไปก็ได้ (อหังการ อัตตาใหญ่ยักษ์) แต่…ที่ผ่านมาได้เกือบทุกครั้ง ก็เพราะไม่ค่อยพูด โต้ตอบ บางทีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่เข้าใจ ไม่ชอบขัดคอให้ใครเสียหน้า

    ส่วนตัวชอบคำถามก้านคอ เพราะช่วยชะล้าง ขัดเกลากิเลสของตัวเองออกเสียบ้าง แล้วยังทำให้ได้รู้ตัวขึ้นมาในทันทีทันใด
    ;)


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.10659408569336 sec
Sidebar: 0.14036703109741 sec