วงจรความคิดง่ายๆ อาจพาลงเหวได้
อ่านหนังสือพระนิพนธ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน ป.ธ.๙) เจอข้อความที่สะดุดใจ จึงค้นพระไตรปิฎก เจอข้อความนี้ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทสครับ
[๘๑๗] มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ จึงจะคบหาสมาคมด้วย.
มิตรในวันนี้ไม่มีเหตุหาได้ยาก. มนุษย์ทั้งหลายมีปัญญามุ่ง
ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด. (เพราะฉะนั้น) พึง
เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.[๘๑๘] คำว่า มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ จึงจะคบหาสมาคมด้วย ความว่า
มิตรทั้งหลายมีประโยชน์ตนเป็นเหตุ มีประโยชน์ผู้อื่นเป็นเหตุ มีประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเป็นเหตุ
มีประโยชน์ในปัจจุบันเป็นเหตุ มีประโยชน์ในสัมปรายภพเป็นเหตุ มีประโยชน์อย่างยิ่งเป็นเหตุ
จึงจะคบหา สมคบ เสพ สมาคมด้วย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ
จึงจะคบหาสมาคมด้วย.
เพราะประโยชน์เป็นเหตุ จึงติดแหงกกันอยู่ตรงนี้
แต่เพราะว่ายังไม่หลุดพ้น ติดแหงกอยู่กับประโยชน์ ก็ดีกว่าอยู่กับติดอยู่กับโทษและมิจฉาทิฏฐินะครับ อิอิ
ยิ่งนานไป ผมก็ยิ่งคิดว่าเมืองไทยเน่าเพราะผู้ที่มีความรู้ มีเหตุผลมากเกินไป มั่นใจในเหตุผลของตนเองมากเกินไป คือคิดแบบสมการเชิงเส้น y=ax+b เพราะอย่างนี้ (x) จึงเป็นอย่างนั้น (y) ทั้งๆที่อย่างนั้น อาจจะเกิดได้จากหลายเหตุ และหลายปัจจัย y=ax+bw3-c(q2-nu5)/kz3 เพราะมีผลอย่างนั้น (y) จะบอกว่าเป็นเพราะอย่างนี้ (x) เท่านั้นได้อย่างไร
ความเน่า เกิดจากความไม่เข้าใจพลวัตทั้งหมด และคิดเอาง่ายๆ ว่า y=f(x) เท่านั้น แต่แก้ x ไป ก็ยังไม่ได้ผลลัพท์ที่ต้องการ ในบางกรณีอาจแย่ยิ่งกว่าเก่าเสียอีก ยิ่งแก้ ยิ่งเน่า เพราะ y=f(x,w,q,u,z) ในเมื่อไม่เข้าใจว่ามีตัวแปรอะไรบ้าง มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
น่าจะยอมรับกันได้ว่าไม่มีทางเข้าใจ หรือแม้แต่รู้จักตัวแปรทุกตัว แม้แต่ Psychohistory ของฮาริ เซลดอน ซึ่งทำนายได้แต่ภาพมหภาค ก็ยังมีอยู่แต่ในนิยายวิทยาศาสตร์ “สถาบันสถาปนา” เท่านั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ตัดสินใจ จึงควรศึกษาข้อเท็จจริงจากหลายๆ มุม เพราะความจริงมีหลายแบบ และขึ้นกับมุมมองเสมอ
การแก้ไขโดยไม่แก้ที่เหตุ ยากที่จะให้ผลที่ต้องการและยั่งยืนได้ เหมือนน้ำมันแพง แต่แก้โดยการสูบลมยางจนเป่งและมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น อาจช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้บ้าง แต่ก็เสี่ยงกับการที่ยางระเบิดเหลือเกิน
แต่รัฐบาล กลับทำตลกกว่านั้นอีกครับ! รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหา รัฐบาลไม่รู้จัก x และไม่พยายามทำความเข้าใจกับตัวแปรใดๆ ทั้ง w q u หรือ z รัฐบาลบิดเบือน y โดยตรง เช่นลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้ราคาลดลงทันที
สิ่งที่รัฐบาลทำ จึงไม่เป็นการแก้ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของผู้บริหาร และผู้มีอำนาจ ว่าแม้ผลลัพท์จะออกมาดี ผลลัพท์นี้ก็ไม่ยั่งยืน เพราะสาเหตุยังมีอยู่เหมือนเดิม การตัดสินใจแบบนี้จึงเป็นเพียงการเลื่อนปัญหาไปไว้ในอนาคต รอวันปะทุขึ้นมาอีก
[ทางเลือกในการจัดการความขัดแย้ง]
คำถามสำคัญที่ไม่ต้องการคำตอบแต่ควรถามคือ เรื่องที่ทำเป็นประโยชน์ของใคร ถ้าเป็นประโยชน์ของส่วนรวม ของหมู่คณะ ก็ควรทำครับ แต่ถ้าเป็นประโยชน์ส่วนตน จัดลำดับความสำคัญไว้ท้ายๆ ก็ได้ ทำเรื่องที่ควรทำก่อน
ถ้า y=f(x) มีโอกาสสูงที่ x จะเป็นเรื่องของคนคนเดียวคือตัวเรา แต่ถ้า y=f(x,w,q,u,z) อย่างน้อยก็เป็นหลายตัวแปร
« « Prev : จันทรุปราคา 2008-08-17
Next : อคติ (อีกครั้งหนึ่ง (อีกครั้งหนึ่ง …)) » »
2 ความคิดเห็น
เพราะตรงนี้ “มนุษย์ทั้งหลายมีปัญญามุ่ง ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด.” ที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่นทุกวันนี้
พระสูตรนี้เป็นเหมือนปฏิปทาของพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีวิเวกเป็นสรณะ