วงจรความคิดง่ายๆ อาจพาลงเหวได้

อ่าน: 4164

อ่านหนังสือพระนิพนธ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน ป.ธ.๙) เจอข้อความที่สะดุดใจ จึงค้นพระไตรปิฎก เจอข้อความนี้ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทสครับ

[๘๑๗] มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ จึงจะคบหาสมาคมด้วย.
มิตรในวันนี้ไม่มีเหตุหาได้ยาก. มนุษย์ทั้งหลายมีปัญญามุ่ง
ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด.
(เพราะฉะนั้น) พึง
เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.

[๘๑๘] คำว่า มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ จึงจะคบหาสมาคมด้วย ความว่า
มิตรทั้งหลายมีประโยชน์ตนเป็นเหตุ มีประโยชน์ผู้อื่นเป็นเหตุ มีประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเป็นเหตุ
มีประโยชน์ในปัจจุบันเป็นเหตุ มีประโยชน์ในสัมปรายภพเป็นเหตุ มีประโยชน์อย่างยิ่งเป็นเหตุ
จึงจะคบหา สมคบ เสพ สมาคมด้วย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ
จึงจะคบหาสมาคมด้วย.

เพราะประโยชน์เป็นเหตุ จึงติดแหงกกันอยู่ตรงนี้

แต่เพราะว่ายังไม่หลุดพ้น ติดแหงกอยู่กับประโยชน์ ก็ดีกว่าอยู่กับติดอยู่กับโทษและมิจฉาทิฏฐินะครับ อิอิ

ยิ่งนานไป ผมก็ยิ่งคิดว่าเมืองไทยเน่าเพราะผู้ที่มีความรู้ มีเหตุผลมากเกินไป มั่นใจในเหตุผลของตนเองมากเกินไป คือคิดแบบสมการเชิงเส้น y=ax+b เพราะอย่างนี้ (x) จึงเป็นอย่างนั้น (y) ทั้งๆที่อย่างนั้น อาจจะเกิดได้จากหลายเหตุ และหลายปัจจัย y=ax+bw3-c(q2-nu5)/kz3 เพราะมีผลอย่างนั้น (y) จะบอกว่าเป็นเพราะอย่างนี้ (x) เท่านั้นได้อย่างไร

[ความจริงแบบไหน ที่เป็นจริง]

ความเน่า เกิดจากความไม่เข้าใจพลวัตทั้งหมด และคิดเอาง่ายๆ ว่า y=f(x) เท่านั้น แต่แก้ x ไป ก็ยังไม่ได้ผลลัพท์ที่ต้องการ ในบางกรณีอาจแย่ยิ่งกว่าเก่าเสียอีก ยิ่งแก้ ยิ่งเน่า เพราะ y=f(x,w,q,u,z) ในเมื่อไม่เข้าใจว่ามีตัวแปรอะไรบ้าง มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

น่าจะยอมรับกันได้ว่าไม่มีทางเข้าใจ หรือแม้แต่รู้จักตัวแปรทุกตัว แม้แต่ Psychohistory ของฮาริ เซลดอน ซึ่งทำนายได้แต่ภาพมหภาค ก็ยังมีอยู่แต่ในนิยายวิทยาศาสตร์ “สถาบันสถาปนา” เท่านั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ตัดสินใจ จึงควรศึกษาข้อเท็จจริงจากหลายๆ มุม เพราะความจริงมีหลายแบบ และขึ้นกับมุมมองเสมอ

การแก้ไขโดยไม่แก้ที่เหตุ ยากที่จะให้ผลที่ต้องการและยั่งยืนได้ เหมือนน้ำมันแพง แต่แก้โดยการสูบลมยางจนเป่งและมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น อาจช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้บ้าง แต่ก็เสี่ยงกับการที่ยางระเบิดเหลือเกิน

แต่รัฐบาล กลับทำตลกกว่านั้นอีกครับ! รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหา รัฐบาลไม่รู้จัก x และไม่พยายามทำความเข้าใจกับตัวแปรใดๆ ทั้ง w q u หรือ z รัฐบาลบิดเบือน y โดยตรง เช่นลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้ราคาลดลงทันที

สิ่งที่รัฐบาลทำ จึงไม่เป็นการแก้ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของผู้บริหาร และผู้มีอำนาจ ว่าแม้ผลลัพท์จะออกมาดี ผลลัพท์นี้ก็ไม่ยั่งยืน เพราะสาเหตุยังมีอยู่เหมือนเดิม การตัดสินใจแบบนี้จึงเป็นเพียงการเลื่อนปัญหาไปไว้ในอนาคต รอวันปะทุขึ้นมาอีก

[ทางเลือกในการจัดการความขัดแย้ง]

คำถามสำคัญที่ไม่ต้องการคำตอบแต่ควรถามคือ เรื่องที่ทำเป็นประโยชน์ของใคร ถ้าเป็นประโยชน์ของส่วนรวม ของหมู่คณะ ก็ควรทำครับ แต่ถ้าเป็นประโยชน์ส่วนตน จัดลำดับความสำคัญไว้ท้ายๆ ก็ได้ ทำเรื่องที่ควรทำก่อน

ถ้า y=f(x) มีโอกาสสูงที่ x จะเป็นเรื่องของคนคนเดียวคือตัวเรา แต่ถ้า y=f(x,w,q,u,z) อย่างน้อยก็เป็นหลายตัวแปร

« « Prev : จันทรุปราคา 2008-08-17

Next : อคติ (อีกครั้งหนึ่ง (อีกครั้งหนึ่ง …)) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 August 2008 เวลา 8:58

    เพราะตรงนี้ “มนุษย์ทั้งหลายมีปัญญามุ่ง ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด.” ที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่นทุกวันนี้

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 August 2008 เวลา 15:13
    ข้อความจากพระไตรปิฎกที่นำมานี้ มาจาก ขัคควิสาณสุตตนิทเทส ว่าด้วยการเที่ยวไปผู้เดียว เป็นเรื่องของพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง แต่เป็นพระสูตรที่ยาวมาก จึงตัดเฉพาะตอนท้ายที่สมเด็จพระสังฆราชทรงพระนิพนธ์ถึงมาครับ

    พระสูตรนี้เป็นเหมือนปฏิปทาของพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีวิเวกเป็นสรณะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.11167097091675 sec
Sidebar: 0.25739502906799 sec