ร่วมเฮที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

อ่าน: 5260

เมื่อวานนี้ ญาติเฮก็ไปร่วมกันเฮ ที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรามีลูกช้างไปด้วยสามท่าน อ.หลินฮุ่ย รุ่นปี 2508 พี่บางทราย รุ่นปี 2512 และพี่ครูอึ่ง รุ่นปี 2518 เป็นการเสวนาเรื่อง “พยาบาลกับเศรษฐกิจพอเพียง” คือตอนนี้ อะไรๆ ก็เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผมเห็นว่าน่าจะเป็นชีวิตปกติ ที่ไม่เพ้อเจ้อไปกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อนำไปปฏิบัติแล้ว มีแต่จะดีขึ้น ถึงจะไม่โตพรวดพราดทันใจ แต่ก็ไม่ตกต่ำ

เริ่มต้น ครูบาเปิดเรื่องด้วยสไลด์ที่สนุกสนานตามเคย และเขียนคำว่า “กิเลส” ผิดตลอดเช่นเคยครับ (ฮา) จากนั้นพี่ตา ก็รับหน้าที่พิธีกรยั่วยุคำถามโดยมีชาวเฮร่วมแลกเปลี่ยน ก็ยังเป็นปกติที่ทุกคำถาม ก็คาดหวังคำตอบ เผอิญเราเป็นพวกผิดปกติ ซึ่งมักไม่ตอบให้ตรงกับคำถาม เพราะว่าคำตอบสำเร็จรูป มักใช้ได้ในบริบทของผู้ตอบอันเดียว เวลาผู้ถามหรือผู้ฟังจะเอาไปใช้ ขืนลอกไปใช้ทั้งดุ้นก็บ้าแล้ว เราจึงไม่เสียเวลากับการฟันธง แต่ให้หลักคิด/แง่คิดมากกว่า

เมื่อจบการเสวนา คิดว่าโดยรวมก็ได้รับการตอบรับที่ดี คงมีบ้างที่บางท่านอาจจะไม่คุ้นกับการไม่ได้คำตอบสำเร็จรูป ทำให้ต้องไปไตร่ตรองต่อเอาเอง หรือคุ้นกับการมีคนมาบอกตลอดเวลา คงมึนตึ้บไป แต่ก็มีคำถามดีๆ มากมาย การเสวนาใช้เวลาเกินไปสักครึ่งชั่วโมง

เสร็จแล้ว คณะเลี้ยงข้าวซอย อร่อยดี แล้วท่านคณบดีจัดรถตู้ให้ชาวเฮใช้สองคันจนเย็น ขอบพระคุณครับ

เราไปกันที่พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ในค่ายดารารัศมี (ตชด.) พระตำหนักนี้ เป็นพระตำหนักของเจ้าดารารัศมี พระชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

จากนั้นก็แยกวง รถตู้คันหนึ่งไปสวนสัตว์เชียงใหม่แล้วไปพืชสวนโลก อีกคันหนึ่งไป “บ้าน ๑๐๐ อัน ๑๐๐๐ อย่าง” ซึ่งคันหลังไปที่เดียวแต่กลับใช้เวลามากกว่า แถมไม่ได้กินไอติมด้วย เจ้าของคือ อ.ชรวย ณ สุนทร ผู้ได้รับสมญานามว่าผีบ้าแห่งล้านนา เป็นผู้นำชมด้วยตัวเองทุกห้อง แล้วคณะก็นัดพบกินข้าวกันที่กาแล ก่อนแยกย้ายกันไปนอน ขอบคุณเจ้าภาพทุกท่านครับ

พรุ่งนี้ ออกเดินทางแต่เช้า ไปค้างที่วัดพระบาทห้วยต้มคืนหนึ่ง แล้วจะกลับกรุงเทพเลย วันนี้ ฮาแตกตลอดวัน แต่เล่าไม่ไหว เอาไว้ให้คนอื่นเล่าก็แล้วกันครับ

อ่านต่อ »


วันเที่ยวลำพูน

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 19 June 2009 เวลา 0:05 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4594

เมื่อวานเป็นวันที่เที่ยวในตัวเมืองลำพูน เดิมทีว่าจะไปดอยอินทนนท์กัน แต่เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืน ดังนั้นดอยอินทนนท์ก็คงไม่ค่อยปลอดภัย เลยเปลี่ยนแผนมาเที่ยวในเมือง ซึ่งเหนื่อยได้ใจเหมือนกันครับ

เช้านั่งเม้าธ์กันที่โรงแรม กินข้าวเช้ากัน มีพี่บางทรายและอ.สิริคนข้างกาย ซึ่งเปลี่ยนที่นอนกระทันหันมารวมกันอยู่ที่โรงแรม เช้าเจอหน้าผมส่ง จปผ๑ ให้สองเล่มก่อน ที่เหลือเอาไว้ยื่นหมูยื่นแมว ฮาๆๆๆ เปล่าหรอกครับ พี่ทั้งสองจะไปทำธุระ ก็ไม่รู้จะให้แบกไปทำไม อีกอย่างหนึ่งคือให้ไปก่อนสองเล่ม เอาไว้ล่าลายเซ็นนักเขียนซึ่งมารวมกันเยอะ

จากนั้นก็ไปโรงเรียนมงคลวิทยา เป็นวันไหว้ครูพอดี ผมถ่ายรูปแล้วก็เดินไปหลังโรงเรียน ชอบกุฏิพลศึกษา/สุขศึกษามาก พอเดินกลับมา ทุกคนขึ้นรถแล้วขับย้อนกลับไปดูที่ผมเพิ่งเดินมา ฮา แต่เดินเลยสระว่ายน้ำเข้าไปอีก ไปดูอาณาจักรของครูอาราม มีต้นไม้ต้นไร่มากมาย มีกุฏิส่วนตัวด้วยเหมือนกัน อยู่หลังสระว่ายน้ำ ไปเห็นไผ่กิมซุ่งโผล่ยอดสูงปรี๊ดก็ดีใจที่มาโตที่นี่ ยังรอดอยู่ได้หลังจากที่โดนตอนหมดทุกกิ่งพร้อมๆ กัน เพราะคนเห็นว่าเป็นไผ่พันธุ์ดี เลยอยากได้บ้าง

แล้วก็ไปพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองซึ่งเป็นที่เก่าของโรงเรียนมงคลวิทยา มีการปรับปรุงไปสองสามอย่าง ยังดีเหมือนเดิม ไปอีกก็ไม่เบื่อ

จากนั้น ก็ขับรถไปอีกสักร้อยเมตรถึงวัดพระธาตุหริภุญชัย ไหว้พระเดิน-ชมวัด แล้วก็เดินข้ามสะพานไปกินก๋วยเตี๋ยวลำไย ซึ่งมีป้านเตือนไว้ว่า “ระวังพริกเผ็ด” แสดงความจริงใจอย่างมาก ฮี่ฮี่

เดินย้อนกลับมาวัดหลวง แล้วขับรถต่อไปยังวัดพระยืน เจอกิจกรรมที่หาได้ยากคือการปั้นพระ เค้ามีแม่พิมพ์ให้เอาดินเหนียวอัดลงในพิมพ์ ซึ่งทาด้วยน้ำมันพืช (เจ) พอแงะออกมา ก็เป็นองค์พระ จะเอาไปบรรจุในเจดีย์ซึ่งกำลังบูรณะ

แล้วก็ไปแวะร้านฝ้ายทอมือ (ที่ใช้กี่ทอ) สาวๆ ได้ของเสื้อกับผาซิ่น ครูบาได้เสื้อ อารามได้ขนม แต่ผมไม่ได้ซื้ออะไร

แล้วจึงกลับโรงแรม ซึ่งทุกที่ที่ไปในวันนี้ อยู่ห่างโรงแรมไม่เกิน 5 กม. แต่ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้ก็ไม่รู้ พอถึงโรงแรม ผมขอตัวปลีกวิเวก เอารถไปเปลี่ยนยาง สามคนไปเชียงใหม่ไปพบญาติโยมเพื่อเตรียมการสำหรับการบรรยายพรุ่งนี้ พี่ครูอึ่งงานเข้าแยกไปหลังกินก๋วยเตี๋ยวกลางวัน จะมีผู้ตรวจมาเยี่ยมโรงเรียน ครูใหญ่ก็เลยต้องอยู่ต้อนรับ มารับอีกสองสาวตอนทุ่มครึ่งไปกินข้าวเหนียวหมูทอดยอดอร่อย อึ๋ย อยากกินมากเลย แต่ว่าตอนนั้นผมยังอยู่หางดง และหมดแรง จึงขอตัวปลีกวิเวก

กลับมาถึงโรงแรม ได้รับซาละเปามุทิตาจิตสี่ลูก ขอบพระคุณครับ

อ่านต่อ »


เจ้าเป็นไผ ๑: เครือข่ายมนุษย์ จิตใจและสมอง

อ่าน: 5587

คลอดแล้วครับ!

เมื่อเย็นไปรับหนังสือมาแล้วทั้งหมดครับ เต็มท้ายรถพอดี ไม่ค่อยเห่อเท่าไหร่เลยนะเนี่ย แต่มีความสุขมากที่งานที่เราทำร่วมกัน ออกมาเป็นรูปเล่มได้ครับ

ในฐานะหัวหน้าคณะบรรณาธิการ ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังสือทุกขั้นตอน ตั้งแต่มันยังเป็นเพียงความคิดอยู่ จนผลักดันให้ออกมาเป็นรูปเล่มได้ครับ

หนังสือมีคุณภาพดีมาก รูปค่อนข้างเล็กแต่คมชัด และคุณค่าที่แท้จริงของหนังสือคือเนื้อเรื่อง ซึ่งบรรจงกลั่นออกมาจากชีวิตจริง มีบทเรียนชีวิตเพียบ ชีวิตคนเรา มีข้อจำกัดไม่เหมือนกัน มีโอกาสในการเรียนรู้ชีวิตไม่เหมือนกัน การที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้นครับ

อ่านแล้วรู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้คบหา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรียนรู้ร่วมกับนักเขียนชาวเฮทุกท่าน แม้จะไม่รู้จักบรรดานักเขียนเป็นส่วนตัว บทเรียนชีวิตที่กลั่นออกมา คงทำให้ท่านได้ฉุกคิดอะไรได้บ้าง ก่อนที่จะตัดสินผู้อื่นไม่ว่าเรื่องอะไร

ตอนนี้ ดูจากปริมาณการสั่งจองล่วงหน้ากว่าห้าร้อยเล่มแล้ว เชื่อว่าคงจะต้องพิมพ์ครั้งที่สองเร็วๆ นี้ล่ะครับ

อ่านต่อ »


Viewpoints for Thailand

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 2 June 2009 เวลา 0:55 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3454

บล็อกใหม่ “Viewpoints for Thailand” เป็นบล็อกส่วนตัวของ ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ซึ่งผมรู้จักมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ตั้งแต่อาจารย์ยังถูกยืมตัวจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มาช่วยราชการที่ธรรมศาสตร์ เราทำงานเรื่องพฤติกรรม/อักขระวิธีภาษาไทยในคอมพิวเตอร์ให้เป็นมาตรฐานด้วยกัน เมื่ออาจารย์มาอยู่ที่เนคเทค เราช่วยกันผลักดันอินเทอร์เน็ตในเมืองไทย ช่วยกันทำเครือข่ายไทยสารในยุคบุกเบิกประมาณสิบห้าปีมาแล้ว ในเวลาที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ อย่าว่าแต่หาผู้เชี่ยวชาญเลยครับ แค่หาผู้ใช้ยังยากเย็นเลย เราสร้างคน สร้างฐานของเครือข่าย กระจายอินเทอร์เน็ตออกสู่ภูมิภาคซึ่งเหนื่อยยาก แทนที่จะยอมให้กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพแล้วทำงานสบายๆ

อาจารย์ทวีศักดิ์ เป็นอดีตผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สองสมัย เป็นกรรมการต่างๆ มากมาย จนผมสงสัยว่าถ้าทำงานตลอดเวลาอย่างนี้มาเป็นสิบปี จะหาเวลาส่วนตัวได้อย่างไร ปัจจุบันอาจารย์ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ผมคิดว่าไม่บ่อยนักที่เราจะพบผู้บริหารระดับสูงที่ถึงลูกถึงคน และติดดินแบบนี้

เมื่อมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้ว ผมขอให้ใช้โอกาสนี้อย่างคุ้มค่า

Viewpoints for Thailand: http://thaiview.wordpress.com/
ความเห็น… เพื่อพัฒนาประเทศไทย: Blog สำหรับบันทึกข้อคิด ประเด็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย

ในตอนนี้บล็อกเพิ่งเริ่มต้น อาจจะมีเรื่องทางไอทีเยอะหน่อย เพราะเป็นความเชี่ยวชาญพิเศษของท่านเจ้าของบล็อก แต่ขอบเขตของบล็อก กว้างกว่าเรื่องไอทีมาก ไอทีอาจจะแทรกเป็นยาดำอยู่ทั่วไปเพราะมันเป็นเครื่องมือ แต่ไอทีไม่ใช่ทั้งหมดของการพัฒนาประเทศ

จะชอบ จะไม่ชอบ จะเห็นด้วย จะคิดแตกต่าง จะเสนอเรื่องใด ขอให้เป็นไปตามขอบเขตของบล็อกนะครับ อย่าเอาเรื่องการเมืองมาปน — นักการเมืองเดี๋ยวเดียวก็ไป แต่เมืองไทยจะต้องอยู่ต่อไปอีกนาน — เมืองไทยเป็นบ้านของเรา ถ้าแม้แต่เรายังไม่ทำให้ดี แล้วจะไปหวังให้ใครมาทำ


ทายผิด

3 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 30 May 2009 เวลา 0:24 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3773

นางมากาเร็ต แทชเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เคยกล่าวไว้ในวันที่ 26 ตุลาคม 2512 ว่า “It will be years –not in my time– before a woman will become Prime Minister.”

ทอมัส วัตสัน ประธานกรรมการบริษัทไอบีเอ็ม กล่าวไว้ในปี 2486 ว่า “I think there is a world market for maybe five computers.”

หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ กล่าวไว้ในปี 2479 ว่า “A rocket will never be able to leave the Earth’s atmosphere.”

ผู้บริหารบริษัท United Artists ปฏิเสธไม่ให้โรนัล เรแกน รับบทนำที่แสดงเป็นประธานาธิบดี ในภาพยนต์เรื่อง The Best Man ในปี 2507 ด้วยเหตุผลว่า “Reagan doesn’t have that presidential look.”

ลอร์ดเคลวิน นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ ประธานของ the British Royal Society กล่าวไว้ในปี 2438 ว่า “Heavier-than-air flying machines are impossible.” นั่นเป็นเวลาเพียงแปดปีก่อนพี่น้องตระกูลไรท์จะนำเครื่อง “คิตตี้ฮอก” ขึ้นบินในอากาศ

วิศวกรคนหนึ่งของบริษัทโบอิ้ง กล่าวว่า “There will never be a bigger plane built.” หลังจากการทดสอบการบินเครื่องบินโบอิ้ง 247 ซึ่งมีสองเครื่องยนต์ และบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน

พ.ท. โจเซฟ อีฟ ผู้บุกเบิกสำรวจแกรนด์แคนยอน กล่าวไว้ในปี 2404 ว่า “Ours has been the first [expedition], and doubtless to be the last, to visit this profitless locality.” ปัจจุบันแกรนด์แคนยอนมีนักท่องเที่ยวปีละห้าล้านคน

เอมมิลีน สไนเวลลี กล่าววิจารณ์มาริลีน มอนโรว์ซึ่งไปสัมภาษณ์เป็นนางแบบในปี 2487 ว่า “You better get secretarial work or get married.”

อ่านต่อ »


พยายาม?

1 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 14 May 2009 เวลา 0:32 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3627

แตกต่าง

12 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 11 May 2009 เวลา 0:11 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3288

ช่วยหาความแตกต่างระหว่างสองรูปข้างล่างนี้ได้ไหมครับ ถ้ามีหลายจุด ขอคำอธิบายจุดละหนึ่งความคิดเห็นนะครับ คนละกี่จุดก็ได้


เรื่องสำคัญและเร่งด่วนต่อปากท้อง

4 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 5 May 2009 เวลา 0:00 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3209

ในหนังสือ 7 Habits of Highly Effective People โดย Dr.Steven Covey ในอุปนิสัยที่สาม Put First Things First: Principles of Integrity & Execution เขาแนะวิธีจัดงานเป็นกลุ่มตามลำดับความสำคัญอย่างง่ายๆ คือให้มองในสองมิติ คืองานนั้นสำคัญหรือไม่ และงานนั้นเร่งด่วนหรือไม่

เร่งด่วน ไม่เร่งด่วน
สำคัญ Quadrant 1
วิกฤติการณ์
Quadrant 2
เรื่องที่ต้องหาทางป้องกัน
ไม่สำคัญ Quadrant 3
งานจุกจิกที่เกิดจาก
การงานแผนไม่ดี
Quadrant 4
เรื่องไม่เป็นเรื่อง

Covey เสนอว่าเพื่อที่จะเป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูง เราควรจะอยู่ห่างๆ งานใน Quadrant 3 และ 4 และการที่ไม่อยู่ใน Quadranr 3 และ 4 นั้น เริ่มต้นจากการปฏิเสธให้เป็น

แต่อย่าหัดปฏิเสธโดยไม่เข้าใจว่างานนั้นสำคัญหรือไม่ ถ้าใครไม่รู้ว่างานนั้นสำคัญหรือไม่ ไม่ควรให้ยุ่งกับงานนั้นเลยหรอกครับ

สำหรับงานที่สำคัญ (Quadrant 1 และ 2) ผมเห็นว่าใครมีแผนงานที่ดี รู้ตัวล่วงหน้า (อยู่ใน Quadrant 2) จะมีความสุขมากกว่า Quadrant 1 เพราะว่างานใน Quadrant 1 บีบหัวใจ และจำเป็นต้องระดมสรรพกำลังมาช่วยกันทั้งหมด

อ่านต่อ »


เพื่อน

2 ความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 2 May 2009 เวลา 0:05 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3572

เพื่อน - กัลยาณมิตรธรรม ๗

มิตรแท้ - มิตรเทียม

ในชีวิตของเรา สมองมีเรื่องต้องคิดมากมาย ต้องจัดลำดับความสำคัญแบบซับซ้อน มีเรื่องความอยู่รอดของตนเข้ามาปน บางทีสมองก็หลากตัวเองจนเราแยะแยะสิ่งต่างๆ ไม่ชัดเจน บางทีเอาไปปนกันมั่ว บางทีมองอย่างผิวเผินแล้วรีบตัดสิน จำฝังใจไปเลย บางทีก็ไม่ว่างพอที่จะพินิจพิจารณา ฟังอะไรมาก็เชื่อไปเลย อย่างนี้นำสู่อคติ ซึ่งมักจะไม่นำไปสู่การตัดสินใจที่ดี

เวลาเรามองเพื่อน เรารู้จักเขาแค่ไหน เชื่อใจแค่ไหน เขามีค่าต่อเราแค่ไหน

เพื่อนเราเป็นคน: มีการทำไปโดยไม่รู้ มีพลั้งเผลอ มีไม่ตั้งใจ มีความคาดหวัง มีความเกรงใจ มีทำไปโดยที่ผลลัพท์ไม่ถูกใจเรา มีไม่ทำอย่างน่าหงุดหงิด มีรับปากแล้วทำไม่ได้เนื่องจากสถานการณ์และข้อจำกัดเปลี่ยนแปลงไป แต่ทั้งหมดเป็นเพียงปฏิกริยาความรู้สึกของเราเท่านั้น ตัวเราก็พลาดอย่างนี้ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?

ถ้าเป็นเพื่อนกันจริง มีอะไรที่ให้อภัยไม่ได้ อย่าว่าแต่บางทีเพื่อนไม่ผิดเลย; การจะตัดสินว่าอะไรผิด น่าจะเป็นไปตามกฏเกณฑ์กติกาก่อน หรือเป็นผิดต่อความถูกต้อง/มโนคติ/จริยธรรม ซึ่งเราในฐานะเพื่อนควรจะได้ตักเตือนก่อน หรือเป็นความจงใจที่จะก่อความเสียหายและเป็นการกระทำที่สำเร็จด้วย


ดูใกล้แล้วเห็นชัดหรือ?

ไม่มีความคิดเห็น โดย Logos เมื่อ 1 May 2009 เวลา 6:32 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3210



Main: 0.075522184371948 sec
Sidebar: 0.21293687820435 sec