มิจฉาสมาธิ และสัมมาสมาธิ

โดย Logos เมื่อ 14 July 2009 เวลา 0:15 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 4194

แมวเฝ้ารูหนูก็มีสมาธิ นักย่องเบาก็มีสมาธิ  แต่ไม่ใช่สัมมาสมาธิ เป็นสมาธิของสัตว์เดียรัจฉาน  ไม่ใช่บ่อเกิดของปัญญา พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า มิจฉาสมาธิ  หลวงพ่ออธิบายว่า

“สมาธิทั้งหลายเหล่านี้ แบ่งเป็นมิจฉาสมาธิอย่างหนึ่ง  คือเป็นสมาธิในทางที่ผิด เป็นสัมมาสมาธิอย่างหนึ่ง  คือสมาธิในทางที่ถูกต้อง นี่ก็ให้สังเกตให้ดี

มิจฉาสมาธิคือความที่จิตแน่วแน่เข้าสู่สมาธิ เงียบหมด  ไม่รู้อะไรเลย ปราศจากความรู้ นั่งอยู่ ๒ ชั่วโมงได้  กระทั่งทั้งวันก็ได้ แต่จิตไม่รู้ว่ามันไปถึงไหน มันเป็นอย่างไร  ไม่รู้เรื่อง

นี้สมาธิอันนี้เป็นมิจฉาสมาธิ  มันก็เหมือนมีดที่เราลับให้คมดีแล้ว แต่เก็บไว้เฉย ๆ ไม่เอาไปใช้  มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อย่างนั้นเป็นความสงบที่หลง คือ ไม่ค่อยรู้เนื้อรู้ตัว

เห็นว่าถึงที่สุดแล้วก็ไม่ค้นคว้าอะไรอีกต่อไป  จึงเป็นอันตราย เป็นข้าศึก ในขั้นนั้นเป็นอันตราย  ห้ามปัญญาไม่ให้เกิด ปัญญาเกิดไม่ได้ เพราะขาดความรู้สึกรับผิดชอบ

ส่วนสัมมาสมาธิที่ถูกต้อง ถึงแม้จะมีความสงบไปถึงแค่ไหน  ก็มีความรู้อยู่ตลอดกาล ตลอดเวลา มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ บริบูรณ์  รู้ตลอดกาล นี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ

เป็นสมาธิที่ไม่ให้หลงไปในทางอื่นได้  นี้ก็ให้นักปฏิบัติเข้าใจไว้ให้ดี จะทิ้งความรู้นั้นไม่ได้  จะต้องรู้ตั้งแต่ต้นจนปลายทีเดียว ถึงจะเป็นสมาธิที่ถูกต้อง  ขอให้สังเกตให้มาก”

และอีกโอกาสหนึ่งหลวงพ่อพูดถึงสมาธิสองอย่างอีกนัยหนึ่ง

“ความสงบนี้มีสองประการคือ ความสงบอย่างหยาบอย่างหนึ่ง  และความสงบอย่างละเอียดอีกอย่างหนึ่ง อย่างหยาบนั่นคือ เกิดจากสมาธิ  ที่เมื่อสงบแล้วก็มีความสุข แล้วถือเอาความสุขเป็นความสงบ

อีกอย่างหนึ่งคือความสงบที่เกิดจากปัญญา  นี้ไม่ได้ถือเอาความสุขเป็นความสงบ  แต่ถือเอาจิตที่รู้จักพิจารณาสุขทุกข์เป็นความสงบ  ความสงบจึงไม่ใช่ความสุข  ฉะนั้นความสงบที่เกิดจากปัญญานั้นจึงไม่ใช่ความสุข แต่เป็นความสงบ

เพราะว่าความสุขความทุกข์นี้เป็นภพ เป็นชาติ เป็นอุปาทาน  จะไม่พ้นจากวัฏสงสาร เพราะติดสุขติดทุกข์ ความสุขจึงไม่ใช่ความสงบ  ความสงบจึงไม่ใช่ความสุข

ฉะนั้นความสงบที่เกิดจากปัญญานั้น จึงไม่ใช่ความสุข  แต่เป็นความรู้เห็นตามความเป็นจริงของความสุขความทุกข์  แล้วไม่มีอุปาทานมั่นหมายในสุขทุกข์ที่มันเกิดขึ้นมา  ทำจิตให้เหนือสุขเหนือทุกข์นั้น ท่านจึงเรียกว่าเป็นเป้าหมาย  ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง”

หลวงพ่อชา สุภทฺโท

« « Prev : เลื่อนตำแหน่งเป็นรางวัลผลงานในอดีต อาจเป็นการทำลาย

Next : เรือโนอาห์ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 July 2009 เวลา 22:37

    แมวมีสมาูธิดีเยี่ยมกว่าเราอีก เคยเห็นคาบงูตัวเท่าแขนมาเลี้ยงลูก

  • #2 nontster ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 July 2009 เวลา 9:08

    มงคลที่ 38 มีจิตเกษม
    จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
    เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
    เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
    เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร

  • #3 นักการหนิง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 August 2009 เวลา 22:01

    ขอบคุณค่ะสำหรับบทธรรมเทศนาดีดีอย่างนี้  …

    ตามอ่าน ตามศึกษา อยู่ค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.57477498054504 sec
Sidebar: 0.60125303268433 sec