ลาทีปี 2551
อ่าน: 4093ปี 2551 เป็นปีแห่งความวุ่นวาย เมืองไทยและประชาชนชาวไทยได้รับความอับอาย เหตุเพราะเราไม่ยึดถือกติกาของสังคม มีการละเมิดกฏหมายโดยจงใจ ความวุ่นวายใหญ่ๆ นั้น แรงด้วยมิจฉาทิฏฐิ ความหลง และความยึดมั่นในอัตตา จนบ้านเมืองแตกแยกเป็นคอกเป็นก๊ก ต่างคนต่างบอกตัวเองว่าเป็นศรัทธาในความถูกต้อง แม้จะมีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ความถูกต้องซึ่งนำไปสู่ความแตกสลาย เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้านั้น เป็นความถูกต้องแบบไหนกันครับ; การที่มัวแต่พร่ำบอกตัวเองอยู่อย่างเดียวว่า “ถูกต้อง” แต่ละเมิดกฏหมายโดยเจตนา อย่างนี้ถูกต้องอะไรครับ
“ราคะมีโทษน้อยคลายช้า โทสะมีโทษมากคลายเร็ว โมหะมีโทษมากคลายช้า” ติตถิยสูตร ติ. อํ. [20/508] ราคะคือโลภ โทษะคือโกรธ โมหะคือหลง พึงดับราคะด้วยอสุภนิมิต ดับโทสะด้วยปฏิฆนิมิต และดับโมหะด้วยโยนิโสมนสิการ
การนำบ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุข ไม่สามารถจะมามัวนั่งชี้นิ้วไปยังคน 480 คนในสภา หรือ 36 คนที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรี ภาระนี้ใหญ่และหนักหนาเกินกว่าจะโบ้ยไปที่อื่นได้หรอกนะครับ
มีงานมีหน้าที่ ก็ทำไปให้ดี แต่อย่าทำแค่ดีเฉพาะตัว ให้คิดดีทำดีเผื่อแผ่แก่คนรอบตัวด้วย; เหมือนทอผ้า ทอเป็นจุดไม่ได้ เป็นเส้นก็ไม่ได้ มันไม่มีค่าอะไร ต้องทอเป็นผืน สอดประสานกันสี่ทิศ — ไม่มีประโยชน์ที่ตัวเราประสบผลสำเร็จ แต่ไม่เหลือใครที่จะมาร่วมชื่นชม ร่วมมีความสุขด้วย
หากอธิษฐานได้ ขอให้ประชาชนชาวไทยที่ยังแบ่งก๊กแบ่งเหล่า ได้ตาสว่างเสียที ผู้นำกลุ่มก๊กต่างๆ ทุกระดับ ล้วนมีวัตถุประสงค์อยู่เบื้องหลัง แต่ทว่าวัตถุประสงค์หลัก กลับเป็นไปเพื่อตนเอง ไม่ใช่เพื่อหมู่ชน [สามัคคี ความขัดแย้ง]
ขอให้คิดให้ดีก่อนจะทำอะไร ขอให้เป็นการตัดสินใจที่ดี ทำอะไรอย่าเบียดเบียนใคร อย่าผูกกรรมจองเวรต่อกันเลย
สวัสดีปีใหม่ปี พ.ศ. 2552 ครับ
« « Prev : ถอดบทเรียนเกี่ยวกับชุมชนออนไลน์ (ตอนที่ 2)
Next : ส่งความสุขปีใหม่ พ.ศ. 2552 » »
9 ความคิดเห็น
ตอนอ่านนี่พนมมือแต้เชียวล่ะค่ะ พออ่านจบปุ๊บกราบปั๊บเลย สาธุๆๆค่า
สิ่งหนึ่งที่ได้จากความวุ่นวาย จะทำให้นักการเมือง ข้าราชการขี้ฉ่อ รู้ว่าต่อไปนี้ไม่สะดวกเหมือนเดิมแล้ว มีคนคอยจ้องจับดูทุกฝีก้าว เกิดอะไรขึ้นก็จะขุดเอามาประจาน ไม่อุบเงียบไว้ได้เหมือนเมื่อก่อน ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นของแถมที่สังคมไทยได้มาเต็มๆ อิอิ
มีหลายมุมมองต่อการบ้านการเมือง
ส่วนตัวเองมองว่า นี่คือการปรับตัวประชาธิปไตยของบ้านเรา
ก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง คือ มีกลุ่ม ที่ตรวจสอบหนาตามากขึ้น
คำว่า การเมืองภาคประชาชน เสียงดังขึ้น และกำลังจะก้าวไปมีบทบาทมากขึ้น
แน่นอนการก้าวไป การปรับตัวย่อมเปะปะ เสียเลือดเนื้อด้วย ทั้งที่ไม่อยากให้เกิด
หากแกนกลางของการปรับก็ตือ ธรรมยึดเหนี่ยว แม้จะเป๋ไปบ้าง แต่ที่สุดก็จะมานิ่ง
ซึ่งใช้เวลามากสักหน่อย
นี่คือมุมมองครับ
เหอะน่า ไว้เนื่อเชื่อใจตัวเองให้ได้ว่าไม่หวังอะไรตอบแทน อะไรฟรีได้ อะไรไม่ฟรีชัดเจนได้ก็พอแล้ว
ถ้าคนทุกคนเชื่อใจในตัวเองได้ว่า ที่ทำลงไปนั้นไม่หวังอะไรกลับคืนเป็นผลประโยชน์ตนได้ หิริโอตตัปปะก็เจริญงอกงาม รู้จักไว้ใจคนอื่น เชื่อมั่นในความดีของคนอื่นเขาซะบ้าง โดยฝึกดูคน-ดูแลตนให้เป็น สังคมจะมีความสงบขึ้นอีกเยอะเลย
เพิ่งทราบเหมือนกันว่ามาจาก ติตถิยสูตร แต่เคยฟังพระเถระบรรยายมาตั้งแต่แรกบวช โดยท่านเสริมว่า…
อีกอย่างหนึ่ง การอธิษฐาน นั้น สามารถทำได้ แต่จะเป็นจริงหรือไม่นั้น ! ! !
เจริญพร