เตือนภัยน้ำป่า
คนมีความรู้ ถ้ารู้จริงมักก้าวข้ามอุปสรรคได้ง่าย คนที่เรียนรู้เป็น เมื่อไม่รู้อะไรก็สามารถไปหาความรู้เพิ่มเติมได้ ส่วนคนมีเงิน ก็มีกำลังในการซื้อของที่มีขายได้สะดวก แต่ถ้าดันมีพร้อม อะไรๆ ดูเหมือนจะง่ายไปหมด ซึ่งนั่นไม่แน่ว่าจะจริงหรอกครับ มีทางเลือกมากมาย เลือกบางอย่างก็เว่อร์ บางอย่างทำอะไรได้มากมายเกินวัตถุประสงค์ แล้วบางอย่างทำอะไรไม่ได้มากแต่ชาวบ้านดูแลเองได้ ฯลฯ น้ำป่าฆ่าคนและทำความเสียหายได้มากมาย จะนั่งดูเฉยๆ ในข่าวทีวีก็ใช่ที่ หากมีเครื่องมือตรวจจับน้ำป่่าง่ายๆ ถูกๆ ไม่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงปรี๊ด ให้ชาวบ้านดูแลได้เองและเตือนภัยอย่างง่าย ไม่ต้องตีความมากได้ก็น่าจะดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องอย่างนี้ ต้องถามความเห็นชาวบ้านด้วยครับ ถึงอย่างไรก็ชีวิตเขานะ
การตรวจจับน้ำป่า
น้ำป่าเกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่รับน้ำ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลง ไหลไปสู่ที่ต่ำ ไปรวมกันตามร่องน้ำ เมื่อรวมกันมามากๆ เข้า ก็เป็นมวลน้ำมหาศาล สามารถกระแทกสิ่งกีดขวางให้พังทลายได้ น้ำปริมาณมากที่ไหลมาในเวลาเดียวกัน จะยกตัวพ้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนเทือกสวนไร่นาของชาวบ้าน กลายเป็นน้ำท่วม
การตรวจจับแบบที่ตรงที่สุด คือตรวจว่ามีน้ำปริมาณมาก ไหลมาหรือไม่ แต่ว่าการตรวจจับแบบนี้ มีความเสี่ยงในแง่ที่ว่าน้ำป่่า มีพลังการทำลายล้างสูง พอน้ำป่ามา เครื่องมือตรวจจับอาจจะไหลไปพร้อมกับน้ำป่าก็ได้ ผู้มีประสบการณ์กับน้ำป่า มักจะระแวงความแรงและอำนาจการทำลายล้างของน้ำป่า และมักจะคิดหาวิธีการอื่น
วิธีการวัดโดยอ้อม คือวัดปริมาณน้ำฝน เมื่อรู้ว่าฝนตกกี่มิลลิเมตร คูณกับพื้นที่รับน้ำ ก็จะได้เป็นปริมาตรของน้ำ ซึ่งพอจะบอกได้โดยอ้อมว่าน้ำป่าจะมาหรือไม่ แรงท่วมท้นขนาดไหน แต่ที่เรียกว่าเป็นการวัดโดยอ้อมนั้น เพราะว่าเมื่อฝนตก ดินแห้งๆ จะดูดซึมน้ำไว้ได้บางส่วน แต่ถ้าฝนตกลงมานานแล้วจนดินชุ่มน้ำแล้ว น้ำก็จะไหลผ่านไปลงลำน้ำอย่างรวดเร็ว วิธีนี้เหมาะกับผู้มีความรู้สูงและติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาครับ [วัดปริมาณน้ำฝน]
จำนวนเครื่องวัดและตำแหน่งที่ติดตั้ง ก็มีความสำคัญเช่นกัน หากติดตั้งคนละฝั่งของสันเขา อาจวัดปริมาณน้ำฝนได้ไม่เท่ากัน เนื่องจากลม ทิศทางของเมฆฝน ดังนั้นการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนในป่านั้น ก็จะต้องเลือกพื้นที่สำหรับติดตั้งให้สุ่มตัวอย่างปริมาณน้ำฝนได้อย่างเหมาะสม เมื่อได้ตัวอย่างอย่างถูกต้องตามหลักวิชาแล้ว ก็ใส่เข้าไปในโมเดลทางคณิตศาสตร์ คำนวณโอกาสเวลาและปริมาณน้ำป่าที่จะไหลมายังชุมชน…
คนอ่านบล็อกผมไม่งงเรื่องนี้หรอกครับ สำหรับชาวบ้าน ก็จะมีการอบรมให้ แต่แหม… มีสักกี่ครั้งที่ อบรมวันสองวันแล้วเปลี่ยนคนที่ไม่มีพื้นฐานให้กลายเป็นผู้รู้ไปได้?
ฝนตกแล้วเกิดน้ำป่าหรือไม่/เมื่อไร ก็เป็นการคำนวณในคอมพิวเตอร์ แรกๆ อาจจะไม่แม่นนัก แต่โมเดลพวกนี้ปรับปรุงได้ ความแม่นยำขึ้นกับความเอาใจใส่ในการสังเกต
วิธีวัดโดยตรง คือวัดปริมาณน้ำในลำน้ำเลย ถ้าระดับน้ำสูงขึ้นโดยรวดเร็ว ก็แสดงอาการของน้ำป่าพัดมาถึงเครื่องมือวัดแล้ว จะเหลือเวลาเตรียมตัวเท่ากับความเร็วของน้ำป่าที่ไหลตามทางน้ำ คูณกับระยะห่างระหว่างจุดที่ติดตั้งเครื่องมือวัดกับชุมชน
น้ำป่าน่ากลัวเรื่องความแรง เพิ่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ จึงน่าจะต่อท่อฝังดินเข้ามาวัดบนตลิ่ง
ระดับน้ำในลำน้ำ กับระดับน้ำในท่อวัดเป็นระดับเดียวกัน
ท่อที่ฝังอยู่ใต้ดิน นำน้ำจากลำน้ำเข้ามาในท่อวัด แต่ท่อนำน้านี้ เอียงเล็กน้อยหวังว่าจะช่วยให้ไม่ให้ตะกอนนอนก้นท่อได้บ้าง หรือว่าเวลาที่จำเป็นต้องล้างท่อนำน้ำ จะช่วยไล่ตะกอนออกไป
ทีนี้การวัดระดับน้ำ ก็วัดได้สองวิธี
อย่างแรกติด pressure guage ที่ก้อนท่อ อย่างนี้ไม่ดีหรอกนะครับ น้ำป่ามีตะกอน เมื่อตะกอนเข้ามาในท่อวัดน้ำ สะสมเข้ามากๆ ก็จะทำให้อ่านค่าไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งคือ pressure guage วัดความดัน แต่ดันต้องจุ่มอยู่ในน้ำ แล้วพยายามวัดความสูงของน้ำเอา แต่เวลาน้ำป่าถล่ม มันไม่ได้ไหลมาเอื่อยๆ นิ่งๆ หรอกครับ มันโครมครามจะตาย ดังนั้นการวัดระดับน้ำจาก pressure guage แม้จะมีคนใช้มากมาย จึงไม่เหมาะสม แล้วผมไม่บ้าจี้ทำตามแห่หรอกครับ
อีกอย่างหนึ่ง แทนที่จะวัดความสูงของน้ำจากจากด้านล่างของท่อวัด เราเปลี่ยนไปวัดอากาศในท่อวัดที่อยู่เหนือน้ำก็ได้ วิธีการก็ง่ายๆ คือติดเคื่องส่งพัลซ์อัลตราโซนิคและเครื่องรับ ซึ่งอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ (ราคาชุดละประมาณ 900 บาท แต่ถ้าสั่งเข้ามา รวมค่าขนส่ง ค่าภาษี ก็ไม่น่าจะเกิน 1,800 บาท) ท่อน้ำทั้งสอง จะเป็นเหล็กหรือพีวีซีก็แล้วแต่เห็นสมควร
เครื่องส่งพัลซ์อัลตราโซนิค ส่งเสียงลงไปในท่อ ไม่ว่าจะชนขอบท่อ หรือพุ่งตรงไปยังน้ำเบื้องล่างก็ตาม เมื่อเสียงสะท้อนกลับมา เราวัดเวลาตั้งแต่เริ่มส่งเสียงไปจนได้รับเสียงสะท้อนกลับมา แปรค่าเวลาเป็นระยะทางได้ เมื่อหักออกจากความยาวท่อ ก็จะได้ความสูงของน้ำในท่อ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ หน่วยเป็นพันบาทครับ หาโทรศัพท์มือถือราคาถูกๆ ถ้าติดต่อผ่านพอร์ตอนุกรมได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ แกะคีย์บอร์ดออก แล้วทำเหมือนส่ง SMS ผ่านการกดคีย์บอร์ดก็ง่ายดี
และถ้าจะเอาไว้เตือนน้ำป่าอย่างเดียว ใส่ลูกลอยไว้ในท่อวัด(แนวตั้ง)อันหนึ่ง เมื่อน้ำสูงขึ้นถึงระดับวิกฤต ให้ลูกลอยลอยขึ้นกดไมโครสวิทช์ และกดอยู่อย่างนั้นจนระดับน้ำลดต่ำกว่าระดับวิกฤต ระดับวิกฤตก็มีอยู่ระดับเดียว แค่ไหนก็แค่นั้นครับ ง่ายดี
ถ้าเราวัดปริมาณน้ำได้ ก็จะมีประโยชน์ในแง่อื่นหลายอย่าง แต่ปริมาณน้ำว่ากี่ลูกบาศก์เมตร/วินาที หรือสูงกี่เมตร ไม่มีประโยชน์ต่อการเตือนภัยน้ำป่าครับ ถ้าน้ำสูงเกิดระดับวิกฤตแล้ว ต้องเตือนให้ชาวบ้านเผ่นลูกเดียว
« « Prev : ประชาคมต้นน้ำของโคราช
ความคิดเห็นสำหรับ "เตือนภัยน้ำป่า"