เที่ยวอุทัย
อ่าน: 3902อุทัยธานีไม่ใช่เมืองผ่าน ที่จริงแล้วมีที่เที่ยวเยอะนะครับ แต่คงไม่เหมาะกับผู้ที่ติดกับความเจริญเท่าไหร่ — อุทัยธานี เมืองแห่งใจ ใครคิดอย่างไร ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว
เมืองอุทัยธานีมีความหลังกับครอบครัวผม เมื่อตอนที่ผมยังทำธุรกิจอยู่ ปรารภกับพนักงานว่าเมื่ออยู่ร่วมหัวจมท้ายกัน ก็ควรจะทำบุญร่วมกันสักครา โดยขอความเห็นทางคณะกรรมการพนักงานสัมพันธ์ (Employee Relations Committee คือสหภาพฯ นั่นแหละครับ) ว่าจัดการบุญกฐินนี้ได้ไหม เนื่องจากผมไม่อยากให้เป็นลักษณะคำสั่งจากบนลงล่าง ถ้าทำบุญร่วมกัน ก็ทำร่วมกันดีกว่าสั่งให้ทำ ทาง ERC รับปาก แต่ก็มีเรื่องตลก คือจวนจะหมดหน้ากฐินแล้ว ประธาน ERC มาสารภาพว่าทำไม่ทัน เพราะเขาเป็นคริสต์ ไม่รู้มาก่อนว่ามีกำหนดเวลาด้วย ก็เลยจองกฐินไม่ทัน… ฮาๆๆๆ ไม่เป็นไรครับ ต่อให้เป็นพุทธ ถ้าไม่ได้ใส่ใจ ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในที่สุด เราก็ไปทอดผ้าป่าแถวห้วยขาแข้งกันแทน…ปีต่อๆ มาจึงเป็นกฐิน ซึ่งก็เลือกวัดที่กันดาร ไกลๆ ทั้งนั้นเลย…ยกเว้นอยู่ปีหนึ่งซึ่งไปรับกฐินพระราชทานมา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่อุทัยธานี มีวัดเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิปทาดี พ่อจองกฐินที่วัดนี้ (ถ้าจำไม่ผิดก็สองปีซ้อน ปีแรกผมไม่ได้ไปด้วย เพราะสมัยนั้นผมยังเด็กและเดินทางลำบาก) บริษัทที่พ่อบริหารอยู่มีพนักงานสองหมื่นคน จึงได้ปัจจัยมามากจนเป็นที่ร่ำลือกันไปหลายจังหวัด ว่ากฐินบริษัทนี้เป็นกฐินใหญ่ — กฐินคือผ้า อย่างอื่นเป็นเครื่องประกอบ แต่กลายเป็นว่าองค์กฐินดูจะสำคัญกว่าผ้าไปซะแล้ว…พิลึกจริง
ไปวัดนี้มาตั้งแต่หลวงพ่ออยู่กุฏิริมน้ำหลังคาสังกะสี รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เมื่อเริ่มมีคนมาวัดมากขึ้น พ่อก็ทำโรงกรองน้ำถวายให้เป็นประปาของวัด ภายหลังหลวงพ่อมาบ้านท่านเจ้ากรมเสริม (บ้านสายลม) หนังสือประวัติหลวงพ่อปานเผยแพร่ ซื้อที่ขยายวัดข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของถนน เกิดวิหารใหญ่ มณฑป โรงพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ
มีคำร่ำลือว่าหลวงพ่อชำนาญทางวิชชาสาม ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว-ไม่ควรจะวิพากษ์วิจารณ์ไปโดยความไม่รู้ รู้เห็นอะไรมา พอมาเล่าต่อ ก็เล่าไม่เหมือน หลวงพ่อพูดเกี่ยวกับพ่อไว้หลายอย่าง แต่ห้ามทางเรียนทางฤทธิ์! รู้อะไรมาก็ไม่ให้โอ้อวด (เป็นอุปกิเลส) ทั้งหลวงพ่อและพ่อมีความผูกพันกันมาแต่เก่าก่อน ผมจำรายละเอียดไม่ได้เนื่องจากได้ยินนานมาแล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกินความเข้าใจของผม ก็จะไม่เล่าล่ะครับ; ต่อมาปี 2527 พ่อป่วยเป็นโรคหัวใจ ก็เป็นห่วงครอบครัว หลวงพ่อบอกคุณโยมไม่เป็นอะไรไปก่อนอาตมาหรอก หลวงพ่อละสังขารไปเมื่อปี 2535 ส่วนพ่ออยู่มาจนปัจจุบันนี้
แต่พ่อแก่มากแล้ว ร่างกายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา เวลาอยู่กับบ้านเฉยๆ ก็เบื่อนะครับ แต่ครั้นจะชวนไปสมบุกสมบันนักก็ไม่ไหว เมื่อหลายเดือนก่อน ผมชวนพ่อแม่ไปอุทัยธานีอีก ชวนไปวัดครับ ครอบครัวน้องไปด้วย รวมทั้งหมด 7 คน เช่ารถตู้ไปกัน สามวันสองคืน
แต่สังขารของหลวงพ่อซึ่งละแล้ว หรือสิ่งปลูกสร้าง ถาวรวัตถุ คงไม่สำคัญไปกว่าคำสอนหรอกนะครับ
สมเด็จองค์ปฐม — พระพุทธเจ้าองค์แรกสุด ไม่ใช่กัปป์นี้
« « Prev : ตรวจปริมาณฝนระยะไกล
Next : น้ำท่วมกลับไม่มีน้ำดื่ม (2) » »
7 ความคิดเห็น
อุทัย-อ่างทอง-สิงห์บุรี-ชัยนาท เป็นกลุ่มจังหวัดที่สงบ สวยงาม ไม่ค่อยเป็นข่าวเหมือนจังหวัดอื่น ผู้คนที่อาศัยในจังหวัดเหล่านี้โชคดีเหลือเกิน ที่อยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์และปกติสุข ลงภาพอวดอีกหน่อย อยากเห็นภาพสถานที่สำคัญๆ
“ถึงอุทัย ไม่ต้องอุธรณ์ ค่ำแล้วนอน ที่เมืองอุทัย” …. ข้อความนี้ยังจำได้ตอนไปเที่ยวที่นั้น
น่าจะปี 2529-2530 ไปอบรมกรรมฐานที่วัดโบสถ์ ซึ่งวัดอยู่ริมแม่น้ำตรงข้ามกับตัวเมือง มีพลเอกอาทิตย์ไปเป็นประธานเปิดงาน ตอนเช้าหลังจากฉันข้าวต้ม รถทหารก็พาไปบิณฑบาตของแห้งที่ปากน้ำโพนครสวรรค์ กลับมาก็ใกล้เพล ตอนบ่อยก็อบรม… มีวันหนึ่ง อาตมาก็ขาดการอบรมไปเที่ยววัดท่าซุง และเดินเที่ยวเมืองชมวัดแถวๆ นั้น… อบรมได้ 3-4 วัน ฝนเริ่มตกหนัก มีพระเริ่มเก็บกลดไปที่อื่นต่อ อาตมาก็เลยไปกับเขาบ้าง…
หวลรำลึกชีวิตในสมัยแรกบวช แบกกลดไปตามยถากรรม มีปัจจัยติดตัวเล็กน้อย (บางครั้งก็ไม่ถึงร้อย) เดินบ้าง โปกรถบ้างตามประสา พบเพื่อนสหธัมมิกบางรูปถูกอัธยาศัย ชวนไปที่โน้นที่นี้ก็ไปด้วยกัน แล้วก็แยกทางกัน ก็มีความสุขสงบและท้าทายดี…
รู้สึกว่าจะแก่แล้ว เพราะมีสาเหตุให้เล่าความหลังได้เรื่อยๆ (…………..)
เจริญพร
สมมุติว่าผมเป็น NGO วิ่งพล่านช่วยคนไปทั่วประเทศ ถ้าไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่อำเภอละเดือน ซึ่งก็คงไม่รู้จักอำเภอนั้นเท่าไหร่ เพราะแต่ละอำเภอมีตั้งหลายตำบล แต่ละตำบลมีหลายหมู่บ้าน ผ่านไปสิบปีโดยไม่กลับบ้านเลย ผมจะเคยอยู่มาได้แค่ 120 อำเภอ จากทั้งหมด 878 อำเภอทั่วประเทศ — ทีนี้เวลาใครบอกให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วจะดีที่สุดสำหรับเมืองไทย คงต้องถามกลับว่าที่บอกอย่างนี้ รู้จักเมืองไทยดีแค่ไหนแล้วล่ะครับ
ผมเห็นวัดใหญ่แห่งหนึ่งในอุทัยธานี้แล้วเศร้า วัดหลวงพ่อตั้ง ไม่ต่างอะไรกับพรรคการเมืองที่หัวหน้าพรรคตั้ง พอหมดหัวหน้าก็หมดพลัง ทุกวันนี้เห็นมีรถทัวร์มากันประปราย มาดูกระจกวาวๆที่ประดับโบสถ์ ซื้อของที่ระลึก ถ่ายรูป สะบัดก้น แล้วเถิดเทิงทัวร์กันต่อ เอวังฯ
ริมน้ำสะแกรกรัง ก็ทำเก๋ เอาภาษีชาวบ้านมาสร้างน้ำพุฉีดขึ้นมา แต่ขยะตรึม ไม่เคยเก็บ เทศบาลบ้านนอกไทยเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ชอบสร้างสิ่งหวือหวาไม่จำเป็น (หัวคิว) แต่ไม่เคยมีแนวคิดในการเก็บงำบำรุง