ปรับตัว

โดย Logos เมื่อ 23 March 2010 เวลา 17:45 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต #
อ่าน: 3047

พริก ภาษาไทยนี่ล่ะครับ

เป็นเรื่องที่ร่ำลือมาว่าพริกปลูกยาก ไปยุ่งกับเค้ามากมักไม่งาม คือคนไม่รู้แต่ดันคิดว่ารู้ เลยทำไปในสิ่งที่ตัวไม่รู้ ผลก็มักออกมาไม่ดีอย่างที่ตั้งใจ

ภาพนี้ถ่ายมาสามปีแล้วจากงานสัมนาอันหนึ่ง (CAMP 11) เป็นต้นพริกโตขึ้นเองจากรอยแตกของคอนกรีต เห็นแล้วก็เข้าใจได้ว่าไม่มีใครไปประคบประหงม เขาก็โตขึ้นเองได้ครับ

… เมื่อกี๊หิ้วกล้องออกไปนอกบ้าน จะไปถ่ายพริกข้างรั้วไว้มาให้ดู สองวันก่อนเห็นเม็ดแดงเปล่งปลั่ง พรึบพรับไปหมด วันนี้ออกไป อ้าว…ไม่มีสักเม็ด

คนปลูกเขามาเก็บไปแล้วน่ะซิครับ; ผมไม่ได้ปลูก ไม่กินเผ็ด ไม่กินพริก แล้วจะปลูกพริกทำไม

ถามว่าปลูกพริกทำยังไง ง่ายๆ ก็เมล็ดฝังดิน รดน้ำ ไม่ต้องไปคำนวณสารอาหาร ปรับอินทรีย์วัตถุในดิน หรือว่าพรวนดินทุกวัน นั่นล่ะนะครับ อาการอยากควบคุมมากเป็นอาการของคนใกล้บ้า ไม่ไว้ใจใคร ส่วนคนที่อยากถูกควบคุมตลอดเวลาเป็นบ้าไปแล้ว เป็นคนอยู่ดีๆ ดันอยากเป็นเครื่องจักร

พริกเติบโตได้เองตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขามาก หาพันธุ์ที่ดี ใส่ปัจจัยเอื้ออำนวยกับการเจริญเติบโตก็พอแล้ว ขืนไปปรับแต่งมากเกินไปเหมือนกระบวนการทางอุตสาหกรรม ก็จะเป็นการฝืนธรรมชาติ

ธรรมชาติปรับตัวเสมอ ผมมีลูกน้องอยู่รอบๆ บ้านประมาณสองโหล ในบ้านผมมีตัวเดียว ที่เหลือกระจายกันอยู่เป็นโซน โซนหน้าบ้านและข้างบ้านเป็นพวกโตแล้วและเป็นเจ้าถิ่น ส่วนหลังบ้านซึ่งเป็นบ้านน้อง ก็มีกลุ่มในบ้าน และกลุ่มนอกบ้าน

เดิมทีผมให้กลุ่มเจ้าถิ่นกินก่อน ใครอยู่ช่วงเย็นๆ ก็ได้กิน ใครไปเที่ยวก็อดไป เดี๋ยวนี้มันรู้มาก มารอกันหน้าบ้านทุกเย็น ถ้าเห็นผมเดินมาหา ส่วนใหญ่จะบิดขี้เกียจโชว์แบบนอบน้อม (เป็นท่าที่ไม่สามารถจะป้องกันตัวได้ แปลว่าไว้ใจสุดขีด) พอให้กลุ่มนี้กินแล้ว ก็เดินอ้อมบ้านไปข้างหลัง ไปให้โสรยา มาริลิน และลูกทั้งเจ็ดกิน แล้วพวกในบ้านน้องอีกหกตัวเมื่อได้ยินเสียงจะเห่าเรียก ไม่รู้ว่าจะเรียกไปทำไม ก็ได้กินทุกทีนั่นแหละ

ตั้งแต่เมื่อวาน กลุ่มเจ้าถิ่นกินเสร็จแล้วเดินตามมากินก๊อกสองกับพวกหลังบ้าน มาแย่งยายหมา แม่หมา และลูกหมา บางทีอยากกินมากก็ขู่หมาเด็กและสตรี ยังดีที่พอผมดุปุ๊บก็จ๋อยทันทีเช่นกัน แล้วเลิกขู่เฉพาะตอนที่ยังจำได้

ธรรมชาติมีการปรับตัว หมามีการเรียนรู้ ผมก็ต้องปรับตัว ไม่อย่างนั้นจะมีหมาอดกิน

ท่านผู้อ่านก็เช่นกัน ถ้าเมื่อวานกับวันนี้ยังเหมือนกัน น่าอายนะครับ

« « Prev : ลาออก

Next : คิดให้รู้จักพอและการทำดีต้องไม่มีพอ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 March 2010 เวลา 21:27

    บันทึกนี้ ชัดเจนเลย เพราะสังเกตต้นไม้ในวัดเยอะ พวกกาฝากที่ขึ้นตามสถูปเจดีย์ในวัด กำจัดยากสุดๆ อาจเป็นเพราะมันกปรับตัวได้ระดับสุดยอด…
    คุณหมาวัดทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อครู่ ก็นั่งวิจารณ์กันเรื่องนี้…

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ตรงประเด็นก็คือสถานภาพใหม่ การเป็นสมภาร ต้องปรับตัวหลายอย่าง พระเถระผู้มากประสบการณ์ได้เตือนตอนทำศพอดีตเจ้าอาวาสว่า อย่างเพิ่งทำอะไร ให้อยู่เรื่อยๆ ไปก่อน…

    ยากยิ่งก็คือนิสัยถาวรหรือสันดานบางอย่าง คงจะเป็นวาสนาที่สั่งสมมานาน ซึ่งถ้าตามหลักพระพุทธศาสนา วาสนาบางอย่างนั้น ระดับพระอัครสาวกก็ละไม่ได้ ต้องระดับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงละได้ทุกอย่าง… แต่ถึงอย่างไรก็คงต้อง “ปรับตัว”

    เจริญพร

  • #2 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 March 2010 เวลา 9:37

    วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน เพระวันนี้น้ำมูกลดลงหายใจได้ดีขึ้น
    วันนี้แย่กว่าเมื่อวาน เพราะอาการดีขึ้นก็เริ่มจุ้นจ้านไปประชุมที่ต้องใช้เสียง และจุ้นจ้านเพิ่มอีกหลายเรื่อง
    วันนี้เท่ากับเมื่อวาน เพราะยังหลงกับการอยากกินของอร่อย อยากไปเที่ยวเล่น อยากฯลฯ

    ชีวิตแต่ละวันมีทั้งเหมือนและไม่เหมือน ปรับตัวเลยต้องทำทุกวัน…แต่พอใช้คำว่าปรับตัวก็ไม่ค่อบชอบใจค่ะ เพราะเมื่อใช้คำว่าปรับตัวสามารถคิดในมุมมองที่เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน หรืออีกสำนวนคือ โทษสิ่งแวดล้อมว่าเป็นเหตุ
    แต่เพระเป็นคำที่ใช้แล้วเข้าใจได้ดี ก็เลยไม่ควรหลงไปติดที่คำ….

    ความเห็นนี้คือหลักฐานเชิงประจักษ์ของความจุ้นจ้านที่เพิ่มจากเมื่อวาน


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.081293106079102 sec
Sidebar: 0.13944697380066 sec