ฉุกละหุกอีกแล้ว #น่านนะซิ
วันนี้มีกำหนดนัดหมายตอนบ่ายโมงที่วัดบัวหลวง อ.สามโคก ปทุมธานี ในการอบรมการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ และ EM Ball โดยการสนับสนุนของการประปานครหลวง #SaveTheRiver จึงนอนเอาแรงไปสักพัก ตื่นขึ้นมาเพราะโทรศัพท์ ดูนาฬิกานึกว่าเก้าโมงกว่า (ที่จริงบ่ายโมงสี่สิบห้าแล้ว!) ได้รับแจ้งข่าวฉุกเฉินถึงสถานการณ์น้ำท่วมหนักในจังหวัดน่าน ต้องรีบประสานการจัดเตรียมระดมความช่วยเหลือโดยด่วน
ที่ว่าฉุกละหุกนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีการเตือนหรือการคาดคะเนภัยล่วงหน้า เป็นเพราะมีการคาดการณ์ล่วงหน้าแต่ไม่ได้ทำอะไรต่อหลังจากนั้น มัวแต่มาลุ้นว่าแม่นหรือไม่แม่น ถ้าหากเรามีความสามารถและมีความมั่นใจในการคาดการณ์จริง ไม่ควรนั่งรอภัยพิบัติให้เกิดขึ้นหรอกนะครับ ควรจะเตรียมรับผลกระทบล่วงหน้า มนุษย์กระจ้อยร่อย ไม่มีกำลังที่จะต่อกรกับธรรมชาติได้ แต่หากได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า ก็จะบรรเทาผลกระทบไปได้บางส่วน
ที่จริงจะว่าไม่ทำอะไรเลยนั้น คงไม่ถูกเสียทีเดียว เพียงแต่การเตรียมการนั้นยังไม่พร้อม วอร์รูมภาคประชาชนยังไม่มี แบนด์วิธอินเทอร์เน็ตยังไม่มี อุปกรณ์สำหรับทำแผนที่สถานการณ์กำลังทำแต่ยังไม่เสร็จ ส่วนภาครัฐนั้นมีมติ ครม.ออกมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน [มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2554] ผ่านไปเกือบสามเดือนแล้ว ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาประกาศออกมา อันนี้ทำให้การให้ความช่วยเหลือของนิติบุคคลซึ่งมีกำลังมากต่อประชาชน ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านตัวแทน แทบทำไม่ได้เนื่องจากจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม (เป็นศัพท์ทางบัญชีแต่จะไม่อธิบายล่ะ)
น่านมีถนนเข้าออกทางเดียวเลียบไปตามไหล่เขา งานนี้คงไม่ง่ายนัก ด้วยบทเรียนที่ผ่านมา ควรจะมีการตั้งฐานกระจายความช่วยเหลืออยู่ใกล้พื้นที่ประสบภัย มีการรักษาความปลอดภัยจากสัมภเวสีเป็นอย่างดี มีบัญชีควบคุมการเบิกจ่าย อย่าเอารถวิ่งจากส่วนกลางไปสู่พื้นที่ประสบภัย เพราะว่าสิ่งของบริจาคจะเข้าพื้นที่อย่างไม่ทั่วถึงและเท่าเทียม (รถใหญ่ออกจาถนนใหญ่ไม่ได้ คนที่ได้ก็จะได้อยู่เรื่อย ส่วนคนที่ไม่ได้ก็แห้วตลอดงาน)
เมื่อน้ำท่วมน่านแล้ว น้ำก็จะไหลลงมาตามภูมิประเทศ สู่อุตรดิตถ์ พืษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ มีบึงขนาดใหญ่รองรับน้ำได้สองแห่งที่อุตรดิตถ์และนครสวรรค์ คาดว่าไม่น่าจะท่วมลงมาเลยปากน้ำโพ แต่ก็ยังคงต้องดูในรายละเอียดต่อไป
ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นซํ้าแล้วซํ้าอีก และส่งผลกระทบต่อพี่น้องชาวไทยในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
และเหตุการณ์ล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นที่จังหวัดน่าน ส่งผลกระทบพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดน่าน เกิดนํ้าท่วมสูง อิทธิพลของพายุโซนร้อน “ไหหม่า” (Haima) ทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน จนถึงขณะนี้ทำให้น้ำในลำห้วยเพิ่มระดับสูงอย่างรวดเร็วและไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก
ล่าสุดนํ้าได้ทะลักเข้าท่วมเขตเทศบาลเมืองน่านแล้วและผู้ที่อาศัยอยู่ตลอดลำนํ้าน่าน และระดับนํ้ายังมีทีท่าว่าจะเพิ่มปริมาณขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
– ส่วนหนึ่งจาก mailing list ของ thaiflood.com
มูลนิธิโอเพ่นแคร์เปิดรับบริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามลุ่มน้ำน่าน โดยเปิดรับบริจาคที่บัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลพลาซ่าแจ้งวัฒนะ เลขที่บัญชี 402-177853-3 ชื่อบัญชี มูลนิธิโอเพ่นแคร์เพื่องานอาสาฟื้นฟูผู้ประสบภัยพิบัติ เมื่อบริจาคแล้ว กรุณาระบุวัตถุประสงค์ของเงินบริจาค โดยกรอกฟอร์มที่ http://bit.ly/opencare-volunteerfund
- ระบุ #น่านนะซิ หากเป็นการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในลำน้ำน่าน
- ระบุ #ThaiFlood หากเป็นการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกพื้นที่ผ่านศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคประชาชน ThaiFlood.com
- ระบุ #ArsaDusit หากเป็นเงินบริจาคเพื่อให้กลุ่มอาสาดุสิตใช้ทำงานบรรเทาทุกข์
เงินบริจาคที่ไม่ระบุวัตถุประสงค์ (เหมือนหยอดกล่องรับบริจาคทั่วไป) จะไปลงในช่อง ให้พิจารณาใช้ได้ตามความจำเป็น ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้ใช้เกื้อกูลการทำงานของอาสาสมัครภาคประชาชนในช่วงที่เกิดภัยพิบัติหลายครั้งที่ผ่านมา เงินบริจาคทุกกอง จะใช้ให้หมดตามวัตถุประสงค์ เงินบริจาคที่ระบุวัตถุประสงค์มา จะไม่มีการนำเงินไปใช้เรื่องอื่น
ตรวจสอบยอดบริจาคตลอดจนการเบิกจ่ายได้ที่ http://www.opencare.org/relief/opencare-volunteerfund
« « Prev : ร่มบิน
Next : เรือยนต์ » »
2 ความคิดเห็น
ภูมิประเทศของน่าน มีความลาดชัน แต่แม่น้ำก็คดเคี้ยวไม่เบา ดังนั้นแทนที่น้ำจะลดลงได้เร็ว ก็อาจจะลดไม่เร็วดั่งใจ ถ้ามีฝนตกทางทางเหนือน้ำ (อำเภอท่าวังผา ปัว ทุ่งช้าง และสองแคว ซึ่งมีภูเขาสูงเป็นพื้นที่รับน้ำฝน รวบรวมน้ำเทลงมาในแม่น้ำน่านไม่มียั้ง) ก็จะลงมาสมทบกับน้ำที่ยังท่วมอยู่จะไปกันใหญ่
ความยากลำบากของกรณีนี้ คือน่านมีทางเข้าออก”ทางเดียว” ต้องใช้การขนส่งทางรถยนต์เท่านั้น เรียกว่าทางหลวง 101 เป็นจุดตาย เพราะทางหลวง 1091 ไป อ.เชียงม่วน พะเยานั้น คดเคี้ยวและตัดผ่านภูเขา อาจจะเหมาะสำหรับขนคนมากกว่าขนความช่วยเหลือ
น้ำที่ไหลผ่านจากน่านจะไหลลงเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งในขณะปัจจุบัน ยังรับน้ำได้อีกสี่พันล้านลูกบาศก์เมตร (วันนี้วันเดียวมีน้ำไหลลงเขื่อน 120 ล้านลูกบาศก์เมตร) แต่หากเขื่อนสิริกิติ์รับไม่อยู่ น้ำจะไหลลงไปยังพิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ ซึ่งมีพื้นที่รับน้ำใหญ่อีกแห่งหนึ่ง คือบึงบอระเพ็ด นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีพื้นที่แก้มลิงที่ใหญ่พอที่จะรองนับน้ำแล้วครับ
ถ้าเขื่อนสิริกิติ์และบึงบอระเพ็ดรับไม่ไหว ด่านต่อมาก็เขื่อนเจ้าพระยาที่ชัยนาท ซึ่งคงรับไม่ได้มาก จากนั้นก็เปียกกันทั่วถึง
ในสภาพแบบนี้ สิ่งที่พอจะทำได้ตอนนี้คือการส่งน้ำและอาหารให้กับคนกว่าแสนคน ที่ประสบภัยน้ำท่วมที่น่านไม่สามารถออกมารับของได้ คงต้องใช้ขนส่งทางอากาศทางเดียวที่ทำได้ในตอนนนี้ แล้วขอรถสะเทิ้นน้ำสะเทินบกจากกองทัพ มาเสริมค่ะ