ระบบจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยของสังคม

โดย Logos เมื่อ 4 August 2010 เวลา 17:59 ในหมวดหมู่ สังคม ชุมชน ครอบครัว #
อ่าน: 3584

วันนี้มีโอกาสเข้าร่วมสังเกตการณ์ ในการประชุมคณะกรรมการวิชาการคณะที่ 1042 (มาตรฐานระบบจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยของสังคม) กระทรวงอุตสาหกรรม — เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเตรียมพร้อม จัดเตรียมแผน ฝึกซ้อม ก่อนที่สถานการณ์จริงจะเกิดขึ้น เพราะว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ด้วยผลของเหตุการณ์ หรือด้วยความอลหม่าน จะทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง ยิ่งทิ้งไว้นาน ก็ยิ่งแก้ไขลำบากขึ้น และมีคนเดือดร้อนมากขึ้นครับ

ฟังดูคำว่า มาตรฐานระบบจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยของสังคม รู้สึกจะเป็นการทำเรื่องที่ใหญ่กว่าเรื่องใหญ่ แต่ละคำมีความหมายกว้างขวางใหญ่โตนะครับ ซึ่งนั่นไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่า

  1. ภัยพิบัติ หรือสิ่งใดก็ตามที่ทำให้วิถีชีวิตของผู้คน ไม่สามารถดำเนินไปได้ตามปกติ (รวมถึงผลกระทบต่อธุรกิจ การเดินทาง จ่ายสาธารณูปโภคไม่ได้ ลมฟ้าอากาศ การก่อการร้าย การประท้วงโดยไม่สงบ หรือแม้แต่การจราจรที่หนาแน่นผิดปกติเป็นเวลานาน ฯลฯ) จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อม ดูแล วางแผนป้องกันหรือผ่อนคลาย
  2. สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่มีกฎหมายกำหนดหน้าที่การออกมาตรฐาน ออกคำแนะนำ หรือออกประกาศ และไม่ได้ใช้กับด้านอุตสาหกรรมเท่านั้น สมอ.เป็นหน่วยงานเทียบเคียงกับ ISO จึงไม่มีหน่วยงานใดที่เหมาะกว่า สมอ.ที่จะรวบรวมประเด็นต่างๆ เพื่อออกคำแนะนำ

งานของ กว.1042 นี้ ทำคู่ขนานอยู่กับ Technical Committee 223 ขององค์การมาตรฐานโลก (ISO) และได้ออกมาตรฐานแรกชื่อ ระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ - ข้อกำหนด ออกมาเป็น มอก.22301-2553 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม 127 ตอนพิเศษ 71ง วันที่ 7 มิถุนายน 2553; ผมพยายามจะค้นมาตรฐานนี้ออกมาให้อ่านกัน แต่ว่าเข้าเว็บไซต์ของราชกิจจานุเบกษาไม่ได้ (ตามเคย)

ก็ตัดตอนมาให้ดูนิดหน่อยนะครับ

1. ขอบข่าย

1.1 มาตรฐานนี้ ระบุข้อกำหนดในระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย การวางแผน การดำเนินการ การติดตาม การทบทวน การฝึกซ้อม การรักษาไว้ และการปรับปรุงระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจที่ได้จัดทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้ในการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กร

1.2 มาตรฐานนี้ใช้ได้กับองค์กรทุกขนาดและทุกประเภท สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาวะทางธุรกิจและความซับซ้อนในการดำเนินการขององค์กร โดยคำนึงถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ความต้องการของลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนลักษณะของผลิตภัณฑ์และบริการ

ดังนั้นหมายความว่ากิจการที่มีความสำคัญยิ่งยวด และกิจการที่จำเป็นต้องดำเนินการต่อเนื่อง เช่นกิจการสาธารณูปโภคสาธารณูปการ กิจการในตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดตราสาร ตลาดสินค้าล่วงหน้า กิจการกู้ธุรกิจ (Disaster Recovery Service) หรือกิจการที่มีจุดตาย (single point of failure) น่าจะลองพิจารณาดูครับ เป็นมาตรฐานที่ไม่บังคับให้ทำ แต่เป็นเหมือนคำแนะนำคร่าวๆ ที่เกิดมาจากแนวปฏิบัติที่ดี — หมายความว่ากลั่นมาจากประสบการณ์ของคนอื่น ที่เคยผ่านสถานการณ์มาแล้ว

มาตรฐานชุดนี้ มอก.22301-2533 เป็นมาตรฐานแรกที่ออกมา เทียบเคียงได้กับ ISO 22301  International Business Continuity Standard ซึ่งร่างโดย ISO/TC 223

กว.1042 นี้ มีขนาดใหญ่โตกว่า กว.อื่นๆ ถึงเท่าตัว ทั้งนี้เป็นเพราะขอบข่ายของมาตรฐานกว้างขวาง ครอบคลุมลักษณะและขนาดขององค์กรที่หลากหลายมาก แต่เมื่อพิจารณาจากผลงาน (ผมอ่านเอกสารย้อนหลัง) ก็ยอมรับว่าประทับใจครับ; การประชุมตรงประเด็น ไม่ได้รวบรัด แต่ว่าไม่ออกนอกประเด็นเลย ใช้เวลาไม่มาก มีการติดตามผลจากครั้งก่อน มี action item ที่แน่นอน

ถ้าหา มอก.22301-2533 มาอ่านได้ ผมว่าน่าอ่านนะครับ จะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ แต่เมื่ออ่านแล้ว จะมองเห็นความเสี่ยงเชิงระบบได้ง่ายขึ้น แล้ว Business Continuity ก็ไม่ใช่ความต่อเนื่องของธุรกิจ แต่เป็นความต่อเนื่องของการดำเนินงานขององค์กร

« « Prev : ยืนยัน

Next : มาบ่อย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 August 2010 เวลา 7:09

    คิดไม่ถึงว่าประเทศี้จะมี
    -มาตรฐานระบบ
    -จัดการด้านการรักษาความปลอดภัยของสังคม
    >> สังคมป่วย จึงสนใจว่าเขาจะมีความรู้เรื่องนี้อย่างไร?
    >> คงจะติดตาม ศึกษา ห่างๆ ต่่อๆๆไป
    ความปลอดภัยของสังคม เป็นเรื่องร้ายแรง ที่แตกตัวแตกต่างกัน โดยเฉพาะความแตกต่างทางลัทธิ -ความคิด-ความรู้สึก
    คววามรู้สึกของสังคมๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเป็นฉันใด ถึงจะรู้สึกปลอดภัย ไว้วางใจ และร่วมใจ กัในที่สุด
    หน้าที่คนไทย ต่อ ประเทศไทย จะสร้างด้วยระบบและมาตรฐานใด ถึงจะเป็นมรรคเป็นผล

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 August 2010 เวลา 12:57
    เรื่องความปลอดภัยและความต่อเนื่องของสังคม เป็นเรื่องที่ทุกคน เป็นประโยชน์ร่วมกัน ทุกภาคส่วนควรจะร่วมกันทำครับ จะปล่อยให้ส่วนกลางทำแต่ผู้เดียวคงไม่เวิร์ค เพราะว่าขอบเขตมันใหญ่เกินกำลังคนไม่กี่คน จะมาแก้ปัญหาที่หมักหมมมานาน

    อันนี้เช่นเดียวกับเรื่องสมานฉันท์+ปฏิรูป ซึ่งผมก็คิดว่ากรรมการทุกท่านเข้าใจประเด็นนี้ดีทีเดียว ว่าคณะกรรมการปฏิรูปฯ ไม่ใช่ผู้วิเศษจะมาเนรมิตให้เกิดอย่างโน้นอย่างนี้ แบบที่ชอบพูดเสียดสีกันนะครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.14395499229431 sec
Sidebar: 0.14766693115234 sec