ขอนแก่น ตอนก่อนตอนแรก
อ่าน: 2647ในหลายปีที่ผ่านมา ผมไปบรรยายให้นักศึกษาฟังหลายครั้ง และมักจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังแทนการเปิดตำรามาเล่า ดังนั้นเมื่ออาจารย์ต้อมชวนมาพูด จึงเข้าทางพอดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื้อเวทีไปนานเหมือนกัน
แต่การบรรยายของผม ไม่เคยซ้ำกันเลยครับ ทำสไลด์ใหม่ทุกครั้งเพื่อให้เหมาะกับผู้ฟัง ทำอย่างนี้ก็เหนื่อยหน่อย แต่คิดว่าคุ้มค่า; ผมไม่เอาตำรามาเล่าเพราะว่าถ้าผมอ่านได้ ใครๆ ก็อ่านได้ครับ เอาสิ่งที่หาที่ไหนไม่ได้มาให้ดีกว่า ก็คือเรื่องที่ผมพบเห็นมา
โจทย์คราวนี้เรื่องสิ่งที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน เป็นโจทย์ที่น่าสนุก ทำอย่างไรจึงจะชี้สิ่งที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน แต่ไม่ให้รู้สึกว่าเป็นการตำหนิหรือเป็นการชี้ข้อบกพร่อง; สำหรับคนที่มีปัญญาซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพียงสะกิดนิดเดียวก็เข้าใจแล้วว่าอะไรใช่-อะไรไม่ใช่ แต่หากไม่มีปัญญา ต่อให้บอกไปตรงๆ จับมือจดลงในสมุดบันทึก ก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี และคนกลุ่มหลังนี้ไม่ใช่เป้าหมายของการบรรยายครับ
ผมตัดสินใจพูดเรื่องชีวิต วิธีการเรียนรู้ เป้าหมาย การสร้างแรงกระตุ้น/แรงจูงใจให้ตัวเองไม่ท้อถอย เป้าหมาย หน้าที่ ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ตลอดถึงหลักการสำคัญของชีวิตที่มีคุณค่า [แต่ยังไม่เล่าถึงประเด็นที่พูดในบันทึกนี้หรอกครับ]
การบรรยายใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมเองดำเนินเรื่อง ที่เลือกเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะอยากจะโฆษณาตัวเองหรอกนะครับ ถึงอย่างไรผู้ฟังก็คงจะไม่สามารถจะให้คุณ-ให้โทษ หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมได้อยู่ดี ที่เลือกเรื่องนี้เพราะผมรู้จักตัวเองมากกว่าใคร รู้จุดดี-จุดเสีย รู้เหตุผลในการตัดสินใจต่างๆ จึงเล่าเรื่องตามที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด รู้เบื้องลึก ตลอดจนเบื้องหน้าและเบื้องหลังจนตอบคำถามได้ทุกคำถาม เลือกให้รายละเอียดในแต่ละเรื่องได้ตามแต่เวลาจะมีได้
เดิมทีคิดว่าจะพูดสักชั่วโมง เอาเข้าจริง ปาเข้าไปเกือบสองชั่วโมง
แปลกใจเหมือนกัน ลองไม่ได้ใช้สไลด์ ซึ่งผู้ฟังจะต้องอยู่กับเราตลอด แต่ผมคิดว่าหากจะสื่อสารความคิด ก็ไม่ควรจะให้มีอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากประเด็น รวมถึงสไลด์ด้วย เพราะพอฉายสไลด์ ผู้ฟังก็อ่านสไลด์ (ถึงแม้โดยปกติ ดูสไลด์ของผมโดยไม่ฟังการบรรยาย ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี เพราะเรื่องสำคัญนั้น ผมพูดเอา ไม่ค่อยเขียนในสไลด์หรอกครับ)
1 ความคิดเห็น
คำกล่าวของท่านระพี สาคลิก ช่างเหนือนกัน คำกล่าวของ ดร.นิพนธ์ ศศิธร อดีตคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มช. อดีตรมต.ศึกษาธิการ นักพูดที่มีวาทะคมกริบ ท่านก็พูดในความหมายเช่นนี้
ศาสตร์ทุกศาสตร์ที่จุดสุดยอดอันเดียวกันคือเรื่องจิตใจ
เป็นวาทกรรมที่เราต้องเอามาขบคิดและน้อมนำเอามาตระหนักให้มากๆอย่างมีสติครับ
ไปหละพี่เดินทางหละ