กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ ทำลายโลกได้หรือไม่
อ่าน: 4762คำถามแบบชื่อบันทึกนี้ ไม่อยากตอบเลยครับ…
การปฏิเสธว่า “ไม่” นั้น ไม่สมเหตุผลทั้งปวงเพราะว่าผมไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง; ส่วนการตอบว่า “ได้” ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ เท่าที่รู้ — แต่ว่าถ้าถามว่า ในห้าสิบปีที่ผ่านมา กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ทำลายโลกหรือไม่ อันนี้ตอบได้ว่าไม่ เพราะผมมีชีวิตอยู่ตลอดช่วงเวลาในคำถาม ถ้าโลกถูกทำลายผมมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ถ้าถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ อย่าคาดหวังคำตอบสั้นๆ ที่ฉาบฉวยว่าได้หรือไม่ได้เลยครับ อะไรๆ ที่ยังไม่เกิดก็เป็นไปได้ทั้งนั้นล่ะ ประเด็นมันอยู่ที่ว่าความเสี่ยงของสาเหตุแบบต่างๆ นั้น มีอยู่เท่าไหร่ต่างหาก
ดวงอาทิตย์อยู่ห่างโลก 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 93 ล้านไมล์ แต่ดวงอาทิตย์เช่นกัน เปล่งพลังงานมาหล่อเลี้ยงโลกมาตั้งแต่ต้น พลังงานของดวงอาทิตย์เกิดจากปฏิกริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นที่แกนกลาง ก่อให้เกิดความร้อนมหาศาล ความร้อนภายในเนื้อของดวงอาทิตย์นี้ ถูกถ่ายเทจากแกนกลางออกมาสู่ผิวหน้า วนเวียนไปมาช้าๆ ในรูปของพลาสมา (ก๊าซร้อนยิ่งยวด) แผ่เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงโลกมาตั้งแต่กำเนิด
ไม่แต่รังสีความร้อน กระบวนการไหลของพลาสมาในพื้นผิวของดวงอาทิตย์ เกิดการปะทุปล่อยก๊าซร้อนยิ่งยวดออกสู่อวกาศ สร้างสนามแม่เหล็กความเข้มข้นสูง เกิดลมสุริยะ (ถ้ารุนแรง เรียกพายุสุริยะ) เกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ ฯลฯ เหล่านี้เรียกว่ากิจกรรมของดวงอาทิตย์ซึ่งนักดาราศาสตร์เฝ้าศึกษามา 400 ปี พบว่ากิจกรรมบนดวงอาทิตย์ เกิดเป็นช่วงๆ บางปีสงบ-บางปีอลหม่าน ในปีที่อลหม่าน (Solar Maximum) ก็จะมีการเกิดจุดดับมากผิดปกติ มีการปะทุที่ผิวปล่อยสนามแม่เหล็กและลมพายุสุริยะมากผิดปกติ
ช่วงที่เกิดกิจกรรมบนดวงอาทิตย์ มีคาบประมาณ 10.7 ปี แต่เกิดขั้นได้ในช่วง 9-14 ปี ไม่ได้เกิดทุกๆ 11 ปีตามที่เข้าใจกัน… กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดคือในปี 2543 นับถึงปัจจุบันก็ 10 ปีแล้ว ดังนั้นช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่รอว่า Solar maximum จะเกิดขึ้นเมื่อไร
เมื่อเกิดการปะทุบนดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ปล่อยทั้งอนุภาค รังสี และสนามแม่เหล็กออกมาจากจุดที่ปะทุ; หากการปะทุพุ่งมาทางโลก ก็ก่อให้เกิดผลกระทบบ้าง — เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องชิลชิลจะทำไม่รู้ไม่ชี้ได้ แต่ว่ายังไม่มีหลักฐานใดว่าจะก่อให้เกิดอันตรายโดยตรงต่อชีวิต
- March 1989 geomagnetic storm (ไฟฟ้าในรัฐควิเบคดับ)
- Solar storm of 1859 (ครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์)
- Coronal mass ejection (CME)
- Geomagnetic storm
- Solar flare
สำหรับเหตุการณ์ในปี พ.ศ.2402 (ค.ศ.1859) โดยย่อเป็นดังนี้ครับ ข้อมูลจาก Scientific American ฉบับ 28 ก.ค. 2551 เล่าในแบบของผมเอง
วันที่ 26 ส.ค. 2402 เกิดกลุ่มจุดดับในดวงอาทิตย์กระจุกใหญ่ที่เส้นแวง 55° ตะวันตก (เลยแนวประจันหน้ากับโลกไปแล้ว 55°) มีการปะทุรุนแรง
วันที่ 28 ส.ค. 2402 CME เดินทางมาถึงโลก ส่วนที่เป็นพลาสมา (ก๊าซร้อน) อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรืออาจหลายวัน แต่ว่าส่วนที่เป็นอนุภาคพลังงานสูง เช่นรังสีแกมมา หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะเดินทางได้เร็ว — จากข้อมูลที่อ่านเจอแต่ไม่ได้เก็บลิงก์ไว้ ส่วนอนุภาคเดินทางด้วยความเร็ว 1/3 ของความเร็วแสง ดังนั้นนักบินอวกาศมีเวลา “หลบ” เพียง 15 นาทีจากการปะทุ แต่ว่าส่วนของพลาสมา ใช้เวลา 3.5 วันกว่าจะมาถึงโลก
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากดวงอาทิตย์ปล่อย CME มาทางโลก สนามแม่เหล็กโลกถูกรบกวนอย่างหนัก โดยสถานีตรวจวัด Greenwich Magnetic Observatory ตรวจจับความเพี้ยนของสนามแม่เหล็กโลกได้
แม้โลกจะโดนหางเลขเข้า สนามแม่เหล็กโลกก็ป้องกันชีวิตบนโลกไว้ได้ — อย่างไรก็ตาม มีการรบกวนต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวพันกับแม่เหล็กและไฟฟ้า เช่น โทรเลขเจ๊ง เกิดแสงเหนือ-แสงใต้ (aurora) ทั่วโลก และเห็นที่เส้นรุ้งต่ำๆ ด้วย อย่างในทะเลคาริเบียนที่เส้นรุ้งที่ 23
วันที่ 1 ก.ย. 2402 เกิด CME อีก คราวนี้ที่เส้นแวง 12° ตะวันตก (กำลังพูดถึงเส้นแวงของดวงอาทิตย์นะครับ — เกือบตรงกับโลก ถ้า 0° กับ 0° ล่ะโป๊ะเชะ)
แต่เส้นแวง 12° ตะวันตกนี้ ถึงไม่ตรงโลก ก็ใกล้เคียงครับ ดังนั้น CME จึงมีความรุนแรงมากกว่า CME อันแรกมาก คราวนี้มีหลักฐานการเห็นแสงเหนือ ลงไปต่ำถึงเวเนซูเอลลา (เส้นแวง ที่ 4.5º เหนือ หมายความว่าประเทศสยาม น่าจะเห็นแสงเหนือครั้งนั้นทั้งประเทศ) แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับโลก นอกจากเห็นแสงเหนือ-แสงใต้ต่อไปสามสี่วัน
ในยุคปัจจุบัน หากมี CME พุ่งมาทางโลก ดาวเทียมจะเป็นศพแรกครับ เนื่องจากระบบป้องกันดาวเทียม ไม่น่าที่จะป้องกันพายุแม่เหล็กไฟฟ้าและรังสีจากการปะทุที่รุนแรงได้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะรบกวนแม่เหล็กโลกทำให้สั่นกระเพื่อม และเมื่อแม่เหล็กโลกกระเพื่อมขึ้นลง ก็จะเกิดการรบกวนในระบบสายส่งและหม้อแปลงไฟฟ้าตามกฏของฟาราเดย์ (เส้นลวดเคลื่อนในสนามแม่เหล็ก สายส่งไฟฟ้าเป็นเส้นลวด-สนามแม่เหล็กโลกเด้งขึ้นเด้งลง) ระบบจ่ายไฟฟ้าจะเสียหาย เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่รัฐควิเบคในปี 1989
เนื่องจากโลกในปัจจุบัน พึ่งพาระบบไฟฟ้า การสื่อสารโทรคมนาคมพึ่งพาระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งพึ่งพาระบบไฟฟ้าอีกที ดังนั้นหากระบบไฟฟ้าถูกรบกวน ก็จะระเนระนาดกันไปหมด
NOAA พยายามเตรียมการโดยแสดงข้อมูลไว้ที่ Space Weather Now ครับ ถ้าไม่สบายใจ ก็หมั่นไปดูเว็บนี้นะครับ ดวงอาทิตย์หมุนจากขวาไปซ้าย geomagnetic K-index ระดับ 0-4 แปลว่าสงบ ส่วน 5-9 แสดงระดับความแรงของพายุสุริยะ
ส่วนคำทำนายใดๆ ที่ว่ากิจกรรมบนดวงอาทิตย์ จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว เกิดสึนามิ เรื่องนั้นเกินความสามารถที่ผมจะอธิบายครับ (ไม่ได้บอกให้เชื่อหรือไม่เชื่อ) แต่พอจะอนุมาณได้ว่าโลกจะไม่เหมือนลูกวอลเลย์บอล ที่โดนตบเต็มแรงหรอกครับ
ถึงจะไม่รู้แจ้งทุกเรื่อง ก็ยังน่าจะพิจารณาแยกแยะระหว่างสิ่งที่มีประโยชน์ และสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ได้นะครับ
« « Prev : Biochar ปรับปรุงดินและลดโลกร้อน
Next : ความมั่นคงสามแนวทาง เพื่อให้อยู่ได้ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ ทำลายโลกได้หรือไม่"