ใช้ชีวิตที่สวนป่า 13 - 27 กค 2555
อ่าน: 6010เมื่อวันที่ 13 กค. ผมเดินทางไปสวนป่าอีก กะจะไปอยู่สามอาทิตย์ครับ ครั้งนี้ตั้งใจจะเริ่มสร้างบ้านซะทีหลังจากล่าช้ามาเกือบครึ่งปีแล้ว นอกจากนั้นก็ยังกะจะทำอะไรเล่นอีกสักอย่างสองอย่าง
เตรียมตัวไปถ่ายรูปท้องฟ้า หวังว่าจะได้รูปทางช้างเผือกมา แต่ว่าเลนส์กล้องมาตรฐาน ก็ทำได้แค่นี้ล่ะครับ
หลังจากถ่ายรูปทางช้างเผือกได้ ก็เกิดอาการโลกหมุน คืออาการบ้านหมุนนั่นแหละครับ มันโคลงเคลง ยืนไม่อยู่ เย็นนั้นจะไปส่งครูบาเดินทางมาบรรยายที่กรุงเทพ ก็เลยหมุนโชว์ครูบาซะเลย ผ่านไปสักพักนึกว่าดีขึ้นแล้ว แต่กลับเป็นหนักเลย แม่หวีซึ่งขับรถไปออกไปแล้วต้องวกรถกลับมาดู และนิมนต์ผมไปโรงพยาบาล
ไปถึงห้องฉุกเฉินด้วยความเร็ว 140 กม/ชม ความดัน 170/122 พอหมอรู้ว่าเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ก็พยายามจะให้เป็นอีกให้ได้ (อันนี้ผมเขียนเอง) แต่การทดสอบการทำงานของร่างกายซีกซ้ายซีกขวา ก็ทำงานได้ปกติ ไม่มีอาการอ่อนแรง พอนอนพักอยู่ในห้อง ER ได้สักพัก ความดันก็ลดลงสู่ระดับปกติ แต่ก็คงต้องค้างอยู่ในโรงพยาบาลนั่นล่ะครับ
เช้าขึ้น ครูบามาเยี่ยมอีก เมื่อพบว่าผมอาการดีแล้ว ก็รีบนั่งรถตู้เข้ากรุงเทพเพราะต้องบรรยายในตอนบ่ายวันนั้น รถตู้นี้วิ่งระหว่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิกับอำเภอสตึก ออกจากทั้งสองปลายทางพร้อมกันวันละ 5 เที่ยว ถึงเวลารถก็ออกเลยและค่อนข้างว่าง(มาก) เป็นวิธีที่สะดวกสบายกว่ามากในการเดินทางไปสวนป่า
ผมนึกว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ก็ไม่ได้ หมอว่าเอ็กซ์เรย์ปอดพบว่าอาจจะเป็นปอดบวม (ยังงงๆ ว่าโลกหมุนแล้วเอ็กซ์เรย์ปอดทำไม) ก็เลยให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลืออยู่สองคืน เอาเถอะ อยู่โรงพยาบาลสังเกตอาการก็ดีเหมือนกันครับ ทำอะไรก็ทำไป ไม่ว่ากัน
ค้างโรงพยาบาลอยู่สองคืน แต่ไม่มีอาการโลกหมุนมาตั้งแต่อยู่ ER แล้ว ได้ยามาห้าถุง ไม่มียาควบคุมความดัน แต่ต้องกลับมากินแอสไพรินให้เลือดไม่แข็งตัวใหม่อีกหลังจากหยุดไปหลายปี ที่รู้สึกแปลกประหลาดคือยาแก้เมารถ (ซึ่งกินหมดไปแล้ว และจะไม่กินอีก) มียาคลายกล้ามเนื้อด้วย!!!
เมื่อกลับมาสวนป่า แม่หวีจัดการย้ายสัมภาระจากกระต๊อบคุณชายไปให้นอนที่อาคารใหญ่ ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนมามากแล้ว พยายามสังเกตอาการ ก็ไม่มีสัญญาณอะไร
พักได้วันหนึ่ง ก็เริ่มปลูกทานตะวันตามทางเดิน อีก 75-90 วันคงบานสะพรั่ง แล้ว 100 วันก็จะเก็บเมล็ดมาขยายพันธุ์ต่อ
ส่วนการปรับปรุงโดมที่พัก ก็ติดตั้งประตู และเดินไฟเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ติดพัดลมดูดอากาศ มันต้องปีนครับ ยังไม่อยากโลดโผนนัก แอร์ที่ใช้หลักการ evaporative cooling ผลิตน้ำเย็นก็ยังไม่ได้ทำ คือยังไม่อยากออกแรงหรือยกของหนักที่อาจทำให้ความดันเปลี่ยนแปลง แต่ในเมื่อโดมมีประตูปิดล็อกแล้ว ผมก็ย้ายสมบัติปริมาตรประมาณ 1 ลบ.ม. เข้าไปไว้ในโดม ดีเลย จะได้ไม่ต้องขนไปขนมาทุกเที่ยว จากนี้เวลาไปสวนป่า ก็จะขนของไปเพิ่ม
ในส่วนของบ้านในหมู่บ้านโลก ก็เริ่มสร้างแล้วครับ ทำฐานราก 16 จุด พื้นที่พื้น 81 ตร.ม. เป็นขนาด 9×9 เมตร ผมเรียกบ้านเล็กในป่าใหญ่ ครูบาเรียกบ้านใหญ่ในป่าเล็ก แต่ยังไงก็เป็นบ้านล่ะครับ มีหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องเก็บของ มีครัวที่แยกเตาไฟออกไปอยู่นอกบ้านและมีส่วนที่อยู่ในบ้านด้วย มีลานซักล้างออกนอกบ้านด้วย (แหงล่ะ)
วิดีโอคลิปการสร้างพื้นของบ้านจากเฟสบุ๊ค
บ้านนี้เป็นบ้านชั้นเดียว เป็นต้นแบบของการก่อสร้างโดยใช้วัสดุท้องถิ่น ด้วยช่างท้องถิ่น ตรงส่วนนี้ ไม่สามารถสร้างบ้านไม้ได้เนื่องจากเป็นบริเวณป่า มีปลวกรบกวนมากครับ ฐานรากจึงเป็นคอนกรีตทั้งหมด ที่ดินที่ถมไว้ ก็ยังไม่สร้าง แต่กลับมาถางป่า เพราะว่าดินที่ยังไม่ได้ถม แน่นมาก น่าจะดีสำหรับการก่อสร้างบ้านซึ่งสร้างเหนือดินโดยไม่ตอกเสาเข็ม ครูบาบัญชาการถางป่าให้โปร่ง ลมพัดเย็นสบายแต่แดดไม่ร้อน โห…มีความสุข
งานก่อสร้างเดินหน้าได้พรวดๆ เป็นโชคหลายชั้น ที่หาช่างที่รู้จักกับครูบาดี (เคยสร้างเตาเผาถ่านเมื่อยี่สิบปีก่อน) ตั้งแต่เคยเป็นลูกมือจนเดี๋ยวนี้เป็นหัวหน้าช่างแล้ว ผมไปได้พูดคุยและยืนเฝ้าอยู่สองสามวันดูแล้ว รู้งานดีครับ ไม่เฉพาะตัวหัวหน้าช่าง แต่ลูกทีมก็เป็นงานกันทั้งนั้น
ตอนนี้ ก็ต้องรีบรักษาตัวแล้วกลับไปดูงานก่อสร้างครับ หัวหน้าช่างคุยกับครูบา บอกว่าสักยี่สิบวันคงได้อยู่ ตอนนี้ผ่านไป 3 วันแล้ว
งานฐานรากและพื้นน่าจะจบในวันสองวันนี้ จากนั้นก็อัดอิฐมาก่อเป็นผนังของบ้าน บ้านอิฐจะเย็น เป็นฉนวนความร้อนและความเย็นได้ดี ทนทานต่อปลวก
ครูบาพูดหลายครั้งว่าป่าที่ถางออกไปจนโปร่งเป็นดินที่ดีมาก มีซากใบไม้ทับถมอยู่ 20 ปีโดยไม่ได้ปลูกอะไรเลย ดังนั้นก็จะเอาผลไม้พันธุ์ดีมาปลูกแถวนี้
« « Prev : หลบไปพัก
Next : เตาเผาถ่านไบโอชาร์รุ่นพัดลม » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ใช้ชีวิตที่สวนป่า 13 - 27 กค 2555"