ทำไมต้องมีลานปัญญา
อ่าน: 3408ไม่รู้ว่าสองวันมานี้ เกิดอะไรขึ้นนะครับ ตอนแรกก็มีโทรศัพท์มาถามว่าทำไม …เฮ…จึงแยกตัวออกมาจากที่เก่า ผมแย้งว่าคงไม่ถูกต้องนักที่จะเรียกว่าแยกตัว รัฐธรรมนูญรองรับสิทธิของประชาชน ว่าใครจะทำอะไรก็ทำตราบใดที่ไม่ละเมิดกฏหมายและไม่ละเมิดผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ไม่ต้องขออนุญาตใคร มีสมาชิกลานปัญญาตั้งหลายคนที่ยังใช้ที่เก่าอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม สรุปว่าเราเห็นด้วยกันทั้งคู่ว่าการที่มีลานปัญญาเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ดีเพราะประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น… นิดนึงก็ยังดี
คืนนี้มีโอกาสได้ IM คุยกับผู้ใหญ่ที่ผมนับถืออีกท่านหนึ่ง ท่านติดต่อมาเพื่อถามถึงวัตถุประสงค์ของลานปัญญา โดยอุปนิสัย ท่านเป็นคนจริงจังและจริงใจ ผมเรียนท่านว่าผมตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าลานปัญญาเป็นหลายอย่างสำหรับหลายคน แต่ละคนก็คงคิดไม่เหมือนกัน ถ้าจะเอาความคิดผมเป็นใหญ่ ไม่น่าจะถูกหรือดีสำหรับสมาชิก
ที่จริงผมไม่ได้เป็นผู้ตั้งลานปัญญา แล้วก็ไม่ได้เป็นผู้ดูแลเว็บนี้ด้วยซ้ำไป ผมเพียงแต่ช่วยสมาชิก ช่วยผู้ดูแลเว็บ — ซึ่งต่างก็เป็นเพื่อนผมทั้งนั้น — ทำให้ระบบนิ่ง ถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งานเพราะว่าใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้มาห้าปีแล้ว ส่วนใครจะใช้-ไม่ใช้ ชอบ-ไม่ชอบ ผมไม่เห็นว่าเป็นประเด็นหรอกครับ น่าจะปล่อยให้เป็นการคัดสรรตามธรรมชาติ ไม่บังคับ ไม่ล่อลวง ไม่ตั้งเงื่อนไข
ท่านตั้งข้อสังเกตมาว่าชุมชนแต่ละแห่งจะมี norm ของตัวเอง เมื่อ norm ไม่ตรงกันก็คงเกิดอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งผมเห็นด้วยครับ ลานปัญญายังเล็กอยู่ เราอยากมี norm เป็นอย่างไร ก็ทำให้มันเป็นอย่างนั้น เมื่อลานปัญญาเติบโตขึ้น ก็อาจจะเกิด norm อีกแบบหนึ่งขึ้น แล้วเมื่อ norm ไม่ตรงกัน ก็อาจจะมีบล็อกใหม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งผมจะยินดีมากหากเว็บใหม่จะนำสิ่งที่เราเรียนรู้และเขียนบรรยายไว้ในตอนที่ลานปัญญาเริ่มต้นไปใช้ โตแล้วแตกเป็นธรรมชาติครับ ไม่มีปัญหาถ้าเพียงแต่เราเข้าใจธรรมชาติ ต้นไม้เมื่อเติบโตก็ออกดอกออกผลแตกหน่อ ทั้งดอก ทั้งผล ทั้งหน่อ เมื่อเริ่มต้น กลับมีรูปร่างไม่เหมือนกับต้นเดิมเลยนะครับ
ทำไมต้องมีลานปัญญา
ท่านที่อ่านคนเป็นนายคงคุ้นเคยกับแนวคิดของผมอยู่แล้ว ว่าผมไม่เชื่อคำว่า “ต้อง” การบริหารจัดการคือการปรับเปลี่ยน พลิกแพลงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแล้วเกิดผลดี(เท่าที่เป็นไปได้) ไม่ใช่การตั้งเงื่อนไขไว้ก่อนว่าต้องเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนั้น แล้วจึงจะลงมือทำ สำหรับคำถามนี้ ผมเชื่อว่าถามผิดครับ จึงไม่ขอตอบ
ลานปัญญาคืออะไร
ผมตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับผมแล้ว
- ลานปัญญาคือบล็อกของชุมชนที่สมาชิกร่วมกันสร้างและเป็นเจ้าของ เป็นประชาธิปไตยโดยตรง
- ผมเชื่อเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ละเมิดกฏหมาย ไม่ละเมิดต่อผู้อื่น และไม่ละเมิดกติกาของชุมชน — admin มีความรับผิดชอบที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฏหมาย ส่วนอีกสองประเด็นหลังเป็นเรื่องของชุมชน
- ลานปัญญาให้อิสระมาก สมาชิกก็ควรใช้อิสระนั้นอย่างมีความรับผิดชอบ อิสระไม่ได้แปลว่านึกจะทำอะไรก็ทำโดยไม่ต้องนึกถึงคนอื่น
- ผมเห็นว่าลานปัญญาในขณะนี้ที่มีสมาชิก 50 คน มีเกือบ 60 บล็อก ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ส่วนต่อไปจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต
- อยากให้ลานปัญญาเป็นอย่างไร ก็สร้างให้เป็นอย่างนั้น ถ้ามันไม่ดีพอสำหรับสมาชิก ก็จะแตกดับไปเองตามธรรมชาติ
- ผมอยากเห็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นไปโดยอิสระ เพราะผมเชื่อว่าบล็อกเกอร์ควรจะเคารพผู้อ่าน เชื่อว่าผู้อ่านมีวุฒิภาวะพอที่จะเลือกสรรได้เอง ถ้าดีก็มีคนอ่าน ถ้าไม่ดีต่อให้ลงโฆษณาก็ไม่มีขาประจำ
- เท่าที่รู้ ค่าใช้จ่ายของลานปัญญา ประมาณ US$150 ต่อปี (ห้าพันบาท)
- เมื่อมีสมาชิกมากขึ้นก็น่าจะต้องใช้เครื่องแม่ข่ายที่ใหญ่ขึ้น แต่ประเมินว่าไม่มีภาระทางการเงินใดๆ ตราบใดที่สมาชิกช่วยกันตอบปัญหาการใช้งานกันเอง
« « Prev : สุขภาพจิต
Next : เขาพระวิหาร ตามความเห็นของ Google Maps » »
6 ความคิดเห็น
ตามมาอ่าน
เพื่อจะบอกว่า มนุษย์เรามีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากมายนัก
วิธีการเรียน ระบบการเรียน สำคัญมาก
ถ้าเป็นเรื่องโดนใจ พอใจ ชอบใจก็จะไปโลด
การเรียนรู้ควรมีอิสระ และจำเป็นมากโดยเฉพาะสายวิทยาศาสตร์
ถ้ามีใครไปบอก สูตรอีตาแอนวาดิสัน ให้ทำตามอย่างโน้นอย่างนี้
ป่านนี้ไฟฟ้าก็ยังไม่เกิดขึ้นหรอก
แกต้องทดลองคิดเอง ทำเองเป็นพันๆครั้ง อย่างอิสระ ทางความคิด จึงประดิษฐ์สิ่งที่คิดได้
กรอบกติกาความีไว้บ้าง แต่ไม่ควรก้าวล่วงจินตนาการ หรือกระทบจุดอึ้งกิมกี่ อิอิ
สวัสดีค่ะ คุณ Logos
คำว่า แยกตัว ดูเหมือนแปลกๆ ดังแล้วแยกวง ประมาณนั้น อ่านคำว่า “แยกแตกตัว” (หรือใกล้เคียงกันกับคำนี้) ตั้งแต่มีการบันทึกแนะนำ ลานปัญญา โดยท่านผู้หนึ่ง ณ ที่หนึ่ง แล้วก็คิดว่า ช่างเถอะ จะใช้คำไหนอย่างไร หรือคิดเป็นเช่นไร ในทางปฏิบัติ ก็มีการกำเนิดขึ้นของ บล็อก จำนวนหนึ่งขึ้นแล้ว (เช่นเดียวกับการมีบล็อกเกิดขึ้นมากมายไปทั่วโลก)
คนเรา “เลือก” ทำหรือไม่ทำอะไร ก็คือ สิทธิขั้นพื้นฐานของคนทุกๆคน
เมื่อทบทวน ใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ว่า การกระทำนั้นๆ ไม่ได้ขัดกับกฎธรรมชาติของการอยู่ร่วมกัน วิถีของใครก็ไม่ควรไปขีดเส้นหรือจำกัดการเดินให้ใคร
ปรากฏการณ์แบบนี้ตัวเองมองว่าเป็นธรรมดา ระยะหนึ่งคนเขียนบันทึกจำนวนหนึ่งบน bookcyber.com ไปร่วมกันเขียนใน belovedphoto.net เมื่ออยากจะคุยเรื่องที่ไม่ตรงจุดประสงค์ของๆเก่า แต่ก็ยังคงวนเวียนไปคุยได้ทั้งสองที่ วิถีง่ายๆ แบบนี้ ไม่เห็นจะมีข้อสังเกตหรือข้อสงสัย อะไรเลย และทั้งสองที่ก็ไม่เคยเรียกร้องว่า อยู่ที่หนึ่งแล้วห้ามไปอยู่อีกที่หนึ่ง…แต่พอเป็นลานปัญญา กลับมีคนตั้งข้อสงสัย…น่าประหลาดใจค่ะว่าเพราะอะไร
ที่จริงถ้าหากว่า เข้าใจวิถีง่ายๆ ของการเกิดขึ้นมา การจากไป การปรับเปลี่ยนไป ของบล็อกทั่วโลก…ไม่ว่าจะมีบล็อกเพิ่มขึ้นอีกหรือลดลงไป มันก็เท่านั้นเอง นะคะ
#2 พี่สร้อย — ที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้วครับ เราไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ที่สำคัญคือถอดบทเรียนแล้วอย่าผิดซ้ำสอง อย่าติดแหงกอยู่กับอดีต เพราะทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวผ่านไปแล้วทั้งคู่ จึงเรียกว่าอดีต
ผมเห็นด้วยครับ เรื่องการแตกแยกคงจะไม่ใช่อย่างนั้น แต่เราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า แตกต่าง
ความแตกต่างที่เป็นทางเลือกครับ ที่ยุคสมัยแห่งการใฝ่หา เรียนรู้ ไม่มีขอบเขต
ความแตกต่างด้านความคิด ไม่ใช่ต้องให้จมอยู่ในปัญหาที่จะต้องวนเวียนกัน
ทางแยกแก้ ความอิสระในความคิด ต้องให้เกียรติกัน
สิ่งต่างๆล้วนต้องพัฒนาไป การเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นข้อแตกต่างที่สรรเลือกได้
ความเป็นจริงที่จับต้องได้ ทุกอย่างดำเนินกันไปภายใต้กรอบกติกาสากลที่อยู่ภายใต้เหตุผล
พวกเราไม่ใช่พวกกลไก กดกันไปตามปุ่มพิมพ์ พวกเราแยกแยะได้ว่าทิศทางที่ถูกต้องอย่างไร
ดีใจมากๆครับ ที่มีโอกาสได้ร่วมแลกเปลี่ยนครับ
ค่ะ