จดหมายถึงอ๋อย 1

32 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 เมษายน 2010 เวลา 0:23 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1069

อ๋อยน้องรัก พี่นั้นชื่นชมอ๋อยมาตั้งแต่เราร่วมกันตั้งพรรคประชาธรรม โดยพี่เป็นเลขาธิการ แล้วมติพรรคส่งอ๋อยเข้าชิงนายกองค์การนักศึกษา เราฟอร์มทีมกัน หาเสียงและในที่สุดอ๋อยได้รับเลือกให้เป็นนายกองค์การนักศึกษา อ๋อยขึ้นไปทำงาน พี่กล่าวได้ว่าอ๋อยสร้างผลงานอย่างน่าชื่นชม

เราจัดการอภิปรายทางการเมืองบ่อยครั้งเมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น เราประชุมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆกันบ่อยครั้งที่สวนอัญญา ที่ท่านอาจารย์องุ่น มาลิกบริจาคให้นักศึกษาที่ทำกิจกรรมเพื่อบ้านเมือง พี่จัดค่ายจร ที่แม่ทา ลำปาง โดยเอาเพื่อนนักศึกษาไปออกชนบท ซึ่งส่วนใหญ่นักศึกษาที่ออกค่ายนั้นมาจากฝั่งสวนดอกเป็นส่วนใหญ่ที่อ๋อยเรียนแพทย์อยู่นั่น ผลการออกค่ายครั้งนั้นสร้างผลสะเทือนต่อสำนึกเพื่อนร่วมค่ายมากเพราะทั้งหมดเข้าป่า รวมทั้งอ๋อย หลายคนกำลังจะเรียนจบแพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ เภสัช พยาบาล เทคนิคการแพทย์ เมื่อออกจากป่าบางคนกลับมาเรียนต่อให้จบ แต่หลายคนก็ไม่เรียน ไปทำงานตามที่ตัวเองถนัด จนถึงปัจจุบันนี้

อ๋อยเองมาเรียนจนจบแล้วไปเรียนต่อทางเศรษฐศาสตร์ที่อเมริกา กำลังทำปริญญาเอก ก็มาลงสมัครเลือกตั้งได้ สส.ที่บ้านของอ๋อย และอ๋อยก็เวียนว่ายในสนามการเมืองเปิดตลอดจนถึงปัจจุบัน

พี่ก็ยังชื่นชมอ๋อยเพราะบทบาทนั้นโดดเด่น และแสดงความสามารถในการพูดและเหตุผลประกอบ พวกเราจัดงานทำบุญท่านอาจารย์องุ่น มาลิก พวกเราก็ยกให้อ๋อยเป็นประธานเพื่อระดมทุนเข้ามาสานงานต่อที่ท่านอาจารย์ดำเนินงานมาตลอดชีวิตท่าน

แต่แล้วอ๋อยก็เข้าร่วมกับทักษิณ เหมือนอ้วน แรกๆเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ต่อมาดูเพี้ยนๆอย่างไรไม่ทราบ จนในที่สุดเบื้องหลังของทักษิณก็เปิดออกมาหมดสิ้น อ๋อยก็ออกมาปกป้อง….

พี่ไม่รู้เหตุผลเพราะเราไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว แต่พี่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าอ๋อยกำลังคิดอะไรอยู่ และ ค่ำวันที่ 10 เมษายน 53 พี่เปิดวิทยุฟังเสื้อแดง บังเอิญอ๋อยกำลังขึ้นเวทีพูด เหมือนเดิมนะอ๋อย หนักแน่น ท่วงทำนอง เหตุผล และแล้วอ๋อยพูดว่า ..อนุ….คุณคืออดีตลูกน้องผม อภิสิทธิ์ ขอบอกว่า ตอนนี้ค่ำมืดแล้ว ทั้งวันอภิสิทธิ์ส่งทหารมาปะทะกับคนเสื้อแดง ตอนนี้ค่ำแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างขอให้ต่างฝ่ายถอยกลับไปที่ตั้งเสียจะดีกว่า..

อ๋อย..เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การปะทะก็เกิดขึ้นจริงๆและมีคนบาดเจ็บ ล้มตายจริงๆ พี่น้องคนไทยต้องมาล้มตายกันกลางเมือง…

พี่ไม่เข้าใจว่า อ๋อยได้ส่งสัญญาณเช่นนั้นเพราะอ๋อยรู้เรื่องทั้งหมดใช่ไหม..? ซึ่งพี่ไม่เชื่อว่ามันเป็นการบังเอิญ..??


นี่คือลัทธิประชาธิปไตย

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 เมษายน 2010 เวลา 22:45 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 827


แด่ผู้สังเวยลัทธิประชาธิปไตยทุกท่าน

แด่ผู้พันร่มเกล้า ผู้เสียสละ



ประชาธิปตาย..

61 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 เมษายน 2010 เวลา 1:13 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3115

 

 

ดั่งสายฟ้า ฟาดลง ที่ตรงหน้า

เมื่อประชา ธิปไตย ที่ฟูเฟื่อง

คนไทยมาฆ่ากันตาย ลงกลางเมือง

จะเล่าเรื่องประชาธิปไตยให้ใครฟัง..

———

หยุดทำร้ายประเทศไทย


แดง..เอ้ยย..งู เข้าบ้านเหมือนกัน

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 เมษายน 2010 เวลา 21:55 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1669

เห็นงูเข้าบ้านคนกรุง คือบ้าน คอน ผมก็เลยเอารูปงูเข้าบ้านผมมาบ้าง ความจริงมีหลายครั้ง แต่เข้าใจได้เพราะบ้านผมติดบึง และด้านหลังเป็นสถานที่ไม่ค่อยมีคนมาเดิน ต้นไม้ขึ้นมาเต็มตามธรรมชาติ สัตว์ต่างๆจึงมาอาศัย รวมทั้งงูด้วย


เขาก็คงหากินไปเรื่อยๆ ที่ไหนมีอาหารเขาก็มาอาศัย ที่หน้าบ้านผมซื้อโอ่งเคลือบจากโคราชมาใส่ต้นกก เอาน้ำใส่เข้าไป สวยดีเพิ่มความเขียวให้กับบ้าน แต่แล้ววันหนึ่งไปเติมน้ำในโอ่งเล็กใบนี้ เห็นหัวงูโผล่ขึ้นมา อะจึ๋ยสสส หากเป็นคนกลัวละก็ แหกปากลั่นหมู่บ้านไปแล้ว


ก็เลยวิ่งไปคว้ากล้องมาเก็บภาพเพื่อนร่วมบ้านเอาไว้เป็นที่ระลึกยามคิดถึง อิอิ แลบลิ้นซะด้วย

ก็ไม่ได้ทำอะไรเอาไม้มาเขี่ยๆบอกเขาไปอยู่ที่อื่นเถอะ ที่นี่อันตรายเดี๋ยวเจ้าคุกกี้เห็นละก็จะมาฟัดเอาบาดเจ็บ ถึงตายได้ แล้วเขาก็ไป….

อีกวันหนึ่ง ไปยืนนอกชานแล้วพยายามสังเกตหลังคาตรงที่นกมาอาศัย แหงนไปบนหลังคาอ้าวนั่นมันงูนี่…



มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาอ้าปากกว้าง จังหวะถ่ายรูปได้พอดี สงสัยเขาพยายามมากินนกที่มาอาศัยใต้หลังคาบ้าน เราปล่อยเขาไป สักพักใหญ่ๆก็หนีหายไป


วันนี้เราเสียกรุงเมื่อ 7 เม.ย. 2310

23 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 เมษายน 2010 เวลา 13:29 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1841

พี่น้องเอ๋ย

วันนี้เมื่อ 247 ปีที่ผ่านมา

ประชาชนไทยทั้งประเทศต้องร่ำไห้ ทั่วแผ่นดิน

เพราะเราต้องเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่สอง

และวันนี้ 7 เมษายน 2553

พี่น้องเรามาทะเลาะกันเอง…..มันช้ำใจยิ่งนัก

…..สนิมเกิดแต่เนื้อในตน….


ยืนอยู่บนสิ่งที่มี..

10 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 เมษายน 2010 เวลา 16:39 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 795


ชนบทนั้น “ยืนอยู่บนสิ่งที่มี” รอบข้างตัวมีอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้ ก็ใช้สิ่งนั้น ง่ายๆ การกระทำเหล่านี้มีหลายมุมมอง นักวิชาชีพด้านต่างๆมีเหตุผลมองสิ่งเหล่านี้บนพื้นฐานวิชาชีพของตัวเอง จากมาตรฐานของวิชาชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับได้


นี่คือโครงสร้างกระต๊อบในสวน ไม่มีสมุดโน้ต สวยๆ ไม่มีเครื่องอีเลคโทรนิคบันทึก ก็ใช้โครงสร้างกระต๊อบนี่แหละเป็นบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของลูกหลาน และคนที่จำเป็นต้องติดต่อ ใช้ถ่านแทนปากกา แค่นี้ก็บรรลุวัตถุประสงค์การบันทึกเหมือนกัน

การบรรลุวัตถุประสงค์ของชนบทนั้น “ยืนอยู่บนสิ่งที่มี”


ผมรักเสื้อแดง จิง จิ๊ง..

384 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 เมษายน 2010 เวลา 13:02 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5845

ไผเกลียดเสื้อแดง..ก่าซ่าง

แต่อ้ายฮัก ทู๊กกกก คน เด้..


บอกแล้วก็ไม่เชื่อ..

567 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 เมษายน 2010 เวลา 12:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 11004

เฮีย…บอกแล้วว่าอย่าเล่นการพนัน บอกเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อ

เล่นแล้วมันจะหมดตัว….!!??


เชิญชมรายการอิฐก้อนแรก

28 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 เมษายน 2010 เวลา 16:00 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1977

แนะนำเพื่อนๆที่สนใจบุคคลและสาระแบบลุยๆ เซอร์ๆ แต่เฉียบคม ให้ดูที่รายการ อิฐก้อนแรกที่ ไทย pbs


ท่านนี้คือ นายบำรุง บุญปัญญา พี่เปี๊ยก พี่ใหญ่ของวงการ NGO ไทย ผมเคยพาพี่เปี๊ยกไปพบ พวกเราและทีม สสสส 1 ที่สวนป่า ใครมีหนังสือวัฒนธรรมชุมชนก็จะรู้ประวัติของพี่ คนนี้


ใครที่ยังไม่รู้จักขอแนะนำสั้นๆว่า พี่เปี๊ยกเป็นคนบ้านผำ สุรินทร์ เพราะตัวเล็กนิดเดียวจึงชื่อเปี๊ยก ไปเรียนคณะเกษตรศาสตร์ มก.ภาควิชาปัฐพีศาสตร์ จบออกมาด้วยเกียตินิยมอันดับหนึ่ง สอบทุน British Council ไปเรียนที่ Leading ประเทศอังกฤษ พบว่าสาระในชั้นเรียนไม่ได้เรื่องเลยไม่เรียนต่อกลับมาทำงานพัฒนาชนบทกับ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ TRRM (Thailand Rural Reconstruction Movment) จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็น องค์กรพัฒนาชนบทแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นปรมาจารย์ของผม ผมไปเรียน ฝึกกับพี่เปี๊ยกที่ชัยนาท….


แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายทศวรรษ พี่เปี๊ยกก็ยังสละทั้งชีวิตให้กับงานพัฒนาคน ชุมชน ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวเลย มีแต่กายกับใจ เด็กรุ่นใหม่ๆที่จะไปคุยกับพี่เปี๊ยก สามารถไปได้ที่ขอนแก่น กระท่อมบรรพชนใจกลางเมือง…

http://www.thaipbs.or.th/ItKonRak/


…ที่มาของรายได้ใหม่…

17 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 เมษายน 2010 เวลา 12:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 672

คนข้างกายเดินทางบ่อยมากๆ วันนี้ก็ลงสงขลาและปัตตานีอีก

ปกติการเดินทางภายในอีสานก็จะมีรถตู้เจ้าประจำ

ประจำจนบริษัทนี้ไม่ต้องไปรับลูกค้าที่อื่นเลย อิ อิ

พนักงานขับรถก็ชอบที่จะรับบริการเพราะทุกคนถูกผู้จ้างทำตัวเท่ากันหมด

จึงสนิทสนม ก็จ้างกันมานับสิบปีแล้วรายได้ไปออกรถตู้ใหม่ได้เลย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พนักงานขับรถมาบอกว่า

พี่ พี่ เพื่อนผมที่ขับรถตู้รับจ้างอีกบริษัทหนึ่งบอกว่า

เขาลงไปกรุงเทพฯร่วมกับแดง ได้มาสองพันห้าร้อยบาท สองวันครับ…


พระไพศาล ฐิตสาโร

596 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 เมษายน 2010 เวลา 23:36 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 11718

เนื่องในวาระดียิ่งที่ เม้ง จะบวช จึงเอารูปเก่าของผมตอนบวชมาให้ดูกัน น่าจะประมาณปี 2520 ตอนนั้นทำงานพัฒนาชนบทที่ อ.สะเมิง เชียงใหม่ พ่อบอกถึงวาระที่พี่น้องผู้ชายสามคนควรจะบวชได้แล้ว


ก็เป็นไปตามประเพณีท้องถิ่น พี่น้องสามคนบวชพร้อมกัน รวมทั้งพี่ชายผมคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือเลย


พระอาจารย์ซ้ายมือสุดนั่น ที่จีวรสีกลัก คือพระอาจารย์ธรรมธโร เจ้าสำนักวิปัสสนาไทรงาม จ.สุพรรบุรี ที่พี่น้องสามคนจะไปจำพรรษาที่นั่น พระอาจารย์ธรรมธโรได้มีเมตตามาเป็นพระพี่เลี้ยงและรับตัวไปสำนัก


หน้าตาบึ้งตึงเชียว อิอิ ดูเหมือนจะมาที่บ้านก่อนไปอยู่วัด ส่วนรูปขวามือนั้น เป็นช่วงออกพรรษาแล้ว เตรียมจะลาสิกขา ญาติโยมในพื้นที่ทำงานนิมนต์ให้ไปโปรดสัตว์ที่ อ.สะเมิง เชียงใหม่ จึงวางแผนจะไปลาสิกขาที่วัดเจดีย์หลวง เพราะสนิทสนมกับท่านเจ้าอาวาสที่ท่านเป็นพระนักเทศน์และนักพัฒนาชุมชน

ก่อนลาสิกขา ท่านอาจารย์ไพโรจน์ ผลประสิทธิ์ ผอ.สำนักงานเกษตรภาคเหนือสมัยนั้นนิมนต์ไปเพลที่บ้านท่าน เลยเพื่อนๆร่วมงานมากันหมด พระก็ให้ศีลให้พร



แล้วก็ไปลาสิกขาที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม ที่ท่านเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงท่านเป็นเจ้าอาวาสที่นั่นด้วย ท่านทำพิธีให้ ก่อนท่านมรณภาพท่านเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นชั้นเทพ…ผมจำไม่ได้ว่าฉายาท่านเป็นเช่นใด หลังจากลาสิกขาแล้วผมก็กลับไปทำงานในสะเมิงก่อนอีก 1 ปี แล้วย้ายถิ่นฐานไปอีสานจนปัจจุบันนี้

พระอาจารย์ธรรมธโร เจ้าอาวาสสำนักวิปัสสนาไทรงาม สุพรรณบุรี ท่านก็มรณภาพไปแล้ว นึกย้อนไปช่วงนั้น เป็นช่วงที่ชีวิตได้สัมผัสอีกโลกหนึ่งที่มีคุณค่าเหลือเกิน สมณะเพศนั้น เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของทุนทางสังคม เป็นผู้สร้างแรงเกาะเกี่ยวทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นพระในศาสนาใดก็ตาม ล้วนเป็นผู้สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสังคม

ผมยังภาวนาเสมอว่า หากชีวิตไม่สิ้นไปก่อน จะขอเข้ามาสู่ร่มศาสนาโดยการบวชทั้งกายทั้งใจอีก.. ผมได้รับฉายาว่า พระไพศาล ฐิตสาโร ครับ


เด็กบ้านนอกในเมือง..

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 เมษายน 2010 เวลา 11:07 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1011

พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ปู่ส่งไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ คนจากบ้านนอกไม่รู้จักใครในกรุงเทพฯ ก็ต้องอาศัยวัด โดยพึ่งพาบารมีพระอาจารย์ที่บวชแล้วมาประจำที่วัดมหาธาตุ คนบ้านนอกสมัยก่อนก็ใช้วิธีนี้ทั้งนั้น การเป็นเด็กวัดแล้วเรียนหนังสือไปด้วยนั้น พระใช้วิธีสั่งสอนโดยไม้เรียว ทำอะไรผิดพลาดก็ตีลูกเดียว แต่เจตนาดี เด็กที่ผ่านระบบนี้มักได้ดีกันทั้งนั้น


ตอนผมถูกส่งไปเรียนมัธยมปลายในเมืองกรุง ก็ไปอาศัยบ้านคุณตาที่นับถือกัน แต่ไม่ใช่ญาติจริงๆเราก็เป็นเหมือนคนช่วยทำสวน ทำบ้านให้ท่าน อาศัยซุกหัวนอน กินข้าวแล้วเรียนหนังสือ กว่าจะปรับตัวได้ ล่อซะน้ำตาตกเลย


หลานตัวเองจบมหาวิทยาลัย ทำงานธนาคารที่กรุงเทพฯ มีครอบครัวซึ่งเป็นคนบ้านนอกเหมือนกัน ครอบครัวใหม่ในเมืองใหญ่ มันทุลักทุเล ทั้งคู่มีลูกน้อยหนึ่งคน ชีวิตก็ต้องวนเวียนกับการรับส่งลูกเล็กกับสถานที่รับเลี้ยงเด็กเช้าไปส่ง เย็นไปรับ

เมื่อมีจังหวะก็ส่งลูกเล็กไปต่างจังหวัด ให้ย่าให้ยายช่วยเลี้ยงแทน เฮ่อ ชีวิต มันวนเวียนอยู่อย่างนี้จะไปคิดอ่านอะไรก็ดิ้นรน พิจารณาโอกาส ช่องทางกัน ชีวิตแบบนี้ต้องใจเย็นๆ เพราะไม่มีอะไรง่าย มันติดขัดรัดรึงไปหมด และทั้งหมดใช้แต่เงิน ตัวกลางของการดำรงชีวิตของสังคมเมือง


การดิ้นรนของชีวิตสังคมเมืองนั้นทำให้คนเราแสวงหาช่องทางทุกอย่างที่ดีกว่า ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย ต้องมีสติที่มั่นคง ต้องมีความอดทน อดกลั้น เติมพลังให้แก่กัน และสู้สู้…


สีฝัด…

840 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 เมษายน 2010 เวลา 23:06 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 24169

วันที่ผมกลับไปบ้าน ผมไปนั่งมุมนี้มองดูวัดตูม วัดที่ผมเติบโตเคียงคู่ข้างวัดมาตลอด รั้วบ้านผมติดวัดมีคลองเล็กๆคั่นอยู่ วัดแห่งนี้มีพระมากน้อยแปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา บางพรรษามีพระเต็มวัด คึกคักมาก บางปีมีแต่หลวงตาเจิมอยู่องค์เดียว


หอระฆังนั่นมีก่อนผมเกิด สมัยเด็กๆผมชอบไปแย่งไม่ตีจากพระเณรที่เจ้าอาวาสมอบหมายให้มีหน้าที่ตีระฆัง ทางวัดได้เงินจากการทอดผ้าป่าจึงเอาเงินมาบำรุงซ่อมแซมแล้วทาสีใหม่


ผมมองไปใต้ถุนกุฏิพระ นั่นคือเรือขึ้นคาน เรือวัดที่พระใช้บิณฑบาตในช่วงน้ำท่วม ผมจำได้มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเรือนี้ บางปีเรือล่มพระเกือบจมน้ำมรณภาพ เพราะมีคลื่นจากเรือสินค้าผ่านมา บนเรือวัดนั้นมีพระสององค์นั่งตั้งลำเรือไม่ถูกคลื่นเลยทำให้เรือล่ม บาตรพระจมน้ำหายไป ชาวบ้านมาช่วยพระกันเต็มทั้งหมู่บ้าน เพราะพระมีจีวรพะรุงพะรังไม่สะดวกในการว่ายน้ำ จึงอันตรายมาก

ข้างๆเรือที่ขึ้นคานนั้นคือ “สีฝัด” หรือเรียกสีฝัดข้าว คนในเมืองคนภาคอื่นไม่รู้จัก เพราะเป็นเครื่องมือองค์ประกอบหนึ่งของการทำนาของภาคกลาง ภาคอีสานกับภาคเหนือใช้พัดวีเมล็ดข้าวเพื่อให้เมล็ดข้าวลีบ หรือสิ่งที่ไม่ใช่ข้าวกระเด็นออกไป เมล็ดข้าวหนักกว่าก็จะไม่ปลิวไปไหน แต่ภาคกลางใช้เครื่องสีฝัดเป็นเครื่องมือแยกเมล็ดข้าวออกจากทุกอย่างที่ไม่ใช่เมล็ดข้าว

ผมคุ้นเคยสีฝัดเพราะถูกพ่อใช้ให้ช่วยทุกอย่าง เป็นแรงงานช่วยกันแบกไปวางไว้ในที่ที่เตรียมไว้ ทำหน้าที่ขนข้าวจากกองที่นวดแล้วเอามาใส่เครื่องรับด้านบนของตัวสีฝัด ก่อนจะฝัดเอาฝุ่นละออง ข้าวลีบ ฯลฯ ออกไปจากเมล็ดข้าว จะเหลือเมล็ดข้าวล้วนๆไหลลงมาด้านหน้าของสีฝัด เป็นแรงงานหมุนใบพัดให้เครื่องทำหน้าที่ของมัน การหมุนต้องไม่เบา หรือแรงเกินไป หากเบาไปเศษสิ่งที่ไม่ต้องการก็อาจจะไม่หลุดไปหมด อาจตกมาพร้อมกับเม็ดข้าว เมล็ดข้าวก็มีการปน สิ่งแปลกปลอม ขายไม่ได้ราคา หรือถูกหักสิ่งเจือปน หากฝัดแรงไป เมล็ดข้าวก็อาจจะปลิวไปกับลมที่พัดนั่น ก็เสียหายอีก


ไม่ใช่มีแรงเท่าไหร่ก็ใส่เข้าไป มันมีศาสตร์ มีศิลป์มีองค์ความรู้ของมัน ไม่มีคู่มือ มีแต่สั่งสอนแล้งลงมือทำเลย ติชมกันตรงนั้น ที่คือการเรียนจากการปฏิบัติจริงเด็กชนบทจึงรู้จัก ใครมาเปลี่ยนเมื่อเมื่อยเกินไป เขาก็รู้ว่าจะใช้แรงเท่าไหร่จึงพอเหมาะ


สีฝัดคือเทคโนโลยี แบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่ให้ประโยชน์มาก ทั้งหมู่บ้านไม่จำเป็นต้องมีทุกหลังคาเรือน ขอหยิบขอยืมกันได้ หมดหน้านาก็ล้าง ทำความสะอาด แล้วเอาน้ำมันยางชโลมรักษาเนื้อไม้เอาไว้ใช้งานปีต่อไป ตั้งแต่มีเครื่องไถนา เครื่องนวดข้าว เครื่องฝัดข้าวที่เป็นเครื่องจักรกลที่ใช้น้ำมัน เจ้าสีฝัดก็หมดบทบาทลง กระเด็นมาอยู่ใต้ถุนวัด และหรือไปอยู่ในแหล่งรวบรวมของเก่าเพื่อขาย

จากข้อมูลอาจารย์ goo ทราบว่ามีการซื้อขายเพื่อเอาไปแต่งบ้าน ร้านอาหาร และอื่นๆในราคา 3,500 บาทต่อหลัง เหมือนเครื่องมือโบราณอื่นๆที่กลายเป็นเครื่องตกแต่งไปแล้ว


ไปพบภาพนี้ของอาจารย์วิรัตน์ ที่ g2k จึงขออนุญาตนำมาให้ชมกันครับ

http://gotoknow.org/blog/civil-learning/321493


ตลาดชีวิต..

1047 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 เมษายน 2010 เวลา 20:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 11381

สมัยอยู่ที่เชียงใหม่ก็เห็นการเกิดขึ้นของตลาดต้นพะยอม หลัง มช. มันเริ่มจากถนนหลัง มช.นั้น มีนักศึกษาชอบใช้ขี่มอเตอร์ไซด์ เข้า-ออก ทั้งไปในเมืองและไปสวนดอก ภาษา มช.เรียกสวนดอกก็หมายถึงโรงพยาบาลสวนดอก หรือคณะแพทย์ศาสตร์และคณะต่างๆสายวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย

ตลาดต้นพะยอมเริ่มจากชาวบ้านเอาสินค้าพื้นบ้านมาวางขายเพียงสองสามคน และขายได้ นับวันก็ขยายจำนวนแม่ค้าที่เป็นชาวบ้านและชนิดสินค้ามากขึ้น แล้วก็ไม่พ้นนักธุรกิจที่เห็นอนาคตว่าควรจะทำอะไร การซื้อขายที่ดินก็ระเบิดขึ้นแล้วก็พัฒนามาจนปัจจุบัน

ทุกวันนี้ตลาดต้นพะยอมรถติดทั้งเช้าและเย็น..

ไม่ไกลจากกบ้านผมที่ขอนแก่นมีซอยเล็กๆซึ่งเป็นชุมชนค่อนข้างใหญ่ที่เรียกชุมชน หนองใหญ่ ไปพ้องชื่อหมู่บ้านหนองใหญ่ของเพลงดาวมหา’ลัย หรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่ชุมชนนี้เป็นชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งของขอนแก่น อาชีพเดิมของชาวบ้านก็ทำนาหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่คือที่นาเดิมของชาวหนองใหญ่ เมื่อเวลาเปลี่ยนไป มีการตัดถนน มีการสร้างสถาบันการศึกษาสถานที่ราชการ… ลูกหลานก็เรียนหนังสือกัน แล้วอาชีพทำนาก็ลดลงลดลง ชาวนากลายเป็นลุกจ้างร้านอาหาร เปลี่ยนอาชีพไปเป็นแรงงานต่างๆในเมือง บางคนก็ไปเอาดีทางเป็นช่างไม้ ช่างปูน ช่างไฟฟ้ารับจ้างอย่างอิสระ สตรีชาวนาหนองใหญ่ก็ไปรับจ้างทำงานบ้าน รับจ้างรีดผ้า ซักผ้า …

แล้ววันหนึ่งชาวบ้านก็เอาของพื้นบ้านมาวางขายปากซอย ขายดิบขายดี แล้วก็ขยายออกไปเรื่อยๆ บ้านในซอยถูกดักแปลงเป็นร้านค้า บ้านในซอยมีการซื้อขายกันราคาแพงๆเพราะต้องการทำมาค้าขาย สินค้ามีทุกชนิดส่วนใหญ่ก็เป็นอาหาร เพราะเป็นตลาดเย็น ขายดิบขายดี คนในเมืองขอนแก่นที่ต้องการของพื้นบ้าน ของสดๆก็จะขับรถมาที่นี่ การเกิดตลาดทำให้ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ถนนสายหลักรถติดเพราะใครๆที่ขับรถต่างก็อยากจอดใกล้ๆตลาด ลงเดินซื้อแล้วกลับมาที่รถง่ายๆ แต่ก็จะจอดซ้อนคัน ถนน 4 เลนก็เหลือเพียงเลนเดียว แถมยังมีคนเดินข้ามถนนตลอด รถไม่ติดได้ไง เพราะถนนเส้นนี้เป็นสายหลักที่จะไปอำเภอรอบนอกและจังหวัดกาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สกลนคร หรือไหนๆที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองขอนแก่น


ครอบครัวผมก็ฝากท้องที่นี่ ซื้อทั้งของสดนำไปประกอบอาหาร หรืออาหารสำเร็จรูป ผมชอบสินค้าพื้นบ้าน มะรุมที่แกะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าวโพดข้าวเหนียว ผักพื้นบ้านสารพัดชนิด บางชนิดที่ปลูกเองได้ก็ไม่ซื้อ

เย็นวันนั้นผมเห็นเด็กผู้ชายมานั่งกับแม่และแม่ก็เอาน้องเล็กนั่งตัก เธอขอทานครับ ผมยืนอยู่ห่างๆเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเด็กและแม่คู่นี้ เด็กผู้ชายนั้นดูหน้าตาดี หล่อเหลาไม่เบา และดูสายตาเขาไร้เดียงสาเหลือเกิน เขาคงไม่เข้าใจอะไรว่าทำไมแม่ต้องมานั่งขอทานเช่นนี้ เขาน่าจะเรียนหนังสือแล้วกลับมาบ้านจึงมานั่งกับแม่ เพราะคงไม่รู้จะไปไหน

เด็กเฝ้ามองด้วยสายตาน่าสงสารมากครับ ดูคนโน้นคนนี้เดินผ่านไปมาด้วยของกินเต็มมือ บางคนก็เอาเศษสตางค์หย่อนใส่กระป๋องใบเล็กๆในมือแม่…


พักใหญ่ๆแม่หันมาเห็นผมยืนมองเขาอยู่จึงคว้าหัวลูกไปซุกตัก นัยว่าไม่อยากให้ผมถ่ายรูปอะไรทำนองนั้น เด็กไม่รู้เรื่องอะไรก็โน้มตัวไปตามแม่ เธอไม่ใช่คนสกปรก เหมือนว่าเป็นวณิพกใหม่ เธอคงมีเรื่องราวในครอบครัวชุดใหญ่ เธอคงไม่มีทางออกอะไรมากนัก แต่ความรับผิดชอบที่ต้องแบกภาระลูกสองคนก็ต้องดิ้นรนไป เมื่อไม่มีหนทางใดๆ ก็ใช้วิธีนี้แหละ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำเช่นนี้หรอก ผมเชื่อว่าไม่มีแม่คนไหนที่อยากเอาลูกมานั่งตรงนี้ ด้วยสถานะนี้..

ความจริงในตลาดแห่งนี้มีวณิพกหลายราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เฒ่าสูงอายุทั้งชายหญิง และคนพิการ แต่เพิ่งจะเห็นเธอคนนี้เป็นครั้งแรก ขณะที่ผมยืนคอยคนข้างกายไปซื้อสิ้นค้ากลับบ้านบางอย่าง เฝ้าสังเกตแม่ลูกคู่นี้จนเธอรู้สึกว่ามีคนจ้องเธอจึงให้ลูกเดินกลับบ้านไป


ผมอยากรู้เรื่องราวชีวิตของครอบครัวนี้ แต่คงไม่เหมาะสมที่จะมานั่งสัมภาษณ์กันที่นี่ กลางตลาดคนเดินนี้ ผมบริจาคเงินจำนวนหนึ่งก่อนที่จะหอบอาหาร กลับบ้านด้วยคิ้วขมวด..ถึงชีวิต ความยากจน การไม่มีทางเลือก บางคนมีเงินล้นฟ้า แต่บางคนเอาตัวไม่รอด ต้องมานั่งกลางถนนรอเมตตาจากคนด้วยกัน เพราะเธอไม่มีทางเลือก

หรือนี่คือทางเลือก


แร้ง..

567 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 เมษายน 2010 เวลา 23:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 8225

วันที่ผมกลับไปบ้านเกิด ผมแอบไปดูพื้นที่เดิมของบ้าน แต่ต้องย้ายออกไปอยู่ในที่ปัจจุบัน เพราะน้ำกัดเซาะพื้นที่บ้านจนถึงเสาบ้าน ขืนอยู่ต่อไปบ้านก็จะตกไปในแม่น้ำน้อย จะทำกำแพงกั้นน้ำ ที่ภาษาภาคกลางเรียก “รอ” ก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น ลูก 6 คนกำลังเรียนหนังสือ


แม่น้ำนี้ผมเล่นมาตั้งแต่เด็ก ว่ายน้ำข้ามฝั่งไปข้ามมาสนุก ผู้ใหญ่ก็คอยดุด่า ไม่กลัวจมน้ำหรอก แต่กลัวปลาปักเป้าจะกัดไอ้จู๋น่ะซี อิอิ ซึ่งมีคนโดยกัดบ่อยๆ วันหลังค่อยคุยพื้นที่ตรงนี้ยามเด็ก


วันนั้นผมแหงนดูท้องฟ้า โน่น โน่น อะไรเต็มท้องฟ้าโน่น.. รูปนี้มองไม่เห็น มีจุดดำๆตรงกลางรูปน่ะ


เอ้าซูมเข้ามา เป็นรูปที่ผมไม่เห็นมานานแสนนานเพราะอีสานไม่มีให้เห็น แต่สมัยเด็กๆผมเห็นภาพแบบนี้บ่อยมาก นกขนาดใหญ่เป็นฝูงบางทีนับได้ถึง 50 กว่าตัว บินวนกันเป็นวงกลม เรียกว่าร่อนมากกว่า เพราะเขาขยับปีกสองสามที หลังจากนั้นก็กางปีกร่อนวนเป็นวงกลมไล่เรียงกันไป

เป็นนกแร้ง หรืออีแร้ง ครับ คอยาวไม่มีขน หัวแดงๆ กางปีกเต็มที่กว้างมากขนาดมากกว่า 1 เมตร เขากินแต่ซากสัตว์ที่ตายแล้ว เช่นหมาตาย เขาก็จะร่อนลงมาทั้งฝูงแล้วเข้าทึ้งซากจนเหลือแต่กระดูก สมัยเด็กๆชอบเอาไม้วิ่งไล่ตีมัน มันก็วิ่งหนีแล้วก็วนกลับมาที่ซากใหม่ เราวิ่งไล่ไม่ทันหรอกครับ


มีแร้งเป็นตัวแทนความสกปรก ความเหม็น ความไม่ดีงาม แต่เขาเป็นผู้ขจัดขยะ เคยเห็น FW เมล์ ในธิเบตเมื่อมีคนตายจะมีการนำศพไปให้แร้งกิน โดยคนทำพิธีจะเอาขวานมาจามร่างกายให้เป็นเส้นๆ ง่ายต่อแร้งมากิน…!!!!!?????


เหลือง..สวย

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 เมษายน 2010 เวลา 21:36 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1091


เหลืองสวย

เพราะชอบ..มันจึงสวย

เหลืองจริงๆไม่เกี่ยวกับสวยหรือไม่สวย

จิตเราต่างหากที่ไปเสพมันแล้วชอบ หรือไม่ชอบ

ชอบมาก ชอบน้อย ไม่ชอบ จนถึงไม่ชอบมาก

เป็นเรื่องของจิตที่มีเบื้องหลังของการสะสมมา

นึกถึงนานมาแล้วหลานสาวมาจากกรุงเทพฯ

ไม่เคยรู้จักชนบท เห็นควายกลางทุ่งนาเธอไม่รู้จัก

ถามว่านั่นตัวอะไร เราลองบอกเธอว่านั่นคือหมู

เธอบอกว่า หมูอู๊ดๆน่ะหรือ.. เราก็บอกว่าใช่ เธอหัวเราะชอบใจ

อีกหลายเดือนต่อมาเธอไปเยี่ยมเยือนเราอีก

คราวนี้เจอะควายที่เดิมเป็นฝูง เลย

เธอถามว่า คุณอา..ทำไมหมูอยู่กันเป็นฝูง

ทำไมหมูตัวใหญ่จัง ทำไมหมูมีเขาด้วย ทำใม…ทำใม..

ผมตกใจนิดๆว่า เราผิดไปแล้ว ….

เราไปโปรแกรมสมองเธอเมื่อหลายเดือนก่อนว่านี่คือหมู..

ผมตัดสินใจ นั่งลงอธิบายว่า คุณอา..ของโทษที่แกล้งหนู

ความจริงนั่นคือควาย ไม่ใช่หมู ลองถามคุณแม่ดูซิ

ลองถาม พี่ขวัญ ดูซิ ลองถามชาวบ้านที่มาเลี้ยงควายนั่นดูซิ

กว่าเธอจะยอมรับ เธอก็ว่านั่นคือหมู หมู หมู อยู่นาน

แต่ในที่สุดเธอก็ค่อยๆ ยอมรับว่ามันคือควาย..

ใครหนอไปโปรแกรมพี่น้องว่า ข้อมูลของแดงนั้นคือที่สุด….


แดง..แต่สวย

89 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 เมษายน 2010 เวลา 21:11 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1569


ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร

ไม่รู้ว่าเขามีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่

ไม่รู้ว่าเขาเอามาปลูกเพื่ออะไร

แม้จะมีสีแดง แต่ก็แดงโดยธรรมชาติ

ที่ไม่ได้ฉาบติดด้วยความไม่รู้ หรืออคติ หรือทยานอยาก

แดงธรรมชาติ..สวย…



Main: 0.063181161880493 sec
Sidebar: 0.046334981918335 sec