ไปดูรอยตีน..

230 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 มีนาคม 2010 เวลา 13:08 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 3358

เช้าวันจันทร์มีนัดหลายนัด วันอังคารก็นัดต่อ คนหนึ่งในนั้นคือ ท่านนายก อบต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ท่านบำรุง คะโยธา สหายเก่าและนักเคลื่อนไหวชาวภูไทตัวฉกาจ สมัย คจก. นั่นท่านคงเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง ผมไม่ได้ไปนัดใส่เสื้อสีใดๆ และไม่ได้ชวนกันลงมา กทม.วันหยุดข้างหน้านี่หรอก เขาเป็นเพื่อนรักผม พอดีมีงานที่เกี่ยวข้องกันในเรื่องการพัฒนาชนบท เลยโทรไปนัดหมายจะไปปรึกษาหารือกัน


ปัจจุบันท่านเป็นนายก อบต.สายนาวังที่ยกระดับทั้งตำบลเป็นเขตเกษตรอินทรีย์หมด บริหาร อบต.แบบธรรมมาภิบาลดูซิมันจะอยู่ได้ไหม ปรากฏว่าอยู่ได้ แต่ลูกน้องหลายคนลาออกไปที่อื่น บอก อดอยากปากแห้ง ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงเลย..อิอิ มีเวลาเหลือก่อนไปพบจึงถือโอกาสขับรถปีนเขาไปดูรอยตีน..สัตว์


ไดโนเสาร์ที่ภูแฝก ซึ่งอยู่บนเส้นทาง สมเด็จ-นาคู พอผ่านหมู่บ้านขึ้นเขา ผ่านสำนักงานอุทยานเท่านั้นแหละ ป่าทั้งป่าก็มีสภาพที่เห็น ผมตกใจว่าถนนนั้นดีกว่าถนนในหมู่บ้านจำนวนมาก ไม่เป็นอุปสรรคในการนำรถแก้ปัญหาไฟป่าขึ้นมาจัดการเลย ทำไมสภาพจึงเป็นเช่นที่เห็น


ผมทำงานที่โครงการกลุ่มป่าห้วยขาแข้ง กับท่านรองเลขาฯ ส.ป.ก. ดร.วีระชัยฯ อยู่ที่นั่น 5 ปี งานหลักหนึ่งก็คือป้องกันไฟป่า เราลดจำนวนการเกิดไฟป่าได้โดยประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับชาวบ้านที่ตั้งกองดับไฟป่าขึ้นมา ซื้อเครื่องมือดับไฟป่าให้ ฝึกอบรมและมีเบี้ยเลี้ยงให้เมื่อออกไปดับไฟป่า


ใครก็รู้ว่า ไฟป่านั้นทำลายมากกว่ามีประโยชน์ หลายท่านไม่ทราบนะครับว่า มุมหนึ่งของไฟป่านั้นมีประโยชน์ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม แต่โทษมากมายมหาศาล ที่เห็นนี่คือเปลือกต้นไม้ที่กำลังอยู่ระหว่างหนุ่มสาว กำลังเติบโต โดนไฟป่าลวก ผิวไหม้เกรียม เขาก็เกิดแผล เชื้อโรคอาจจะเข้าไป ทำให้เกิดปัญหาคุณภาพเนื้อไม้ และการโดนไฟป่านั้นเขาจะชะงักการเจริญเติบโตโดยธรรมชาติ

นักป่าไม้ทราบดี มีการศึกษาเรื่องนี้โดยเอาวงปีการเจริญเติบโตของต้นไม้มาศึกษาพบหลักฐานเช่นนั้นจริงๆ และเรื่องนี้ยังใช้ทำนายย้อนหลังไปในอดีตได้ว่าปีไหนบ้างที่เกิดไฟป่า ใหญ่เล็กแค่ไหน เมื่อไหร่ ตรงไหน หากไฟป่าไหม้ทุกปี ป่าตรงนั้นจะค่อยๆแปรสภาพจากป่าดงดิบกลายเป็นป่าเบญจพรรณ กลายเป็นป่าหมดสภาพไปในที่สุดเพราะไฟป่านี่แหละ


อ้าวจะพาไปดูรอยตีน…. อิอิ รอยเท้าไดโนเสาร์ที่ภูแฝกนี่ มีให้เห็นของจริง เป็นชนิดไหน ก็ชนิดที่รูปข้างล่างนี่แหละ ไม่มีข้อมูลมาทำนิทรรศการให้คนผ่านไปมาได้อ่าน อยากรู้ก็ถามเจ้าหน้าที่เอา แล้วคุณพ่อจะมานั่งตอบคำถามคอยนักท่องเที่ยวตลอดเวลารึเปล่า ทำไมไม่ทำข้อมูลอธิบายไว้ในสถานที่เหมาะสม..หึหึ ระบบข้อมูลบ้านเรานี่แย่จริงๆ



วันที่ผมไปนั่นมีเด็กนักเรียนมากันเป็นร้อยคนระดับประถม สนุกกันใหญ่ เสียงเด็กดังทั่วป่า น่ารักดีนะ แต่ละคนก็เต็มที่ ครูพี่เลี้ยงพูดไปก็ดุไปว่า ฟังหน่อย ดูทางนี้หน่อย หะหะ เหมือนจับปูใส่กระโด้ง ดีมากๆที่เอาเด็กมาเรียนรู้ธรรมชาติ แต่อากาศร้อนมาก เหงื่อเต็มหน้าหมด แต่เขาก็สนุกนะ..


ขากลับผมถ่ายรูปถนนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่โดนไฟไหม้ มันแตกต่างโดยสิ้นเชิง เออ พลังเหลือเฟือที่มาอยู่ที่กรุงเทพฯ หากเอามาทำประโยชน์ที่นี่ก็คงจะดีนะครับ..

อิอิ..


ภูแฝก..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 มีนาคม 2010 เวลา 0:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2210


วันนี้มีโอกาสแวะที่อุทยานภูแฝก ต.ภูแล่นช้าง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ เห็นแล้วก็อนาถใจ แม้ในเขตอุทยานเองที่มีสำนักงานอยู่ใกล้ๆ สภาพป่าไม้ก็โดยเผาเช่นนี้ แล้วไปเรียกร้องให้ชาวบ้านรักษาป่าได้อย่างไร..


พูดจาภาษาเอี้ยง..

155 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 มีนาคม 2010 เวลา 19:08 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2474

 


กราบหลวงพ่อกล้วย..

25 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 มีนาคม 2010 เวลา 0:06 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2221

เพราะท่านรองเลขาฯส.ป.ก.มอบหมายงานพิเศษให้ผมจึงต้องอยู่ขอนแก่นและทำให้มีโอกาสพบปะพ่อครูบาฯ อ.ไร้กรอบ และน้องทวีสิน ซึ่งท่านได้รับเชิญจาก ดร.ศักดิ์พงศ์ให้ไปร่วมประชุมที่ มมส.


ตั้งใจจะแอบไปร่วมฟังการพูดคุยกันที่ มมส.แต่การประชุมของผมที่ศาลากลางจังหวัดไม่จบเมื่อจบก็เลยมุ่งหน้ากลับขอนแก่น ป้าหวานคนใจงามก็กริ๊งกร๊างมาถามว่าจะไปวัดหลวงพ่อกล้วยกับพ่อครูบาไหม ผมตกลงและจะแวะรับป้าหวานไปด้วย ไปสมทบทีมของ พ่อครูบาที่วัดฯ


ท่าน อ.ไร้กรอบท่านคุ้นเคยที่นี่มานานจึงพาไปกราบหลวงพ่อกล้วยที่ท่านกำลังดูงานก่อสร้างอาคารต้อนรับญาติโยมที่จะมาแวะเวียนที่วัดนี้ หลวงพ่อกล้วยเชื้อเชิญให้เดินชมวัดและให้มาพำนักพักพิงที่นี่ได้ตลอดเวลาที่อยากมา มีอาคาร ที่พักเพียงพอที่จะรับ..แม้อาคารริมอ่างน้ำที่ร่มเย็นดังภาพ

ท่าน อ.ไร้กรอบชี้ให้พวกเราดูภาพซ้ายมือบนนั่นว่านี่คือที่สุดท้ายของพระอาจารย์ที่จะเผาร่างเมื่อท่านมรณภาพ มันเป็นมรณานุสติที่ดีใครที่ทะยานอยากควรที่จะมาพินิจพิจารณาความไม่แน่นอนของชีวิตแห่งนี้..


เห็นแล้วก็ชุ่มชื่นใจ ล้วนกระตุกให้ผู้ผันผ่านตัวเองมาที่นี่ได้เห็นธรรมในธรรม พระพุทธองค์ทิ้งร่องรอยให้ปุถุชนได้ไตร่ตรองสภาวะอันเป็นอนิจจัง


ข้าน้อยขอก้มกราบพระพุทธองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน


เราเดินผ่านป่าช้า ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางวัด พบหญิงสาวสองท่านกำลังกางเต็นท์นอนกลางป่าช้านี้ เธอรู้จักกับท่าน อ.ไร้กรอบ และแนะนำว่าเธอเป็นแอร์โฮสเทตสายการบินเยอรมัน การมานอนในป่าช้าเป็นกระบวนการกำหนดมรณานุสติที่ดียิ่งและเธอมีใจที่แก่กล้า มุ่งมั่นเกินปุถุชนด้วยซ้ำ สาธุ


ภาพซ้ายมือนั่นคือหลุมศพตัวอย่างที่อยู่เต็มไปหมดในป่าช้ากลางวัดแห่งนี้ พร้อมที่จะเชื้อเชิญทุกท่านเข้ามาฝึกภายในตัวเอง

เชิญทุกท่านนะครับ…..


แรงเหวี่ยงทางสังคม

80 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 29 มีนาคม 2010 เวลา 5:50 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, ทุนสังคม #
อ่าน: 2715

รูปข้างล่างนี้ผมถ่ายมาเมื่อไปพักที่เขื่อนห้วยหวด สกลนคร เมื่อเดือนที่แล้ว ตอนถ่ายรูปก็ไม่ได้คิดอะไรแต่เมื่อมานั่งดูรูป ดูน้ำหมุนจากหัวจ่ายน้ำนี้เห็นเม็ดน้ำทั้งใหญ่และเล็กกระเด็นออกจากศูนย์กลางการหมุน นอกจากมองในมุมสวยแล้วมันยังสอนอะไรให้เราอีก


ผมมานั่งพิจารณาได้เห็นในสิ่งที่เห็น

ถ้าไม่มีแรงหมุนก็ไม่มีแรงเหวี่ยง ไม่มีแรงสลัด ผลที่เกิดคือ ไม่มีการกระเด็นของน้ำ ไม่มีการแตกกระจายของน้ำ ตรงกันข้ามน้ำยังเกาะรวมกันอยู่

ถ้ามีแรงหมุนน้อย แรงเหวี่ยงน้อย ผลที่เกิดคือ น้ำกระเด็นน้อย การแตกกระจายน้อย การกระเด็นไกลจากศูนย์กลางน้อย ตรงกันข้ามการเกาะตัวของน้ำก็มีอยู่ตามศักยะของเขา

ถ้ามีแรงหมุนมาก แรงเหวี่ยงมาก ผลที่เกิดคือ น้ำกระเด็นมาก การแตกกระจายมาก การกระเด็นไกลจากศูนย์กลางมาก ตรงกันข้ามการเกาะตัวของน้ำก็มีอยู่ตามศักยะของเขาซึ่งน้อย


ถ้ามีแรงหมุนมากและศูนย์กลางไม่นิ่ง หรือมีองศาของการเหวี่ยงเข้ามาอีก แรงเหวี่ยงมากนั้นก็แกว่างไปด้วย ผลที่เกิดคือ น้ำกระเด็นมาก การแตกกระจายมากจากแนวระนาบ น้ำที่กระเด็นออกแตกเป็นเม็ดเล็กๆจำนวนมากด้วย ตรงกันข้ามการเกาะตัวของน้ำก็มีอยู่ตามศักยะของเขาซึ่งน้อยลงมากมาก

และหากแรงหมุนมากมายมหาศาล เมื่อมีเครื่องมากำกับบางอย่างเช่น ยูเล็ม ของ อ.แฮนดี้ น้ำก็จะแตกเป็นฝอยละอองเล็กๆ แรงเกาะเกี่ยวในเม็ดเล็กๆของน้ำก็เกือบจะไม่มีเลย เม็ดเล็กๆของน้ำก็ปลิวไปตามลมที่พัดมา


รูปแรงเหวี่ยงของน้ำช่างไปตรงกับรูปจักรวาล ซึ่งมีเหตุมีผลที่ใกล้เคียงกัน แต่การที่เทหวัตถุ หรือดวงดาวเล็กใหญ่ไม่กระเด็นปลิวหายไปจากศูนย์กลางหมดนั้นเพราะมีแรงเกาะเกี่ยวกันอยู่ระหว่างเทหวัตถุและกับศูนย์กลางจักรวาล

การเห็นในเห็นนั้น ผมเห็นสังคมดั้งเดิมของเรามีทุนทางสังคมสูงมากๆ มีความเอื้ออาทร มีน้ำใจ มีอภัย มีละวาง มีอโหสิ มีการตอบแทน มีทดแทน มีอาวุโส มีศรัทธา มีความรักในความแตกต่าง โดยมีศาสนาเป็นแกนกลางมีวัฒนธรรมที่สังคมดึงเอามาปฏิบัติ เป็นตัวบ่มเพาะ หรือเป็นเบ้าหลอมคนในสังคม โดยมีโครงสร้างวัดที่เป็นสถานที่ที่เรียนหนังสือ มีคุณครูที่ไม่มีใจโอบอ้อมอารีในความเป็นลูกหลานของนักเรียนมากกว่า มีประเพณี พิธีกรรมเป็นตัวปฏิบัติ นี่คือแรงเกาะเกี่ยวทางสังคมแต่ก่อน


เมื่อสังคมพลวัตรไป เคลื่อนที่ไป บนทิศทางนัยความทันสมัย ก้าวหน้า ศิวิไลซ์ ความแตกสลายของดีเดิมๆก็ค่อยๆเกิดขึ้น แรงเกาะเกี่ยวทางสังคมก็ลดลงจนบางเรื่องหายไป สมัยก่อน เดินสวนพระต้องนั่งลงและหลีกทางให้พระท่านเดินได้สะดวกกว่า สมัยก่อนหน้าบ้านมีหม้อน้ำดินที่ไว้สำหรับสาธารณะดื่มกินอันเป็นการแสดงความเอื้ออาทรต่อกัน ผู้ใหญ่เอ็นดูผู้น้อยกว่า ผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่


แรงเหวี่ยงทำให้เกิดการแบ่งเป็นสองกลุ่มที่แยกออกจากศูนย์กลาง

แต่พลวัตรสังคมคือการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเคลื่อนที่ของสังคม คือหมุนของสังคม เกิดความแตกต่างมากขึ้น สภาพการแตกต่างของสังคมคือแรงเหวี่ยง แรงสลัด ก่อให้เกิดการกระเด็นหลุดออกจากใจกลางแบบเดิมๆ หากตัวเมืองเคลื่อนไปเร็วเกินไปก็สลัดชนบทหลุดออกจากความสมดุล กลายเป็นความแตกต่าง ซึ่งจะพัฒนาไปสู่ความแตกแยก อาจจะมีแต่แรงผลักหรือแรงสลัด ไม่มีแรงเกาะ อันตรายจริงๆ…

ความขัดแย้งทางสังคมก็คือแรงสลัดแบ่งแยกคนในสังคมออกเป็นกลุ่มเป็นพวก เป็นสี เป็นอคติ เป็นความแตกต่างที่พลวัตรไปสู่ความแตกแยก หากไม่สร้างแรงเกาะเกี่ยวที่มากเพียงพอ โอกาสหลุดออกไปจากแกนกลางย่อมมีสูงมากขึ้น

จุดอ่อนของสังคมไทยปัจจุบันนั้นมีมากมายที่ปราชญ์สังคมไทยกล่าวไว้ ประการหนึ่งก็คือ ทุนทางสังคมของเราเจือจางลงไปมาก เรามีกิจกรรมมากมายที่ไม่ได้เสริมสร้างทุนทางสังคม กีฬา กีฬาเป็นยาวิเศษ แข่งฟุตบอลกันแล้วก็ตีกันหัวร้างข้างแตก ยิ่งกีฬากลายเป็นธุรกิจ ก็ยิ่งทำลายทุนทางสังคมให้แตกสลายลงไปเร็วขึ้น

อ้าว…ร่ายยาวตั้งแต่เช้ามืดเลย อิอิ..จบก่อนดีกว่า..


ความงาม..

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 มีนาคม 2010 เวลา 10:14 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 668

แม้ว่าอารยธรรมต่างๆจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในเมืองใหญ่ซึ่งสายใยของมนุษย์กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลไกในเทคโนโลยี แต่ความมีน้ำใจอันงดงามต่อกันก็ไม่เคยสูญหายไปไหน


ระหว่างทางที่ขับรถจากซิดนีย์ไปเมลเบิร์นเพื่อเดินทางไปจัดนิทรรศการ รถได้เกิดอุบัติเหตุในทางโค้งที่ลื่นด้วยหิมะในหน้าหนาวจนพลิกคว่ำ ล้อหงายขึ้นฟ้าและหลังคารถไถลเบาๆไปตามพื้นถนนทำให้ศีรษะของทุกคนคว่ำลงตามหลังคารถไปด้วย ในระหว่างนั้นมีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งสวนมา เธอจอดรถและรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วเข้ามายังรถตู้และดึงทีละคนออกจากรถพร้อมเข้ามากอดแต่ละคนด้วยความห่วงใยให้กำลังใจว่าอย่าตกใจเธอจะช่วยดูแลทุกอย่างให้

สำหรับคนเดินทางต่างถิ่นและการได้รับน้ำใจจากคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนมันเป็นความงดงามอันซาบซึ้ง หญิงสาวชาวออสเตรเลียคนนั้นได้เรียกรถพยาบาลมาดูแลกลุ่มคนไทย พาส่งโรงพยาบาลซึ่งต้อนรับอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง ตั้งแต่เอกซเรย์ตรวจกระดูกไหล่ที่เคลื่อน เข้าเฝือกให้ พร้อมบริการคุกกี้และกาแฟโดยไม่คิดมูลค่าหรือค่ารักษาเลย พร้อมยังวิ่งเต้นจัดหารถให้ใหม่เพื่อเดินทางไปถึงจุดหมายทันเวลาจัดนิทรรศการ


ความงดงามแห่งน้ำใจย่อมนำความสุขมาให้ทุกฝ่ายเสมอ คำว่าน้ำอันมีลักษณะของความฉ่ำเย็น คำว่าใจหมายถึงความปกติเป็นกลางที่บริสุทธิ์สะอาด เมื่อรวมกันเป็นน้ำใจยิ่งช่วยให้ความสะอาดบริสุทธิ์นั้นฉ่ำชื่นด้วยความเย็นใจ เหมือนคนที่เดินทางยากลำบากแล้วได้ดื่มน้ำอันฉ่ำเย็นชื่นใจ ลดความฝืดเคืองอันยากลำบากไปได้….

….ความหมายแห่งการมีชีวิต คือ การเดินทางแห่งจิตวิญญาณของการเรียนรู้…

(ผมขออนุญาตคัดลอกมาเพียงแค่นี้ แค่นี้ก็ให้ความรู้สึกที่ดีมากๆต่อข้างใน ……)

บางทราย: ดอกไม้ที่งามที่สุดในใจเรานั้นทำให้เราสงบ ยิ้มได้ แต่ความงามของจิตใจนั้นทำให้โลกสงบและ ยิ้มได้ทั้งโลก

————-

จากเรื่อง “ความสุขแห่งน้ำใจโดยไม่น้อยใจให้เสียความสุข” หนังสือ ความสุขที่ไม่ควรสูญเสีย โดยพระอาจารย์อำนาจ โอภาโส แห่งผาซ่อนแก้ว หน้า 263 กราบขอบพระคุณป้าจุ๋มครับที่ส่งหนังสือวิเศษสุดนี้ไปให้


ชายแปลกหน้าบนยานแปลกตา

8 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 มีนาคม 2010 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1543

บ่ายสามโมงเศษวันนั้น ขับรถมาจากดงหลวงกลับสำนักงาน เห็นรถประหลาดคันหนึ่งมุ่งหน้าไปตัวเมืองมุกดาหาร ผมชะลอแล้วเห็นว่าเป็นการประกอบรถขึ้นใหม่ใช้แรงคนถีบแต่เป็นลักษณะนอนถีบ แปลกตาดี



ขับรถเลยไปแล้วลงมาเพื่อถ่ายรูป คนขับเป็นฝรั่ง หน้าตาดี ยกไม้ยกมือพร้อมพูดว่าสวัสดีครับ เมื่อเขาผ่านหน้าผมไป จริงเมื่อเห็นสิ่งแปลกแบบนี้ก็อยากรู้ อยากตั้งคำถามไปหมด แต่เขาก้ไม่ได้หยุด เราเองก็ไม่อยากไปรบกวนการเดินทางของเขา..


นับเป็นงานสร้างสรรค์ เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดจากคนไทยบ้างไหม มีเหมือนกันแต่น้อยมากๆ ผมไม่รู้จักจักรยานแบบนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าเป็นจักยานที่มีการผลิตขายทั่วไปในต่างประเทศธรรมดาๆ หรือเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่

เขาผ่านไปเข้าตัวเมือง แต่แล้วเขาก็เลี้ยวไปทางทิศใต้ของตัวเมืองมุกดาหาร เราแยกจากกันตรงสี่แยกนั้น

ยานพาหนะที่ใช้แรงคนขับเคลื่อนนั้น น่าจะเป็นที่พึ่งของมนุษย์ในยามวิกฤตในอนาคตดัง ผญาของพ่อสำบุญ วงศ์กะโซ่กล่าวไว้เมื่องานวันไทบรู ดังนี้


Poll ยุบสภา

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 26 มีนาคม 2010 เวลา 11:27 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1728


ผลการสำรวจเบื้องต้นที่ยังไม่ได้สรุปสิ้นสุด เรื่องความเห็นประชาชนต่อการยุบสภา


กลับสู่กำพืด..

1430 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 มีนาคม 2010 เวลา 21:46 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 17670


คุณยายท่านนี้ อายุ 87 ปีแล้ว เรียนจบแค่ ป.4 อาชีพทำนามาตลอดชีวิต ชอบทำบุญทำทาน เป็นคนบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง



ชายหนุ่มคนนี้ ก็เป็นชาวบ้านที่ใครๆทั่วบ้านทั่วเมืองเรียก “ไอ้เบิ้ม” เป็นคนไม่มีพิษภัยกับใคร ใครมีงานอะไรที่ไหนเรียกให้ไปช่วยก็ไปหมด แล้วแต่เขาจะให้เงินให้ข้าวกิน ให้เท่าไหร่ก็เอาแค่นั้น ไม่เรียกร้องไม่ต่อว่า ไม่โกรธ ชายคนนี้ไม่ได้เรียนหนังสือ พยายามเรียนแต่เนื่องจากเป็นโรคลมบ้าหมูจึงเรียนไม่จบแม้ ป. 1 ก็ใช้ชีวิตกับคุณยายข้างบน เป็นแรงงาน ช่วยคุณยายทำนา และทำทุกอย่างที่คุณยายสั่งให้ทำ ปัจจุบันว่างๆก็เที่ยวไปเก็บก้านมะพร้าวมาแล้วก็เอามีดกรีดเอาใบออกเหลือก้าน เอาไปขายมีคนมารับซื้อไปทำไม้กวาด ชีวิตไม่ได้หวังอะไรเลย ไม่ต้องการอะไรเลย แค่ขอข้าวกินไปวันๆหนึ่งเท่านั้น..

 

เพราะชายคนนี้ ผมจึงมายืนอยู่ตรงนี้

เพราะคุณยายท่านนี้ผมจึงมายืนอยู่ตรงนี้

ครับ คุณยายท่านนี้คือแม่ผม ชายคนนี้คือพี่ชายแท้ๆของผม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสกลับไปกราบท่าน


ตำตาตำใจ..

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 มีนาคม 2010 เวลา 11:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 555

ความสูงเท่ากับตึกสองชั้น ถ้าใส่อีกชั้นได้ก็คงจะใส่แล้ว..

มันเป็นการพัฒนาไอเดีย หรือการละเมิด

นี่คือรูปธรรมของการคอรัปชั่นแบบตำตารูปแบบหนึ่งหรือเปล่า..


ไอ้เสือ(แดง)ถอย..

172 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 23:29 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3659

หมดสัญญาจ้าง..

กลับไปเผชิญความแห้งแล้งบ้านเราต่อ..


รับจ้างโห่..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 23:03 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 580

 

 

รับจ้างโห่ในงานมงคลเท่านั้น

ไม่รับงานโห่การเมืองทั้งหลาย

(จากตลาดศาลเจ้า อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง)


ถูกใจ..

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 1:02 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1684

เมื่อค่ำนักข่าวช่องหนึ่งไปสัมภาษณ์พระไพศาล วิสาโล ในเรื่องเหตุการณ์ร้อนรุ่ม ปัจจุบันนี้ นักข่าวถามว่าทำไมประชาชนเสื้อแดงถึงสนับสนุนคุณทักษิณ…..

พระไพศาล: …ประชาชนชนบทนั้นเรียนรู้ว่าทุกรัฐบาลมีคอรัปชั่นกันทั้งนั้น แต่คุณทักษิณได้จัดสรรประโยชน์ลงสู่ชนบทถึงตัวคนด้วย ประชาชนรู้ว่าเขาคอรัปชั่น แต่ก็พึงพอใจที่สามารถทำประโยชน์แก่ชนบทด้วย สิ่งเหล่านี้พระไพศาลท่านเรียกการกระทำของทักษิณว่า “ถูกใจชาวบ้านแต่ไม่ถูกต้อง”

 

ผมต้องกราบนมัสการพระไพศาล ที่ท่านใช้คำสรุปที่ “ถูกใจ” ผมจริงๆ เพราะผมเองก็หาคำมาอธิบายปรากฏการณ์นี้ยังไม่ได้ แต่ท่านได้ให้คำสรุปที่ชัดเจน อย่างที่ผมบันทึกมาหลายบันทึกแล้วนั้น รู้ทั้งรู้ว่าชาวบ้านในพื้นที่ที่ผมทำงานนั้นแดงทั้งดง และได้ยินกับหูที่ชาวบ้านพูดว่า ทักษิณนั้นเขาแบบ 50/50 แม้จะกินก็ให้ชาวบ้านด้วย


มันเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าตกใจ และผมหรือใครๆก็คงรับไม่ได้ต่อทัศนะนี้ แต่ชาวบ้านในชนบทไม่ได้คิดอย่างเรา ตรงข้ามเขาชื่นชอบอีกต่างหาก แน่นอนมีองค์ประกอบอื่นเข้ามาสร้างเสริมด้วย เช่นการประชาสัมพันธ์ ใน P station และวิธีอื่นๆ ประกอบกับบางพื้นที่ เช่นดงหลวง มีแผลเดิมอยู่บ้างแล้ว


“ถูกใจชาวบ้านแต่ไม่ถูกต้อง” มันเป็นโจทย์ เป็นประเด็น เป็นคำถามที่ถามตัวเองว่า ในฐานะที่เรามาทำงานสร้างคนชนบทนั้นเราจะแก้อย่างไร ซึ่งเรารู้ว่าการเปลี่ยนความคิดคนนั้น ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้

การแก้ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องยาก การเปลี่ยนความคิดคนยิ่งยากทวีคูณ


กระจกส่องประเทศไทย..

903 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 มีนาคม 2010 เวลา 9:19 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 10627

เช้านี้ลองเข้าไปที่ Dash Board

เลื่อนลงไปล่างสุดของหน้าจอแล้วคลิกที่ กรอบมุมล่างซ้าย


หรือเข้าตรงไปที่ http://ma.tt/2010/03/bangkok-unrest/

ไปดูฝรั่งคุยกันเรื่องกรุงเทพฯ บ้านเรา….

เหมือนกระจกส่องประเทศไทยนะครับ..


ชื่อในบันทึกเก่าเล่มนั้น..

16 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มีนาคม 2010 เวลา 23:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 633

 

 

สตรีท่านนั้นโชคร้ายจริงๆ เพราะกระเป๋าเงินถูกโจรกรรมบนรถไฟสายใต้ที่สงขลาจนหมดตัว สิ่งที่พึ่งพิงได้คือการไปแจ้งความที่โรงพัก…

นายตำรวจท่านนั้นรับเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ควักเงินในกระเป๋าให้มา 500 บาท สตรีท่านนั้นไม่ลืมที่จะบันทึกชื่อนายตำรวจไว้ที่ได้ช่วยเหลือในยามทุกข์…

แล้วชีวิตก็เดินต่อไปจากวันเป็นเดือนเป็นปี หลายปี..การถูกโจรกรรมเงินในรถไฟ และการช่วยเหลือของนายตำรวจถูกเล่าขานให้เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง วันแล้ววันเล่า

แล้วก็เลือนหายไปกับกาลเวลา..


ช่วงสัปดาห์เดือนมีนาคมอันร้อนแรงทั้งอุณหภูมิอากาศและการเมือง.. แล้วในที่สุดข่าวลือลั่นที่สุดก็อุบัติขึ้นที่ภาคใต้ นายตำรวจนักสู้แห่งเทือกเขาบูโดถูกระเบิดเสียชีวิต… ท่านคือนายตำรวจที่เพิ่งจะมาร้องเรียนกับกตร. และนายกรัฐมนตรีฯ เพื่อขอโยกย้ายเมื่อวาระมาถึง แต่ไม่ได้รับการโยกย้าย และต้องมาสังเวยชีวิตให้แก่ความร้อนที่ภาคใต้…ท่านคือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา….

สตรีผู้โชคร้ายบนรถไฟในหลายปีก่อนเอะใจกับชื่อท่านผู้กล้าที่เสียสละชีวิตท่านนี้ เธอไปค้นบันทึกเก่าๆเอามาดู เพราะได้บันทึกชื่อนายตำรวจผู้ช่วยเหลือเธอในคราวนั้น


…สตรีท่านนั้นต้องตกใจสุดขีด.. น้ำตาเธอรินหลั่งลงมาอย่างไม่รู้ตัว ชื่อนายตำรวจที่เธอบันทึกไว้นั้น คือ ชื่อผู้เสียสละชีวิตในวันนี้….

 

(เค้าโครงเรื่องมาจากข่าว ปชส.เย็นวันที่ 18 มีนาคม 2553)


โศลกแดง ๐๑

643 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มีนาคม 2010 เวลา 22:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3954

 


เย็นวันหนึ่งที่ริมโขง..

236 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 มีนาคม 2010 เวลา 11:37 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2783

ที่นอนก็คือที่ซุกหัวนอนจริงๆ ออกจากห้องก็ตรงไปที่ทำงาน ตกเย็นก็เข้าตลาดราตรี หรือไม่ก็ร้านเจซื้ออาหารแล้วก็กลับห้อง ดู จอเหลือง ดูช่อง 11 ไปด้วยแล้วก็ทานข้าว เสร็จก็เริ่มงานอีกครั้ง จนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง หลับไป ตื่นเช้าก็เข้าสู่เดิมๆ

เย็นวันนี้นึกอยากไปริมโขงที่เรียกตลาดอินโดจีน เขาว่าน้ำโขงแห้ง ไปดูซะหน่อย โอย..ลมแรงจริงๆดูต้นตีนเป็ดซิ ใบลู่ตามลมไปเลย ชาวมุกดาหารมีคำพูดเล่นๆกันว่า ลาวเปิดพัดลมใส่แรงไป..อิอิ



ตั้งแต่มีสะพานมิดตะเพียบ ลาว-ไท การใช้บริการทางเรือก็ลดลงอย่างมาก ดอนทรายโผล่ขึ้นมาสูงกว่าที่เคยเห็น เราเคยนึกว่าไอ้จักรพรรดินิยมมันขีดเส้นแบ่งเขตแดนเอาเปรียบประเทศไทยเพราะทุกเกาะแก่งกลางน้ำโขงนั้นเป็นของลาวหมด แม้ว่าหลักการคือร่องน้ำลึก..อ้าวใจเย็นๆ..เรามาพักผ่อนน่ะ..

ตลอดท้องน้ำโขงมีทุ่นขาวๆและธงสีแดงลอยอยู่เต็มไปหมด นั่นคือสัญลักษณ์บอกร่องน้ำที่ให้เรือต้องวิ่งไปตามนั้น เห็นเรือสินค้าวิ่งซิกแซกไปมา อ้อมโลก กว่าจะถึงฝั่งลาว ก็ใช้เส้นทางที่ยาวกว่า นานกว่า เสียพลังงานมากกว่า เพราะเหตุดังกล่าว


ยืนรับลมแรงอยู่นาน ชื่นใจ หายเหนื่อย สายตาสอดส่ายไปทั่วๆ เห็นสะพานเงาๆโน้น เพราะฟ้าหลัวจึงไม่ชัดเจน ยอดเขามโนรมย์ก็ครึ้มไปหมด ลมแรงตลอดเวลาทำให้ชาวเมืองไม่น้อยเดินออกมารับลมตามริมโขง บ้างก็เอาลูกมาด้วย หลายคนเป็นคนเฒ่าแก่ ที่ลูกหลานปลดระวางลงแล้ว ก็ใช้เวลาช่วงปลายชีวิตอย่างมีความสุข แต่บางคนยังต้องแบกภาระหารายได้อยู่… ชาวเมืองบางคนจูงหมารักตัวโปรดมาด้วย มันขี้เยี่ยวตามชอบใจ ระบบสาธารณสุขที่มุกดาหารสู้นครพนมไม่ได้ ที่นั่นเขาสะอาดมาก ต้องชมกันหน่อย


สาวท่องเที่ยวเดินหาเสื้อผ้าตัวโปรดที่ริมประตูวัด คุณยายยังมองหาลูกค้ากล้วยไม้ป่าที่เอามาอย่างผิดกฎหมายจากฝั่งลาว นานๆเจ้าหน้าที่ก็จับพอเป็นข่าวซะที วันรุ่งขึ้นเธอก็มานั่งขายใหม่ มันตลกไม่ออก ปีปีหนึ่งกล้วยไม้จำนวนมหาศาลจากฝั่งลาวไปอยู่ที่จตุจักร และบ้านคนที่รักพืชดอกพวกนี้มากมาย รวมทั้งผมด้วย แรกๆผมไม่ทราบว่ามาจากไหน ขนซื้อเอาไปเลี้ยงที่บ้านขอนแก่นจำนวนหนึ่ง แต่ต่อมาก็หยุดซื้อแล้ว อยากได้ก็ไปซื้อในงานเกษตรอีสานที่เขาใช่ระบบขยายพันธุ์โดย Tissue culture


เด็กนักเรียนท้องถิ่นผู้ชายคนนี้คงได้ของเล่นถูกใจ เธอนั่งเล่นคนเดียวนานมากโดยไม่ขยับไปไหน ส่วนเด็กสาวรุ่นใหม่ใส่แว่นสวยนั้น มาจากอุดร คุณครูพามาสามคันรถบัส ต่างวิ่งมาชื่นชมลมพัดแรงเย็นสบาย และดูธรรมชาติริมโขง ฝั่งลาว ต่างส่งเสียงดังนกกระจากแตกรัง อิอิ


หันเข้าหาวัดยอดแก้วศรีวิชัย ที่ติดกับตลาดอินโดจีน พระอาทิตย์กำลังตก มุมสวย มิใช่เพียงวัดเดียวที่ตั้งอยู่ติดตลาดอินโดจีนแห่งนี้ ต่างมีรายได้วันหนึ่งหลายบาทจากการให้บริการจอดรถ ให้บริการห้องน้ำ เปิดโบสถ์ให้คนเข้าไปกราบพระประธานแล้วตั้งตู้รับบริจาค เก็บค่าแผงแม่ค้า..ฯลฯ ปีหนึ่งๆไม่ทราบยอดรายได้รวมเท่าไหร่ เอาเถอะ..ไม่ต้องการเจาะลึกประเด็นร้อนอะไร..

ชื่นชมมุมสวยของสุริยันกับช่อฟ้าใบระกาของอาคารต่างๆในวัด สวยจับใจ ปล่อยให้เด็กๆนักเรียนจากแดนไกลฮือฮากับลมแรงและสินค้าริมถนนมากมายนั้น


องค์ประกอบชีวิตเรา ทางกายนั้นมีมากมายให้เราได้เสพสมตามวิถีแห่งเอกปัจเจก ส่วนทางใจนั้นนับวันล่องลอยถอยห่างออกไปทุกที


เห็นหลังคาโบสถ์ในมุมสวยงามก็นึกถึงอีตาเม้ง ที่กำลังจะก้าวเดินเข้าสู่โลกของธรรมตามที่ตนศรัทธาปสาทะ


นึกถึงหลายท่านที่ปล่อยสัจจะธรรมให้เพื่อนพ้องได้ระลึกถึงเนืองๆ ยืนเก็บมุมสวยของสัญลักษณ์แห่งธรรมไว้จนอิ่มเอม ก่อนที่จะขับเคลื่อนรถอีแก่คู่ใจกลับไปห้องซุกหัวนอนตามปกติ…


ม๊อบที่มุก…

103 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 มีนาคม 2010 เวลา 16:11 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 2106

ที่กรุงเทพฯกำลังร้อน ร้อนทั้งอากาศ การเมือง ข่าวบอกว่ายิง M 79 กันแล้ว

ที่มุกดาหาร สำนักงาน ส.ป.ก.อันเป็นที่ทำงานของโครงการที่ผมดูแลก็มีม๊อบเกษตรกรมายึดอยู่ ร้อนไม่แพ้กรุงเทพฯ..


วันแรกๆก็ปิดประตูไม่ให้เข้า ไม่ให้ออก มาวันนี้เปิดปกติ ดูบรรยากาศซิครับ ยึดที่จอดรถเป็นที่กินที่นอน ราวตากผ้า ทำกิจกรรมสานตะกร้า เสร็จ


กลางวันอากาศร้อน ก็ถือโอกาสหยุดการปราศรัย พักผ่อน ใครผมยาวก็มาตัดผมกัน ตัดเสร็จก็อาบน้ำกันตรงนั้นแหละ เย็นสบายดี ก็ช่วยให้อารมณ์ลดดีกรีลงมาได้บ้าง


สตรีที่เหน็ดเหนือยการเป็นครัวหนุนหลังก็นอนพักผ่อนซะก่อนตกเย็นๆค่อนออกมาปราศรัยบริภาษ ส.ป.ก.ใหม่อีก


มาบริภาษเขา แต่เรียกร้องให้มาบริการน้ำดื่มเย็นๆ เอาเต้นท์มากางให้ เอาข้าวมาบริการ มาทำความสะอาด ฯลฯ โอย ม๊อบอะไรนี่… ส.ป.ก.ก็ทำตามงกๆ ไปซื้อข่าวสารมาให้เป็นกระสอบ ส้วมเต็มก็เอารถมาดูดส้วม น้ำท่าไม่สมบูรณ์ก็ขนมาให้ ยังจะมานั่งฟังเจ้านายด่าเช้าด่าเย็นอีก

ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่เป็นเช่นนี้ ดูดูก็ขำ แบบขำไม่ออกอ่ะ

เรื่องราวมันเป็นอย่างไรล่ะ

ก็มันซับซ้อนพอสมควร มีการเมืองเข้ามาด้วยซิ ไม่ขอลงรายละเอียดหรอก ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของผม แต่อดสงสารท่าน ปทจ.ที่ต้องรับหน้าเสื่อไม่ได้ … การเมืองนี่มันยุ่งไปหมด ระบบเสีย หลักการเสีย แนวทางการทำงานเพื่อความยั่งยืนเสีย แนวทางเพื่อการพึ่งตนเองเสีย…..อีกฝ่ายก็คงคิดว่า ทำเพื่อเรียกคะแนนเสียงชาวบ้าน อย่างอื่นกูไม่คิด

พัฒนาการทางการเมืองมันไม่ใช่พัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศ ประเสริฐศรี แต่มันพัฒนาการไปสู่ความยุ่งเหยิงซะมากกว่าที่เขาเรียก Chaos นั่นน่ะซี…

เฮ่อ..การเมือง

ที่มุกไม่มีการยิง M 79 ไม่ได้ยิง M 100 หรือ M 150 แต่ยิงคำผรุสวาท ครับ… ไม่รู้ไปเลียบแบบที่ไหนมา..หุหุ



แตงกะน้ำ..

11 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 20:13 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 974

บางทราย: แตง…เธอคิดอย่างไรต่อแดง…ชาวบ้านแถวบ้านเธอคุยกันว่าอย่างไรบ้างล่ะ

แตง: โอย…เมื่อสองสามวันมีคนไปประกาศว่าให้ไปลงชื่อเป็นสมาชิกแดง เอาทักษิณกลับประเทศไทย แล้วจะได้เงินใช้ ก่อนหน้านี้เขาก็เอาเงินมาแจก หนูยังไปรับของเขาเลย ได้มา 500 บาท..

บางทราย: ชาวบ้านคิดอย่างไรล่ะ..

แตง: เขาชอบทักษิณ เพราะทำให้ชาวบ้านมีเงินกู้ เศรษฐกิจดี

บางทราย: น้ำ เธอคิดอย่างไรต่อแดงล่ะ

น้ำ: เขาดีนะ คนจนๆรักษาฟรี มีเงินในหมู่บ้าน ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

บางทราย: น้ำ เธอไม่รู้ใช่ไหมว่า สามสิบบาทรักษาทุกโรคนั้น ทักษิณไม่ได้เป็นคนคิด คุณหมอสงวนและเพื่อนๆหมอเป็นคนคิด แล้วทักษิณเห็นดีก็เอาไปเป็นนโยบายของพรรคการเมืองเขา

น้ำ: หนูไม่รู้หรอก แต่เขาก็ดีนี่นะ อภิสิทธิ์มาแย่งตำแหน่งเขาไป

……..

สังคมไทยเรานั้นตกอยู่ภายใต้การโฆษณาชวนเชื่อ หรือ..

สังคมไทยเราตกอยู่ภายใต้การนำของระบบสื่อสารมวลชน หรือ..

สังคมชนบท กลุ่มคนรากหญ้า หรือคนชั้นล่างนั้น รับเฉพาะสิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน สิ่งที่ได้มา แต่เหตุผลเบื้องหลังของที่เห็น การได้ยิน การได้มาคืออะไร ไม่มีข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในสิ่งที่เห็น ได้ยิน…

น่ากลัวจริงๆ… เพราะสิ่งใกล้ตัวของผมนั้นคือพี่น้องดงหลวงก็ไม่ก้าวข้ามสิ่งที่ผมกล่าวมานั้น

หากว่าคนไทยนับถือศาสนาพุทธ และศาสนาพุทธมีคำสอนมากมายถึงเรื่องที่ผมกล่าวมาทั้งหมดว่าอย่าเชื่อเพราะคนพูดน่าเชื่อถือ และ…..

แต่จริงๆพุทธศาสนิกชนก็เป็นแค่คนที่มีชื่อในบัตรประจำตัวประชาชนที่ระบุว่ามีศาสนาพุทธเท่านั้นหรือ….

โครงการพัฒนาเช่นที่ผมทำ และรับผิดชอบอยู่นี้จะมีส่วนมากน้อยแค่ไหนต่อประเด็นเหล่านี้ คือโจทย์ใหญ่ที่แบกอยู่


เที่ยวลาวใต้ 6 ตลาดและตาดฟาน

331 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 17:38 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5718

วันสุดท้ายที่เราอยู่ในปากเซ เมืองจำปาสักนั้น เราไปชมตลาดใหม่ของเมืองปากเซ มีคำกล่าวว่า หากจะดูความอุดมสมบูรณ์ของท้องที่ใดๆก็ให้ไปดูที่ตลาด เราพบว่าเมืองปากเซนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก


ระบบตลาดยังเป็นแบบเดิมๆส่วนใหญ่ก็เป็นแบบแบกะดินของกินของใช้มากมายโดยเฉพาะของกินนั้นมีครบสารพัดที่เป็นแบบพื้นเมืองพื้นบ้าน



หากเอาปริมาณและชนิดของอาหารมาเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของท้องถิ่นนั้นๆ ปากเซก็มีความสมบูรณ์มากๆโดยเฉพาะผลผลิตที่มาจากลำน้ำโขง ทั้งปลานานาชนิด หลายชนิดผมไม่เคยเห็นมาก่อน พืชผัก ต่างๆมาจาก “ดอน” หรือเกาะแก่งที่อยู่กลางลำน้ำโขง โดยเฉพาะที่เรียกว่า “สีพันดอน” นั้นคืออู่ข้าวอู่น้ำของเมืองปากเซ จำปาสัก และผมเดาว่ายังส่งอาหารเหล่านี้ไปเมืองอื่นๆด้วย


เราเดินทางต่อไปยังตาดฟาน ตาดคือน้ำตก ที่นั่นมีรีสอร์ทอยู่ด้วย พบว่ามีฝรั่งมาเช่าพักกันมาก ตาดฟานเป็นน้ำตกที่มีความสูงมากกว่า 200 เมตร อยู่ในหุบเขาใหญ่ เราต้องยืนดูที่ขอบหุบเขาหนึ่งแล้วดูไปที่อีกหุบเขาหนึ่งทางทิศตะวันตก จะเห็นตาดฟาน


รอบๆคือป่าทึบ ผมชอบที่นี่มากที่สุด ด้วยเหตุผลที่น้ำตกสวยแม้จะไกลเราไม่มีโอกาสสัมผัสนอกจากดู แต่ก็ดีไปอย่างที่น้ำตกจะไม่มีการท่องเที่ยวไปรบกวนความเป็นธรรมชาติของเขา ที่รีสอร์ทนี้มีอาคารที่จำหน่ายอาหาร กาแฟเครื่องดื่มต่างๆ ต้นไม้ครึ้มไปหมด ชอบมากครับ


เนื่องจากเป็นหุบเขากว้างใหญ่ จนไม่ได้ยินเสียงน้ำตก ฝรั่งแต่ละคนที่มายืนดู เขาใช้เวลานานมาก จนเรานึกในใจว่า ขยับเสียทีซิจะได้ยืนตรงนั้นบ้างเพราะเป็นจุดที่ดูดีที่สุด อิอิ

เรานั่งดื่มกาแฟสดและดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่นานพอสมควร เราไปแบบครอบครัวจึงใช้เวลาได้เต็มที่ มองไปรอบๆเห็นภาพคนไทยจำนวนมากที่ดังๆมาเยี่ยมที่นี่แล้ว ดูเอาเองว่าใครเป็นใครนะครับ




Main: 0.078052043914795 sec
Sidebar: 0.046656131744385 sec